JJNY : 5in1 ก้าวไกลขยับปมทับลาน│กมธ.จ่อถกปม‘ทับลาน’│นายแบงก์ห่วงหนี้ครัวเรือน│ออสซี่แฉจีน│UN ชี้รพ.เด็กน่าถูกจรวดรัสเซีย

ก้าวไกล ขยับปม ทับลาน จี้เร่งทำ One Map ให้ทุกฝ่ายยึดเป็นมาตรฐาน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_777777821679

 
ก้าวไกล ขยับปม ทับลาน หนุนทำ One Map ให้ทุกฝ่ายยึดเป็นมาตรฐาน แก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนทั่วประเทศ ชี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำให้สำเร็จ หวั่นเกิดอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
 
วันที่ 9 ก.ค.2567 พรรคก้าวไกล – Move Forward Party โพสต์ข้อความเกี่ยวกับปัญหาทับลาน ความว่า

จี้รัฐเร่งทำ One Map แก้ปัญหาทับลาน ที่ดินทับซ้อนทั่วประเทศ
 
กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดรับฟังความเห็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติทับลาน พื้นที่ 265,266 ไร่ ออกจากการเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นำไปเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทำให้เกิดเสียงคัดค้านกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
 
พูนศักดิ์ จันทร์จําปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธาน กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องย้อนไปถึงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ที่ออกมาเมื่อปี 2558 เพื่อแก้ปัญหาเขตที่ดินทับซ้อนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ
 
แต่จนถึงวันนี้ล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี One Map ยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากมีเสียงคัดค้านเกิดขึ้นระหว่างทาง เช่นเดียวกับที่เกิดในกรณีอุทยานทับลาน

- ในแง่ข้อเท็จจริง กรณีทับลานเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่มีข้อร้องเรียนเรื่องพื้นที่ทับซ้อน จากการที่กรมอุทยานฯ ประกาศแนวเขตเมื่อปี 2524 ทับแนวเขตที่หน่วยงานอื่นเคยประกาศไปก่อนหน้าและได้จัดสรรเป็นที่ดินทำกินให้ประชาชนไปแล้ว
 
โดยวันพุธที่ 10 ก.ค. นี้ กมธ.ที่ดินฯ จะพิจารณาการบรรจุเรื่องร้องเรียนของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ที่ยื่นให้ กมธ.ที่ดินฯ ตรวจสอบกระบวนการเพิกถอนพื้นที่อุทยานฯ ดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นกรณีเร่งด่วน เพื่อนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมวันที่ 17 ก.ค. ต่อไป

- สำหรับพรรคก้าวไกล เราสนับสนุนการจัดทำ One Map เพื่อให้ทุกฝ่ายทุกหน่วยงานสามารถยึดถือแผนที่อันเดียวกันเป็นมาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่ประกอบกันอย่างรอบคอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนที่ต่อสู้เรื่องแนวเขตและสามารถพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวได้ ควบคู่กับการดูแลรักษาเขตป่าอนุรักษ์ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ รวมถึงการกวดขันการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องป้องกันมิให้ที่ดินป่าถูกบุกรุกโดยนายทุน
 
ดังนั้นการปรับปรุงแนวเขตตาม One Map เป็นเรื่องสำคัญ ต้องทำให้สำเร็จ มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาเช่นกรณีอุทยานทับลานในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งพรรคก้าวไกลจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
 
https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/posts/1056465589376126
 


กมธ.จ่อถกปม‘ทับลาน’ ชี้มี 3 กลุ่มอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน อย่าตีขลุมเป็นอุทยานทั้งหมด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777822130

กมธ.ที่ดินฯ จ่อถกดราม่า ‘ทับลาน’ ชี้มีคน 3 กลุ่มอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน อย่าตีขลุมเป็นอุทยานฯทั้งหมด ยันประชาชนที่อยู่มาก่อนประกาศเขตอุทยานฯ ปี 2524 ต้องได้รับสิทธิ์ เร่งศาลพิจารณา 400 กว่าคดีหวั่นกระทบวันแม็พ
 
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2567 ที่รัฐสภา นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดิน  ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์กรณีดราม่าเฉือนพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน 2.65 แสนไร่ ก่อนมีกระแสตีกลับว่าข้อมูลที่ออกมาไม่เป็นความจริง ว่า ข้อมูลต่างๆ ยังต้องมีกระบวนการพิสูจน์และตรวจสอบอีก
 
โดยคณะกรรมาธิการที่ดินฯ จะบรรจุเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมวันที่ 10 ก.ค. เพื่อขอมติที่ประชุมในการบรรจุวาระกรณีป่าทับลาน เข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 17 ก.ค. ซึ่งการประชุมของ คณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมอุทยานฯ มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ส.ป.ก. และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาประกอบการพิจารณาเพื่อให้เกิดความกระจ่างกับสังคม และจะแจ้งผลการพิจารณาให้ประชาชนรับทราบต่อไป
 
