พ่อค้าร้านของวินเทจ สะท้อนภาพ ศก.เชียงใหม่ มีแต่คนเอาของเก่าของโบราณมาขาย
https://www.thairath.co.th/news/local/localbusiness/2798477
พ่อค้าร้านของวินเทจ ขายของเก่า ของมือสอง ชี้ปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่เชียงใหม่ คาดเงินดิจิทัลไม่ได้มาช่วย จากเดิมที่มีคนหาซื้อของโบราณ ของมือสองไปตกแต่งบ้านหรือซื้อไปสะสม กลับสวนทาง ยิ่งช่วง 3 เดือนหลังมีแต่ชาวบ้านที่มีของเก่าของโบราณมาขายเกือบทุกวัน
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า “ที่กาดวินเทจ” สี่แยกศรีบัวเงินพัฒนา ร้านจำหน่ายสินค้ามือสอง สินค้าโบราณ ทาง นาย
สิรภพ มโนรส เจ้าของร้าน ชาวบ้านในตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจในขณะนี้ ได้ต่อเนื่องมาจากเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่คิดเป็นมา 7-8 เดือนแล้ว ตอนนี้การรับซื้อของเก่าของโบราณกลับเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน จากที่เคยมีสัปดาห์ละ 1-2 เจ้าที่จะเรียกไปรับซื้อ หรือนำมาขายให้ ตอนนี้ได้แต่รับซื้อ จนต้องงดรับซื้อ เพราะมีจำนวนมากแต่ขายกลับออกไปไม่ได้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อเข้าและขายออก ต้องนำเงินส่วนตัวออกมา แต่ก็ต้องหยุดหากนำไปใช้จนหมด สินค้าขายไม่ได้กระทบต่อใช้ชีวิตประจำวัน
"
อย่างไรก็ตาม นอกจากชาวบ้านแล้ว ผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหารโรงแรม ที่ไปต่อไม่ได้ก็นำของที่จะสามารถแปลงเป็นทรัพย์สินได้ ขายเป็นมือสองก็เพิ่มมากขึ้น แต่กำลังทรัพย์จากเราจะไปซื้อก็ไม่ได้ จะซื้อเท่าที่ได้ ตอนนี้ต้องชะลอการรับซื้อแล้ว เพราะอาจจะไปต่อไม่ได้หากสินค้าตกค้างจำนวนมาก" เจ้าของกาดวินเทจ กล่าว
ขณะเดียวกันยังได้เปิดท้ายรถขายสินค้ามือสอง ในถนนคนเดินสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุด ในจังหวัดเชียงใหม่ ย่านหนองฮ่อ ผ่านมา 7-8 เดือนมานี้ผู้คนออกมาเดินซื้อของน้อยมาก พ่อค้าแม่ค้าได้แต่นั่งมองหน้ากัน ทำให้เศรษฐกิจที่ว่าจะดีขึ้นหลังพ้นโควิด-19 กลับสวนทาง ไม่ได้ฟักตัวแต่กลับเป็นการซ้ำเติมเสียมากกว่า หวังทุกต้นเดือนจะมีลูกค้าเข้ามากก็เงียบมีแต่ความหวังเท่านั้น ส่วนเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าสินค้ามือสอง สินค้าโบราณ คงไม่ตกมาถึงมือมาช่วยให้เศรษฐกิจด้านนี้ดีขึ้นมา หวังให้รัฐบาลมองถึงการค้าขายกลุ่มนี้ ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมของผู้ประกอบการทุกภาคส่วน จะดีมากขึ้น โดยเสริมให้แต่ละจังหวัดเข้ามาเสริมช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกด้านด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ
วิทยุจราจร เพื่อชุมชนเชียงใหม่ ได้โพลต์ภาพและข้อความดังของเชียงใหม่ได้โพสต์ข้อความและภาพ ที่ถ่ายมาจากย่านถนนนิมานเหมินทร์ในช่วงกลางคืน เงียบเหงาอย่างมากปราศจากนักท่องเที่ยวที่เดินกันยามค่ำคืนแต่อย่างใด หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวหายไปไหนหมดในช่วงกลางคืนซึ่งย่านแห่งนี้เป็นย่านสถานบันเทิงปกติจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินกันจำนวนมาก.
