JJNY : 5in1 พิธากล่าวสุนทรพจน์│ก้าวไกลเตรียมสู้ศึก│ร้องกกต.เลือกสว.│ราคารถดิ่งต่อเนื่อง│รัสเซียซ้อมเครื่องยิงนิวเคลียร์

‘พิธา’ กล่าวสุนทรพจน์ ม.เมลเบิร์น ดันอาเซียน-ออสเตรเลีย ร่วมมือสร้างอำนาจกลาง ถ่วงดุลโลกทั้งด้านศก.-ความมั่นคง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4665769
 
 
‘พิธา’ กล่าวสุนทรพจน์ ม.เมลเบิร์น ดันอาเซียน-ออสเตรเลีย ร่วมมือสร้างอำนาจกลาง ถ่วงดุลโลกทั้งด้านศก.-ความมั่นคง
 
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับเชิญให้กล่าวสุรทรพจน์ “อนาคตประชาธิปไตยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น เมืองเมลเบิร์น รัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย
 
นายพิธา กล่าวว่า ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับโอกาสและความท้าทายมากมาย ในด้านโอกาสมีการคาดการณ์ว่าอาเซียนจะเติบโตถึง 5.3% ในปี 2024 ประชากรวัยหนุ่มสาวหรืออายุต่ำกว่า 30 ปีของทั้งอาเซียนอยู่ที่ 50% ขณะที่ 6 ใน 10 ของประเทศอาเซียนเพิ่งได้ผู้นำใหม่ที่ดึงค่าเฉลี่ยอายุของผู้นำอาเซียนลงมาเกือบ 20 ปี
 
แต่ขณะเดียวกัน อาเซียนก็ต้องเผชิญหน้าความท้าทายที่มีอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ที่ทำให้เกิดผู้ลี้ภัยกว่า 82,000 คน ผู้พลัดถิ่นในประเทศเกือบ 3 ล้านคน ขณะที่ภูมิทัศน์ความขัดแย้งกำลังเปลี่ยนไป แต่วิกฤติมนุษยธรรมก็ยังคงดำเนินไปเคียงคู่กัน จากประชากร 56.6 ล้านคน ขณะนี้มีชาวเมียนมากว่า 18.6 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม ซึ่งความน่าเชื่อถือของอาเซียนต่อประชาคมโลกจะถูกตัดสินจากความสามารถของเราว่า จะรับมือสถานการณ์นี้ได้ดีเพียงใด
 
นายพิธากล่าวว่า 3 ปีหลังการรัฐประหารในเมียนมา เราได้เห็นแนวโน้มการเพิ่มจำนวนของยาเสพติดที่ผลิตจากในประเทศเมียนมา การค้ามนุษย์ที่ขยายตัวมากขึ้น อาชญากรรมข้ามชาติที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือแม้แต่วิกฤติไฟป่าและหมอกควันข้ามแดนที่มีความรุนแรงขึ้น และนี่คือเหตุผลที่เหตุใดอาเซียน ควรต้องมีบทบาทต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมียนมาอย่างแข็งขัน แม้ความท้าทายนี้จะมีความซับซ้อน แต่ด้วยเอกภาพและความมุ่งมั่นร่วมกัน เราสามารถสร้างความแตกต่างได้ โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดกับเมียนมามากที่สุด
 
นายพิธากล่าวต่อว่า ความท้าทายประการต่อมาคือกรณีความมั่นคงทางทะเล โดยเฉพาะในกรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้ ซึ่งอาเซียนจะได้รับผลกระทบโดยตรง หากเกิดความติดขัดในเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ เนื่องด้วยทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าทางทะเลกว่า 60% หรือคิดเป็น 22% ของการค้าของทั้งโลก โดยที่ประเทศอย่างน้อย 10 ประเทศต้องอาศัยทะเลจีนใต้เป็นเส้นทางการค้าสำคัญ โดยแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่คู่กรณีแต่ก็เป็นประเทศสมาชิกอาเซียน ที่ควรจะมีบทบาทในการสร้างความมั่นคง สันติภาพ และหลักเสรีภาพในการเดินเรือ
 