เมื่อถามว่าโดยหลักการพรรคก้าวไกลมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร นายพูนศักดิ์ กล่าวว่า ในการบริหารจัดการพื้นที่ป่าโดยเฉพาะในเขตพื้นที่อุทยานฯ เราต้องมองแต่ละบริบทแตกต่างกันออกไป ในเขตอุทยานฯ ทับลานมีประชาชน 3 กลุ่มทับซ้อนกันอยู่ในเขตพื้นที่ตรงนี้
 
กลุ่มแรกคือ ประชาชนที่อยู่มาก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ ปี 2524 กลุ่มที่สองคือ ประชาชนที่ได้รับ ส.ป.ก.และอนุญาตให้ทำกินในพื้นที่ส.ป.ก. และกลุ่มที่สามคือ กลุ่มที่เข้ามาหลังประกาศเขตอุทยานฯ และทำให้เกิดคดีความ เท่าที่เราทราบมีอยู่ 400 กว่าคดีที่กรมอุทยานฯ ฟ้องร้องกับผู้บุกรุกพื้นที่
นายพูนศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 3 กลุ่มนี้เราต้องดำเนินการในแต่ละเคสแยกแตกต่างกันออกไป ไม่ใช่รวมทุกอย่างเหมาเข่งรวมกันแล้วประกาศพื้นที่อุทยานฯ ทั้งหมด เพราะรวมทั้งหมดประชาชนกลุ่มแรก จะเสียสิทธิ์
 
เราต้องยอมรับว่าสิทธิ์ของประชาชนที่อยู่มาก่อนในพื้นที่ป่าต้องได้รับการพิสูจน์ และการพิสูจน์สิทธิ์นี้ต้องอาศัยกระบวนการดำเนินการ ซึ่งอาจจะล่าช้าไปบ้าง แต่มีความคุ้มค่าต่อประชาชนที่รอคอยสิทธิ์ตรงนี้มาตั้งแต่ปี 2524 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 40 กว่าปี ควรให้เขาได้มีสิทธิ์ของเขาเหมือนกัน
 
ส่วนประชาชนกลุ่มที่ได้รับส.ป.ก. คงต้องดำเนินการไปตามนั้น เพราะหน่วยงานรัฐคือ ส.ป.ก.เป็นคนออกเอกสารสิทธิ์ให้เขา ส่วนกลุ่มสุดท้ายที่ถูกดำเนินคดีอยู่ ต้องปล่อยไปสู่กระบวนการของศาล และต้องเร่งพิจารณา เพราะจะมีผลกระทบต่อการประกาศแผนที่วันแม็พต่อเนื่องไปด้วย
 
เมื่อถามว่ามีข้อมูลจากบางกลุ่มว่าอาจจะมีกลุ่มทุนเข้ามาได้รับผลประโยชน์ในการเพิกถอนพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน นายพูนศักดิ์ กล่าวว่า คำว่ากลุ่มทุนที่จะเข้ามามีผลประโยชน์ ต้องมองจาก 3 กลุ่ม ว่ากลุ่มไหนมีความเสี่ยงที่กลุ่มทุนจะเข้ามามีผลประโยชน์ ถ้าดูกลุ่มที่หนึ่ง เราต้องยอมรับว่าการพิสูจน์สิทธิ์ก็เป็นขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการ ซึ่งการพิสูจน์สิทธิ์จะเป็นชาวบ้านกลุ่มเดิม หรือมีการซื้อขายเปลี่ยนมือนั้น คิดว่าต้องมีการพิสูจน์ใหม่กันอีกครั้งหนึ่ง
 
ส่วนในกลุ่ม ส.ป.ก.ไม่น่ามีปัญหา เพราะด้รับเอกสารสิทธิ์มาอยู่แล้ว แต่เรื่องการจะพิสูจน์ต่อเนื่องกันไปว่ามีการทำอาชีพเกษตรกรรมจริงหรือไม่อย่างไรนั้น เป็นเรื่องของ ส.ป.ก.ที่ต้องไปดำเนินการต่อ ส่วนกลุ่มสุดท้ายมันแน่นอนอยู่แล้ว ว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการชั้นศาล ต้องรอให้ศาลดำเนินการต่อ



นายแบงก์ ห่วงหนี้ครัวเรือน – กลุ่มรายได้น้อยกดศก.ปีนี้ สหรัฐขัดแย้งจีน อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูปไทยได้ประโยชน์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4671244

นายแบงก์ ห่วงหนี้ครัวเรือน – กลุ่มรายได้น้อยกดศก.ปีนี้ สหรัฐขัดแย้งจีน อิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูปไทยได้ประโยชน์
 
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยถึง สถานการณ์เศรษฐกิจไทยว่า ภาพรวมครึ่งปีแรก 2567 การเติบโตของเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ มีอัตราเติบโตเพียง 1.5% เทียบกับปีก่อน ผลมาจากการลงทุน ภาคเอกชนที่ชะลอตัวและการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลที่ล่าช้า โดยปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกคือ การใช้จ่ายในภาคการท่องเที่ยว
 