https://www.facebook.com/radiotrafficpolicechiangmai/posts/pfbid02YWab8NRAhcfp7mx14r43tiA443NjczH72fAZYjhm7L2z6qpizQtyX96LSUhAcVx2l
พิษเศรษฐกิจ ครัวเรือนขาดสภาพคล่อง ดันธุรกิจ ‘จำนำทะเบียนรถ’ โตกระฉูด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4666379
พิษเศรษฐกิจ ครัวเรือนขาดสภาพคล่อง ดันธุรกิจ ‘จำนำทะเบียนรถ’ โตกระฉูด
ปัจจุบัน “
เศรษฐกิจไทย” กำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ “
หนี้ครัวเรือนสูง-กำลังซื้อดิ่ง” เรื้อรัง ยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน โดยเฉพาะภาคอสังริมทรัพย์และรถยนต์ ที่กำลังเจอปัญหาหนัก
โฟกัส “
ตลาดรถยนต์” มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจโดยฝ่ายวิจัยธุรกิจธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ ถึงภาพพรวมธุรกิจธุรกิจเช่าซื้อยานยนต์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 โดยระบุว่ามีทิศทางปรับตัวชะลอลง สะท้อนจากยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ที่ชะลอตัวลงจากทั้งในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และ Non-Bank เป็นผลมาจากยอดจำหน่ายยานยนต์ภายในประเทศที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 มียอดจำหน่าย รถยนต์ทั้งสิ้น 260,2365 คัน ลดลง 23.8% และมียอดจำหน่าย
รถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น 739,988 คัน ลดลง 9.2% ทั้งนี้ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ปรับลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก “กำลังซื้อภายในประเทศ” ที่ถูกกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น
รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากความกังวลที่มีต่อคุณภาพสินเชื่อ ประกอบกับประเด็น “การคืนรถจบหนี้” ที่ส่งผลให้สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับสัดส่วนเงินดาวน์และวัตถุประสงค์ในการกู้ซื้อรถมากยิ่งขึ้น
ด้าน “
ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ” ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ยังคงมีการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในภาพรวมมียอดคงค้างทั้งสิ้น 395,221 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% แบ่งเป็นยอดสินเชื่อคงค้างในระบบธนาคารพาณิชย์ 90,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนที่เหลือเป็นยอดสินเชื่อคงค้างในกลุ่ม Non-Bank จำนวน 304,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4%
ซึ่งการเติบโตดีต่อเนื่องของธุรกิจจำนำทะเบียนรถ มีปัจจัยสำคัญจากภาคเอกชนที่ยังคง “
ขาดสภาพคล่อง” โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SME ที่เป็นนกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจและได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจสะสมต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนกระทั่งปัจจุบันประกอบกับแรงกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และต้นทุนในการประกอบธุรกิจที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยและระดับราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจจำนำทะเบียนรถมากขึ้น เพราะมองเห็นโอกาสจากตลาดที่เติบโตดีต่อเนื่องและมีผลตอบแทนสูง ในช่วงที่ตลาดเช่าซื้อยานยนต์ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ของกลุ่ม Non-Bank ยังคงเร่งขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยสะท้อนจากฐานสินเชื่อของผู้ประกอบการทุกรายที่ยังคงมีอัตราการขยายตัวสูง