นายพิธากล่าวว่า ความท้าทายประการต่อมา คือกรณีอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่ง 4 ประเทศอาเซียน ประกอบด้วยกัมพูชา ลาว ไทย และเวียดนาม เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับความผันผวนของปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง ที่เป็นผลโดยตรงจากการสร้างเขื่อนจำนวนมากที่ต้นน้ำ และยิ่งขยายผลกระทบมากขึ้นจากสภาวะโลกร้อน
 
นายพิธากล่าวต่อไป ว่าประเทศออสเตรเลียมีความสัมพันธ์กับอาเซียนมาอย่างยาวนาน มีประชากรกว่า 1 ล้านคนที่มีรากเหง้ามาจากประเทศอาเซียน มีการแลกเปลี่ยนทางการศึกษา การย้ายถิ่นฐาน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และความร่วมมือทางการค้าการลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง
 
สิ่งที่น่าจะเป็นเป้าหมายสูงสุดสำหรับความร่วมมือระหว่างอาเซียนและออสเตรเลีย ก็คือการบรรลุสันติภาพเอเชีย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่งท่ามกลางสถานการณ์สงครามสองสงคราม ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และข้อพิพาทด้านดินแดนที่เกิดขึ้นทั้งในภูมิภาคและในที่อื่นที่ห่างไกลออกไป
 
นายพิธากล่าวต่อไปว่าอย่างไรก็ตามสถานการณ์นี้เองก็คือพื้นฐานสำคัญที่สามารถนำไปสู่ความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างอาเซียนและออสเตรเลียขึ้นมาได้ในฐานะ “อำนาจกลาง” ที่สามารถถ่วงดุลอำนาจของโลกได้ ทั้งทางด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ด้วยการมีส่วนร่วมจากออสเตรเลียที่ยึดถือในคุณค่าทั้งทางด้านสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
 
ขณะเดียวกัน ฝั่งประเทศอาเซียนเองก็ต้องมีการปฏิรูปและพัฒนากลไกหลายด้านเพื่อความร่วมมือที่มากขึ้นกับออสเตรเลีย ในการก่อตัวขึ้นเป็นพันธมิตรอำนาจกลาง อาเซียนมีจุดด้อยในด้านความน่าเชื่อถือในเวทีโลกมาโดยตลอด กฎบัตรอาเซียนที่ตกลงกันเมื่อปี 2008 ไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหรือการปฏิบัติอย่างมีความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ ตนจึงขอเรียกร้องให้ผู้นำอาเซียนกลับมาทบทวนสิ่งที่ตกลงกันในกฎบัตรอาเซียนร่วมกันอีกครั้ง ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติท่ามกลางความท้าทายที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
 
นายพิธากล่าวทิ้งท้าย ว่ามีสำนวนหนึ่งที่ประเทศไทยมักใช้ในการต่างประเทศมาเสมอ คือคำว่า “ไผ่ลู่ลม” หมายถึงการสามารถเบนตัวเองไปตามทิศทางของลมได้ แต่ในสภาวะที่กระแสลมพัดกระหน่ำมาจากหลายทิศทางอย่างในปัจจุบันนี้ คำตอบที่ดีที่สุดควรเป็นการทำตัวเป็น “กังหันลม” เพื่อดึงเอาพลังจากกระแสลมนั้นมาใช้ในการเติมเต็มความร่วมมือและความมั่งคั่งระหว่างเรา ซึ่งหากอาเซียนและออสเตรเลียสามารถรวมตัวกันได้ เราจะสามารถสร้างกังหันลมอย่างที่ว่านั้นได้



ก้าวไกล อบรมผู้สมัครท้องถิ่น เตรียมสู้ศึกปีหน้า แย้มเปิดตัว ผู้สมัครนายกอบจ.ลำพูน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4665885