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3 มี 4 ปัจจัยเสี่ยงหลัก หรือ เรียกย่อๆว่า GERM มี ดังนี้
 
1. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ป่วนโลก (Geo politics) กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน และต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรือที่จะสูงขึ้น เสี่ยงทำราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 ดออลาร์ต่อบาร์เรล และกระทบห่วงโซ่อุปทานหมู่หยุดชะงัก

2. การเลือกตั้งเปลี่ยนขั้วการเมือง (Elections) ที่น่าจับตาคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 นี้ จะมีความสำคัญต่อทิศทางการค้า การลงทุน และกระแสโลกาภิวัตน์ดีกลับ ที่จะกระทบกับเศรษฐกิจไทยได้

3. อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูงและลากยาว (interest rate) อัตราดอกเบี้ยที่สูงลากยาวหากเงินเฟ้อสหรัฐไม่ลดลง ชัดเจนกระทบทุนไหลออกทำเงินบาทอ่อนค่า
 
4. ภาคการผลิตหดตัวต่อเนื่อง (Manufacturing) ซึ่งกระทบกับประเทศไทยโดยตรง การผลิตทรุดขาดความเชื่อมั่นทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ สินค้าจีนราคาถูกทะลัก เอสเอ็มอี ทำให้ประเทศไทยรับมือไม่ไหว และ โรงงานทยอยปิดตัวลง หวังว่ารัฐบาลไทยจะมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาและเร่งให้ SMEs ไทยปรับตัวได้ในไม่ช้า
 
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังของปี 2567 และ ปี 2568 นายอมรเทพ เปิดเผยว่า สำนักวิจัย CIMBT คงคาดการณ์การขยายตัวของ GDP สำหรับปี 2567 ทั้งปีไว้ที่ 2.3% และให้แนวโน้มสำหรับปี 2568 ที่ดูมีความหวังมากขึ้นไว้ที่ 3.2% โดยคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะเร่งตัวขึ้น โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศ ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป รวมถึงการส่งออกที่จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการค้าโลกและความ ต้องการสินค้าของไทย ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนน่ามีผลให้ไทยได้ประโยชน์จากการค้าระหว่างไทยกับ สหรัฐได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคการผลิตและการจ้างงาน โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอาหารแปรรูป
 
ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยเสี่ยง 4 ปัจจัยดังกล่าวแต่เชื่อว่ารัฐบาลไทยมีงบประมาณและดำเนินมาตรการการคลังที่มุ่งเป้าเพื่อกระตุ้นการ ลงทุนและเพิ่มการบริโภคภายในประเทศโดยไม่เพิ่มภาระหนี้ของรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ โครงการ โครงสร้างพื้นฐานกำลังเร่งตัวขึ้น ทำให้การเชื่อมต่อดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสในการจ้างงาน” นายอมรเทพ กล่าว
 
นอกจากนั้น นายอมรเทพ กล่าวว่า การที่คณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยและโยนกลับไปที่นโยบายการคลัง ให้การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เนื่องจาก เสถียรภาพทางเศรษฐกิจปัจจุบันที่เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ ไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยมา สนับสนุน , การควบคุมเงินเฟ้อที่อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันช่วยในการควบคุมเงินเฟ้อ, ภาพรวมเสถียรภาพทางการเงิน ที่อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันป้องกันการรับความเสี่ยงเกินความและความยืดหยุ่นในอนาคต ที่ อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันให้พื้นที่สำหรับการปรับในอนาคตหากมีการ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
 
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในการประชุมวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา เพื่อรักษาระดับการกู้ยืมของครัวเรือนเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาวจากหนี้ครัวเรือนที่ เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ธปท. ส่งเสริมให้ครัวเรือนจัดการหนี้อย่างรับผิดชอบและพิจารณาโครงการปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาทางการเงิน ส่วนเงินเฟ้อยังอยู่ภายใต้กรอบที่ธปท.สามารถควบคุมได้ ขณะที่การฟื้นตัวทาง เศรษฐกิจเป็นไปตามคาดการณ์ของธปท. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการลดดอกเบี้ยเพื่อเร่งการ เติบโตทางเศรษฐกิจ 
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการประชุมเดือนธันวาคมจะมีการลดดอกเบี้ยลง 0.25% ไปสู่ระดับที่ 2.25% เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 และให้สอดคล้องกับระดับศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ
 
นายอมรเทพ เผยว่า สิ่งที่น่าเป็นกังวลในช่วงเวลานี้ คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงถึง 90% ของจีดีพี รวมถึงความสามารถในการหารายได้ของกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย รวมถึงกังวลเรื่องตราสารหนี้ของประเทศไทย ซึ่งอยากแนะนำนักลงทุนให้หากลุ่มเรตติ้งที่ดี มีความสามารถในการชำระหนี้ เพราะปัจจุบันมีความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นสูง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่