ด้านคุณภาพสินเชื่อในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 พบว่าในภาพรวม สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของสินเชื่อทั้งในระบบธนาคารพาณิชย์และกลุ่ม Non-Bank ต่างมีทิศทางปรับตัวด้อยลงเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ขณะที่ยังคงมีสัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยง
ด้านเครดิตสะสมอยู่ในเกณฑ์สูง โดยการปรับด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อส่วนหนึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีและความไม่แน่นอนทางการเมือง
เมื่อรวมกับปัจจัยเปราะบางทางเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น จึงส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคเอกชนปรับลดลงทั้งในส่วนของครัวเรือนและผู้ประกอบธุรกิจ
สำหรับแนวโน้มปี 2567-2568
“ธุรกิจเช่าซื้อยานยนต์” มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามทิศทางการชะลอตัวของตลาดยานยนต์ภายในประเทศ โดยประมาณการณ์ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
จากปัจจัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาหนี้ครัวเรือน รวมถึงค่าครองชีพที่ถูกกดดันจากราคาพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น ประกอบกับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังคงมีความกังวลต่อคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ที่อาจปรับตัวด้อยลงได้
ด้าน “
ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ” มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง มีปัจจัยสนับสนุนจาก “
การขาดสภาพคล่อง” ของภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SME ที่คาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ
ขณะที่มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภาคครัวเรือนของรัฐบาลมีแนวโน้มจะล่าช้าจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ประกอบกับค่าครองชีพและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มยังอยู่ในระดับสูงตามระดับราคาพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม “
ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ” ยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง จากผู้เล่นจำนวนมากที่มีในตลาด โดยเฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ที่เร่งขยายสาขาบริการต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อที่มีสะสมในเกณฑ์สูง
อีกทั้งทิศทางการปรับลดลงของราคา “
รถยนต์มือสอง” จากรถยึดที่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น และแรงกดดันจากราคาขายรถยนต์ใหม่ที่ถูกปรับลงต่อเนื่องโดยเฉพาะ “
กลุ่มรถไฟฟ้า” (EV) อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการขาดทุนจากการขายรถยึดในระยะต่อไปได้
ปล่อยกุ้งเกือบแสนตัวถึงเวลาเปิดบ่อจับ ช็อกมีแต่ ‘หมอคางดำ’ ซ้ำร้ายขายไม่มีผู้ซื้อ
https://www.dailynews.co.th/news/3610971/
ปัญหาปลาหมอคางดำที่แพร่ระบาดไปทั่วในหลายพื้นที่รวมทั้งภาคใต้ และยังไม่มีทีท่าว่าจะกำจัดอย่างได้ผล ล่าสุดผู้เพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำใน จ.สมุทรสงคราม โอดครวญ ปล่อยกุ้งเกือบแสนตัว 6 เดือนเปิดบ่อจับกุ้ง มีแต่ปลาหมอคางดำ ซ้ำร้ายขายไม่มีผู้ซื้อ เพราะใช้กากชา หากนำมาทำเหยื่ออาจทำให้ทั้งปลากะพงและปูทะเลตายได้
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 67 นาย