‘ก้าวไกล’ อบรมผู้สมัครท้องถิ่น เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งต้นปีหน้า จ่อเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน ภายในเดือนนี้
 
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลจัดกิจกรรมอบรมว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งในระดับท้องถิ่น ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลนคร เพื่อเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมีขึ้นต้นปี 2568
 
กิจกรรมจัดขึ้นภายใต้หลักสูตรผู้นำท้องถิ่นก้าวไกล จุดประสงค์หลักเพื่อช่วยให้ผู้สมัครท้องถิ่นของพรรคมีความพร้อมที่สุดในการเสนอตัวเป็นทางเลือกของประชาชนในการเลือกตั้ง เข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่น โดยมีวิสัยทัศน์และอุดมการณ์แบบก้าวไกล เชื่อในหลักการอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน การทำงานภาครัฐที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ เป้าหมายการทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
 
ตลอดการอบรมที่จะจัดต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ มีกิจกรรมและประเด็นหลากหลาย เช่น การทำนโยบายแบบก้าวไกลที่เชื่อมโยงทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น การครองตนในฐานะผู้สมัครพรรคก้าวไกล เวิร์กช็อปอ่านงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น
 
ส่วนความคืบหน้าของการส่งผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคก้าวไกล หลังเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นายเลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล จ.ภูเก็ต, นายพันธ์ุอาจ ชัยรัตน์ จ.เชียงใหม่, นายคณิศร ขุริรัง จ.อุดรธานี และนายชลธี นุ่มหนู จ.ตราด ลำดับต่อไปภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ลำพูน พร้อมกับจัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ด้วย


 
ร้อง กกต.สั่งเลือก สว.เป็นโมฆะ ขู่ฟ้องผู้สมัครสว.บุรีรัมย์ ใส่ข้อมูลไม่ตรงข้อเท็จจริง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_777777815302

ทนายอั๋น ร้อง กกต.สั่งเลือก สว. เป็นโมฆะ อ้างกระบวนการไม่ชอบมาพากล ฮึ่มฟ้องผู้สมัคร สว.บุรีรัมย์ เขียนข้อมูลสว.3 ไม่ตรงข้อเท็จจริง กลายเป็น ‘บุรีรัมย์โมเดล’
 
เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษา หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้มีคำสั่งให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ และจัดการเลือกสว.ใหม่ เนื่องจากกระบวนการเลือกสว.ครั้งนี้ มีการทุจริต โกงมโหฬาร
 
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา กรณีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. อ้างว่าคำพิพากษาของศาล 185/2567 ที่ระบุว่าใครจะมีอาชีพอะไรก็แล้วแต่ สามารถสมัครกลุ่มใดก็ได้ใน 20 กลุ่ม หากผู้พิพากษา ตอบกลับมาว่าไม่ได้เป็นในทำนองเดียวกับที่นายแสวง ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก็ถือว่างานนี้สนุกแน่นอน
 
การเลือกสว.ครั้งนี้มีสารพัดปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการเลือก สว. ที่เข้าข่ายทุจริต ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 ที่ประสงค์อยากให้คนที่มีความรู้ความสามารถในหลากหลายอาชีพ เข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศ ในฐานะสว.
 
มีหลายเหตุผลที่ทำให้การเลือกครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์และเที่ยงธรรม ทั้งกรณีบ้านใหญ่ การฮั้วกัน การลงคะแนนของผู้สมัครที่ไม่ลงให้ตัวเอง หรือเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร สว. วันนี้จึงอยากให้ทบทวนการเลือกสว. โดยประกาศให้เป็นโมฆะ และเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว อย่าให้สว. 250 คน ต้องยิ้มหวาน” นายภัทรพงศ์ กล่าว
 
นายภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการเลือกที่จ.บุรีรัมย์นั้น มีเหตุการณ์ที่มีพิรุธหลายคน เช่น คนขับรถให้ตระกูลดัง จ.บุรีรัมย์ ได้เป็นสว. หรือ ผู้สมัครอายุ 51 ปี รับทำพิธีศาสนาทั่วไป ประวัติการศึกษาจบ ป.6 ประวัติการทำงานเป็นมัคทายก ซึ่งคนระดับนี้ผ่านการเลือกแต่ละระดับได้รับเลือกเป็น สว.บุรีรัมย์ รวมถึงคนอื่นๆ ที่มีประวัติการทำงานและประวัติการศึกษาที่ไม่สอดรับกับความเหมาะสม จึงทำให้จ.บุรีรัมย์กลายเป็น “บุรีรัมย์โมเดล” ที่มี สว.จำนวนมากที่สุดถึง 14 คน
 
ทั้งนี้ จะแจ้งความดำเนินคดีกับทุกคนที่เป็นผู้สมัครสว. ของจ.บุรีรัมย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ว่ามีการจดแจ้งข้อความในเอกสารราชการใบสว. ซึ่งเป็นเอกสารราชการในข้อความที่เป็นเท็จไม่ตรงกับความเป็นจริง ให้กลายเป็น บุรีรัมย์โมเดล
 
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนอยากให้การรับรองคุณวุฒิของผู้สมัครสว. มีมาตรฐาน เช่น ตนเป็นทนายความ ผู้ที่จะต้องรับรองตนคือ ประธานสภาทนายความประจำจังหวัดนั้นๆ หรือ นายกสภาทนายความ แต่การเลือกสว.ครั้งนี้ แค่รู้จักกันก็รับรองให้กันได้ มันง่ายเกินไปหรือไม่ และปัจจุบันยังไม่มีการพิจารณาตัดคุณสมบัติของผู้สมัครที่ไม่ตรงกลุ่มเลย
 
เห็นได้ชัดกรณีคนขับรถให้ตระกูลดังจ.บุรีรัมย์ ดูคุณวุฒิก็ไม่เข้ากับคุณสมบัติ มีอาชีพรับจ้างแต่บอกว่าเป็นนักฟุตบอลอาวุโส แค่นี้ก็ไม่เข้าคุณสมบัติแล้ว ทั้งนี้ อาชีพหมายถึงคนที่ทำงานต่อเนื่องในลักษณะที่ก่อให้เกิดรายได้ คนที่เป็นหมอธรรม จิตอาสา อสม. จะเข้าข่ายเป็นที่มาของรายได้อย่างไร



ราคารถดิ่งต่อเนื่อง สะท้อนกำลังซื้ออ่อนแอ
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/407212

ราคารถที่ลดลงต่อเนื่อง มีการเปิดสงครามราคา กำลังถูกมองว่า เป็นกระจกสะท้อนถึงกำลังซื้อของคนในประเทศ ที่อ่อนแอมากขึ้น

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ราคารถที่ลดลง เป็นปัจจัยที่น่าห่วง เพราะไม่เพียงเฉพาะการแข่งขันด้านราคาเท่านั้น แต่อีกด้านสะท้อนถึงกำลังซื้อคนในประเทศ ระดับกลางและระดับล่างของระบบเศรษฐกิจ ที่อ่อนแอลงอย่างมาก ทำให้ความต้องการซื้อรถยนต์ต่างๆ ลดลง เห็นชัด คือ รถกระบะที่ลดลงอย่างมาก สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของภาคเกษตรอย่างมาก ซึ่งเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ

โดยกำลังซื้อที่ลดลง อาจลามกระทบต่อการบริโภค การจ้างงาน กำลังการผลิตในระยะข้างหน้าให้ลดลงด้วย สุดท้ายอาจลามกระทบต่อเศรษฐกิจไทยให้มีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และเป็นปัจจัยที่ 4-5 หากเกิดปัญหาจะกระทบเป็นห่วงโซ่ไปธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่