วิสูตร นาคขันทอง อายุ 58 ปี ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบนพื้นที่ 20 ไร่ หมู่ 4 ต.บางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงครามใกล้กับดอนหอยหลอด กล่าวถึงปัญหาปลาหมอคางดำ ว่าระบาดเข้ามาในพื้นที่เกือบ 10 ปีแล้ว สร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสและตนก็เริ่มจะหมดทุน ล่าสุดตนเลี้ยงกุ้งกุลาดำและปูทะเลในบ่อระบบปิด มีการผันน้ำทะเลเข้าบ่อ ปกติจะมีสัตว์น้ำธรรมชาติติดเข้ามาด้วย ถือเป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรริมทะเลซึ่งเป็นเรื่องปกติ หลังจากปล่อยน้ำเข้ามาพักไว้ระยะหนึ่ง ก็ซื้อลูกกุ้งมาปล่อย 60,000 ตัว พร้อมปูทะเลจำนวนหนึ่ง เลี้ยงด้วยอาหารตามปกติ ผ่านไป 6 เดือน เปิดบ่อจับกุ้งลมแทบจับ เหลือกุ้งให้จับแค่ 10% นอกนั้นเป็นปลาหมอคางดำ ส่วนปูทะเลแม้จะใส่กระชังเลี้ยง แต่ก็ไม่วายถูกกัดก้ามแหว่งขาด้วนก็มี
นาย
วิสูตร กล่าวว่า 7-8 ปีก่อน ที่ปลาหมอคางดำยังไม่แพร่ระบาด บ่อเลี้ยงกุ้ง 20 ไร่นี้ ตนเคยจับกุ้งกุลาและปลาธรรมชาติได้ถึง 4-5 ตัน ปัจจุบันเป็นปลาหมอคางดำกว่า 2 ตัน ที่สำคัญ โรงงานไม่รับซื้อ เพราะตนใส่กากชา ตามที่มีผู้แนะนำว่า กากชาจะไปฝังในเหงือกปลาหมอคางดำตัวใหญ่ที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ ทำให้หายใจไม่ออกและตายได้ ที่จับได้จึงต้องทำลายทิ้ง เพราะหากเอาไปทำเหยื่อปลากะพงหรือปูทะเล กากชาที่ปะปนจะทำให้ตายได้เช่นกัน ช่วงนี้จึงแก้ปัญหาแบบเอาตัวรอดไปก่อน โดยใช้วิธีอนุบาลลูกกุ้งและลูกปลากะพงที่ซื้อมาในกระชังประมาณ 1 เดือน เลี้ยงอาหารเต็มที่จนตัวโตจึงปล่อยลงบ่อเลี้ยง จะได้ไม่เป็นเหยื่อให้ปลาหมอคางดำไล่จับกินได้ง่ายๆ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะลูกปลาหมอคางดำเกิดเร็วมาก ขนาดพ่อแม่พันธุ์จะตาย ยังพ่นไข่ที่อมในออกมา ไม่นานไข่ปลาจะฝักตัวเกิดลูกปลาเต็มบ่ออีกเหมือนเดิม
นาย
วิสูตร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนหาวิธีกำจัดปลาหมอคางดำมาหลายวิธีแล้ว เช่น ซื้อปลากะพงขนาด 3 นิ้ว มาปล่อย 10,000 ตัว หมดเงินไป 350,000 บาท เพื่อจะให้กินลูกปลาหมอคางดำ แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ไหว เพราะปลากะพงบางตัวที่โตช้า ก็เป็นเหยื่อให้กับปลาหมอคางดำที่ตัวใหญ่เช่นกัน พอ 6 เดือนเปิดบ่อ เหลือปลากะพงให้จับแค่ 5,000 ตัว น้ำหนัก 3 ตัน หรือ 3,000 กิโลกรัม แถมน้ำหนักปลากะพงยังหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เหลือตัวละ 7-9 ขีด ทั้งที่ควรจะหนักตัวละ 1 กิโลกรัมขึ้นไป จับขายก็ได้แค่ทุนคืน แต่ขาดทุนทั้งค่าอาหารและค่าไฟฟ้าที่ใช้ปั่นออกซิเจนในบ่ออีก
JJNY : สะท้อนภาพศก.เชียงใหม่│พิษศก.ดัน‘จำนำทะเบียนรถ’โต│ปล่อยกุ้งเกือบแสน ช็อกมีแต่‘หมอคางดำ’│ญี่ปุ่นปรับขึ้นค่าจ้าง
https://www.thairath.co.th/news/local/localbusiness/2798477
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า “ที่กาดวินเทจ” สี่แยกศรีบัวเงินพัฒนา ร้านจำหน่ายสินค้ามือสอง สินค้าโบราณ ทาง นายสิรภพ มโนรส เจ้าของร้าน ชาวบ้านในตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากปัจจัยลบทางเศรษฐกิจในขณะนี้ ได้ต่อเนื่องมาจากเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่คิดเป็นมา 7-8 เดือนแล้ว ตอนนี้การรับซื้อของเก่าของโบราณกลับเพิ่มขึ้นแทบทุกวัน จากที่เคยมีสัปดาห์ละ 1-2 เจ้าที่จะเรียกไปรับซื้อ หรือนำมาขายให้ ตอนนี้ได้แต่รับซื้อ จนต้องงดรับซื้อ เพราะมีจำนวนมากแต่ขายกลับออกไปไม่ได้ เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อเข้าและขายออก ต้องนำเงินส่วนตัวออกมา แต่ก็ต้องหยุดหากนำไปใช้จนหมด สินค้าขายไม่ได้กระทบต่อใช้ชีวิตประจำวัน
"อย่างไรก็ตาม นอกจากชาวบ้านแล้ว ผู้ประกอบการที่พัก ร้านอาหารโรงแรม ที่ไปต่อไม่ได้ก็นำของที่จะสามารถแปลงเป็นทรัพย์สินได้ ขายเป็นมือสองก็เพิ่มมากขึ้น แต่กำลังทรัพย์จากเราจะไปซื้อก็ไม่ได้ จะซื้อเท่าที่ได้ ตอนนี้ต้องชะลอการรับซื้อแล้ว เพราะอาจจะไปต่อไม่ได้หากสินค้าตกค้างจำนวนมาก" เจ้าของกาดวินเทจ กล่าว
ขณะเดียวกันยังได้เปิดท้ายรถขายสินค้ามือสอง ในถนนคนเดินสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุด ในจังหวัดเชียงใหม่ ย่านหนองฮ่อ ผ่านมา 7-8 เดือนมานี้ผู้คนออกมาเดินซื้อของน้อยมาก พ่อค้าแม่ค้าได้แต่นั่งมองหน้ากัน ทำให้เศรษฐกิจที่ว่าจะดีขึ้นหลังพ้นโควิด-19 กลับสวนทาง ไม่ได้ฟักตัวแต่กลับเป็นการซ้ำเติมเสียมากกว่า หวังทุกต้นเดือนจะมีลูกค้าเข้ามากก็เงียบมีแต่ความหวังเท่านั้น ส่วนเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าสินค้ามือสอง สินค้าโบราณ คงไม่ตกมาถึงมือมาช่วยให้เศรษฐกิจด้านนี้ดีขึ้นมา หวังให้รัฐบาลมองถึงการค้าขายกลุ่มนี้ ก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมของผู้ประกอบการทุกภาคส่วน จะดีมากขึ้น โดยเสริมให้แต่ละจังหวัดเข้ามาเสริมช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจทุกด้านด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจวิทยุจราจร เพื่อชุมชนเชียงใหม่ ได้โพลต์ภาพและข้อความดังของเชียงใหม่ได้โพสต์ข้อความและภาพ ที่ถ่ายมาจากย่านถนนนิมานเหมินทร์ในช่วงกลางคืน เงียบเหงาอย่างมากปราศจากนักท่องเที่ยวที่เดินกันยามค่ำคืนแต่อย่างใด หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวหายไปไหนหมดในช่วงกลางคืนซึ่งย่านแห่งนี้เป็นย่านสถานบันเทิงปกติจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินกันจำนวนมาก.
https://www.facebook.com/radiotrafficpolicechiangmai/posts/pfbid02YWab8NRAhcfp7mx14r43tiA443NjczH72fAZYjhm7L2z6qpizQtyX96LSUhAcVx2l
พิษเศรษฐกิจ ครัวเรือนขาดสภาพคล่อง ดันธุรกิจ ‘จำนำทะเบียนรถ’ โตกระฉูด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4666379
พิษเศรษฐกิจ ครัวเรือนขาดสภาพคล่อง ดันธุรกิจ ‘จำนำทะเบียนรถ’ โตกระฉูด
ปัจจุบัน “เศรษฐกิจไทย” กำลังเผชิญโจทย์ใหญ่ “หนี้ครัวเรือนสูง-กำลังซื้อดิ่ง” เรื้อรัง ยังไม่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ในเร็ววัน โดยเฉพาะภาคอสังริมทรัพย์และรถยนต์ ที่กำลังเจอปัญหาหนัก
โฟกัส “ตลาดรถยนต์” มีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจโดยฝ่ายวิจัยธุรกิจธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ ถึงภาพพรวมธุรกิจธุรกิจเช่าซื้อยานยนต์ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 โดยระบุว่ามีทิศทางปรับตัวชะลอลง สะท้อนจากยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ที่ชะลอตัวลงจากทั้งในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และ Non-Bank เป็นผลมาจากยอดจำหน่ายยานยนต์ภายในประเทศที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 มียอดจำหน่าย รถยนต์ทั้งสิ้น 260,2365 คัน ลดลง 23.8% และมียอดจำหน่าย
รถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น 739,988 คัน ลดลง 9.2% ทั้งนี้ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ปรับลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก “กำลังซื้อภายในประเทศ” ที่ถูกกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น
รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน เนื่องจากความกังวลที่มีต่อคุณภาพสินเชื่อ ประกอบกับประเด็น “การคืนรถจบหนี้” ที่ส่งผลให้สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับสัดส่วนเงินดาวน์และวัตถุประสงค์ในการกู้ซื้อรถมากยิ่งขึ้น
ด้าน “ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ” ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ยังคงมีการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดี โดยในภาพรวมมียอดคงค้างทั้งสิ้น 395,221 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.7% แบ่งเป็นยอดสินเชื่อคงค้างในระบบธนาคารพาณิชย์ 90,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนที่เหลือเป็นยอดสินเชื่อคงค้างในกลุ่ม Non-Bank จำนวน 304,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.4%
ซึ่งการเติบโตดีต่อเนื่องของธุรกิจจำนำทะเบียนรถ มีปัจจัยสำคัญจากภาคเอกชนที่ยังคง “ขาดสภาพคล่อง” โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SME ที่เป็นนกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจและได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจสะสมต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนกระทั่งปัจจุบันประกอบกับแรงกดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน และต้นทุนในการประกอบธุรกิจที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยและระดับราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจจำนำทะเบียนรถมากขึ้น เพราะมองเห็นโอกาสจากตลาดที่เติบโตดีต่อเนื่องและมีผลตอบแทนสูง ในช่วงที่ตลาดเช่าซื้อยานยนต์ยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ของกลุ่ม Non-Bank ยังคงเร่งขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยสะท้อนจากฐานสินเชื่อของผู้ประกอบการทุกรายที่ยังคงมีอัตราการขยายตัวสูง
ด้านคุณภาพสินเชื่อในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 พบว่าในภาพรวม สัดส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของสินเชื่อทั้งในระบบธนาคารพาณิชย์และกลุ่ม Non-Bank ต่างมีทิศทางปรับตัวด้อยลงเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ขณะที่ยังคงมีสัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยง
ด้านเครดิตสะสมอยู่ในเกณฑ์สูง โดยการปรับด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อส่วนหนึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีและความไม่แน่นอนทางการเมือง
เมื่อรวมกับปัจจัยเปราะบางทางเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน และค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น จึงส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคเอกชนปรับลดลงทั้งในส่วนของครัวเรือนและผู้ประกอบธุรกิจ
สำหรับแนวโน้มปี 2567-2568 “ธุรกิจเช่าซื้อยานยนต์” มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามทิศทางการชะลอตัวของตลาดยานยนต์ภายในประเทศ โดยประมาณการณ์ว่ายอดจำหน่ายรถยนต์ในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
จากปัจจัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัญหาหนี้ครัวเรือน รวมถึงค่าครองชีพที่ถูกกดดันจากราคาพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น ประกอบกับความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ยังคงมีความกังวลต่อคุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ที่อาจปรับตัวด้อยลงได้
ด้าน “ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ” มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง มีปัจจัยสนับสนุนจาก “การขาดสภาพคล่อง” ของภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยและผู้ประกอบการ SME ที่คาดว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ
ขณะที่มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภาคครัวเรือนของรัฐบาลมีแนวโน้มจะล่าช้าจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง ประกอบกับค่าครองชีพและต้นทุนในการดำเนินธุรกิจมีแนวโน้มยังอยู่ในระดับสูงตามระดับราคาพลังงานและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม “ธุรกิจจำนำทะเบียนรถ” ยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง จากผู้เล่นจำนวนมากที่มีในตลาด โดยเฉพาะผู้เล่นรายใหญ่ที่เร่งขยายสาขาบริการต่อเนื่อง รวมถึงความเสี่ยงด้านคุณภาพสินเชื่อที่มีสะสมในเกณฑ์สูง
อีกทั้งทิศทางการปรับลดลงของราคา “รถยนต์มือสอง” จากรถยึดที่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น และแรงกดดันจากราคาขายรถยนต์ใหม่ที่ถูกปรับลงต่อเนื่องโดยเฉพาะ “กลุ่มรถไฟฟ้า” (EV) อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการขาดทุนจากการขายรถยึดในระยะต่อไปได้
ปล่อยกุ้งเกือบแสนตัวถึงเวลาเปิดบ่อจับ ช็อกมีแต่ ‘หมอคางดำ’ ซ้ำร้ายขายไม่มีผู้ซื้อ
https://www.dailynews.co.th/news/3610971/
ปัญหาปลาหมอคางดำที่แพร่ระบาดไปทั่วในหลายพื้นที่รวมทั้งภาคใต้ และยังไม่มีทีท่าว่าจะกำจัดอย่างได้ผล ล่าสุดผู้เพาะเลี้ยงกุ้งกุลาดำใน จ.สมุทรสงคราม โอดครวญ ปล่อยกุ้งเกือบแสนตัว 6 เดือนเปิดบ่อจับกุ้ง มีแต่ปลาหมอคางดำ ซ้ำร้ายขายไม่มีผู้ซื้อ เพราะใช้กากชา หากนำมาทำเหยื่ออาจทำให้ทั้งปลากะพงและปูทะเลตายได้
เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 67 นายวิสูตร นาคขันทอง อายุ 58 ปี ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบนพื้นที่ 20 ไร่ หมู่ 4 ต.บางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงครามใกล้กับดอนหอยหลอด กล่าวถึงปัญหาปลาหมอคางดำ ว่าระบาดเข้ามาในพื้นที่เกือบ 10 ปีแล้ว สร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสและตนก็เริ่มจะหมดทุน ล่าสุดตนเลี้ยงกุ้งกุลาดำและปูทะเลในบ่อระบบปิด มีการผันน้ำทะเลเข้าบ่อ ปกติจะมีสัตว์น้ำธรรมชาติติดเข้ามาด้วย ถือเป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรริมทะเลซึ่งเป็นเรื่องปกติ หลังจากปล่อยน้ำเข้ามาพักไว้ระยะหนึ่ง ก็ซื้อลูกกุ้งมาปล่อย 60,000 ตัว พร้อมปูทะเลจำนวนหนึ่ง เลี้ยงด้วยอาหารตามปกติ ผ่านไป 6 เดือน เปิดบ่อจับกุ้งลมแทบจับ เหลือกุ้งให้จับแค่ 10% นอกนั้นเป็นปลาหมอคางดำ ส่วนปูทะเลแม้จะใส่กระชังเลี้ยง แต่ก็ไม่วายถูกกัดก้ามแหว่งขาด้วนก็มี
นายวิสูตร กล่าวว่า 7-8 ปีก่อน ที่ปลาหมอคางดำยังไม่แพร่ระบาด บ่อเลี้ยงกุ้ง 20 ไร่นี้ ตนเคยจับกุ้งกุลาและปลาธรรมชาติได้ถึง 4-5 ตัน ปัจจุบันเป็นปลาหมอคางดำกว่า 2 ตัน ที่สำคัญ โรงงานไม่รับซื้อ เพราะตนใส่กากชา ตามที่มีผู้แนะนำว่า กากชาจะไปฝังในเหงือกปลาหมอคางดำตัวใหญ่ที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ ทำให้หายใจไม่ออกและตายได้ ที่จับได้จึงต้องทำลายทิ้ง เพราะหากเอาไปทำเหยื่อปลากะพงหรือปูทะเล กากชาที่ปะปนจะทำให้ตายได้เช่นกัน ช่วงนี้จึงแก้ปัญหาแบบเอาตัวรอดไปก่อน โดยใช้วิธีอนุบาลลูกกุ้งและลูกปลากะพงที่ซื้อมาในกระชังประมาณ 1 เดือน เลี้ยงอาหารเต็มที่จนตัวโตจึงปล่อยลงบ่อเลี้ยง จะได้ไม่เป็นเหยื่อให้ปลาหมอคางดำไล่จับกินได้ง่ายๆ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะลูกปลาหมอคางดำเกิดเร็วมาก ขนาดพ่อแม่พันธุ์จะตาย ยังพ่นไข่ที่อมในออกมา ไม่นานไข่ปลาจะฝักตัวเกิดลูกปลาเต็มบ่ออีกเหมือนเดิม
นายวิสูตร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนหาวิธีกำจัดปลาหมอคางดำมาหลายวิธีแล้ว เช่น ซื้อปลากะพงขนาด 3 นิ้ว มาปล่อย 10,000 ตัว หมดเงินไป 350,000 บาท เพื่อจะให้กินลูกปลาหมอคางดำ แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ไหว เพราะปลากะพงบางตัวที่โตช้า ก็เป็นเหยื่อให้กับปลาหมอคางดำที่ตัวใหญ่เช่นกัน พอ 6 เดือนเปิดบ่อ เหลือปลากะพงให้จับแค่ 5,000 ตัว น้ำหนัก 3 ตัน หรือ 3,000 กิโลกรัม แถมน้ำหนักปลากะพงยังหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ เหลือตัวละ 7-9 ขีด ทั้งที่ควรจะหนักตัวละ 1 กิโลกรัมขึ้นไป จับขายก็ได้แค่ทุนคืน แต่ขาดทุนทั้งค่าอาหารและค่าไฟฟ้าที่ใช้ปั่นออกซิเจนในบ่ออีก