JJNY : 5in1 พิธางง รบ.แจง│พิธาอัดฝุ่นเชียงใหม่พุ่ง│พิธาชี้แก้ปัญหาแคดเมียมไม่ได้│“พิธา”เพิ่มสวัสดิการ│พิธามองยุบก้าวไกล

พิธา งง รบ.แจงเครื่องบินพม่าไม่ตรงกัน จี้แถลงให้ชัด ปล่อยให้คลุมเครืออาจลุกลาม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4517757
 
 
“พิธา” นับนิ้วคนออกมาแจง “เมียนมา” ขอใช้สนามบินแม่สอด บอกไม่ตรงกันเลย จี้แถลงอย่างเป็นทางการ ชี้ ถ้าปล่อยให้คลุมเครือจะลุกลามกว่า “ชักศึกเข้าบ้าน” ย้ำต่างชาติรอฟัง เตือน นายกรัฐมนตรี ยุทธศาสตร์การทูตไม่ควรพูดออกสื่อ ตกใจ พูดได้ไง รัฐบาลเมียนมาอ่อนกำลัง
 
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีท่าทีรัฐบาลต่อการที่ทางการเมียนมาขอใช้สนามบินแม่สอดว่า อย่างที่ตนได้สื่อสารไปหลายทิศทางว่า อยากเห็นความโปร่งใสและรายงานสถานการณ์ให้กับคนในพื้นที่ เพราะคนที่อยู่ในพื้นที่ก็ได้รายงานมาที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าจะมีการใช้ความรุนแรงเพิ่มเติม ซึ่งพอรัฐบาลไม่ได้มีการชี้แจง ทางตนและพรรคก้าวไกลจึงตั้งคำถามให้มีการแถลงเกิดขึ้น โดยรัฐบาลได้ตอบสนองมาทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ x ของนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ, คำสัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี และโฆษกกระทรวงกลาโหม ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกัน
 
หลักของเราก็คือว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามหลักกฎหมายสากล และเรื่องสิทธิมนุษยชน มีความเท่าเทียมกัน แล้วอธิบายได้ ตรวจสอบได้ ถามได้ ผมคิดว่ามันจะคลายข้อสงสัยและเป็นประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ เป็นประโยชน์กับทางรัฐบาลเอง” นายพิธากล่าว
 
นายพิธากล่าวต่อว่า ในส่วนของภาพใหญ่ก็อยากจะย้ำสิ่งที่พูดกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากให้เข้าสู่ปัญหาอย่างรอบด้านมากขึ้น เพราะกลุ่มในประเทศเมียนมามีหลายกลุ่ม และแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป ถ้าเข้าสู่ปัญหาไปที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็จะดูว่าเราทิ้งน้ำหนักไปให้ฝั่งนั้น และจะไม่ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วเพียงพอ
 
อย่างที่สอง เป็นเรื่อง Inter Agency Myanmar Task Force ในประเทศไทย หรือกองกำลังเฉพาะกิจที่จัดการเรื่องนี้โดยตรง เพื่อจะทำงานในเชิงรุกมากขึ้น
 
เมื่อถามย้ำว่านายปานปรีย์ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ในเที่ยวบินนั้นไม่มีคนหรืออาวุธ แต่ก็ยังไม่กลับการให้สัมภาษณ์และแถลงของส่วนที่เกี่ยวข้องเมื่อวาน จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ก็จะยิ่งไม่มีความชัดเจน บางทีจุดประสงค์ของการแถลงที่กระทรวงก็เพื่อจะลดข่าวลือ เพื่อจะให้ความมั่นใจกับประชาชนในพื้นที่และคนไทยว่าประเทศไทยจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง
 
นายพิธายังนับนิ้วคนที่ออกมาชี้แจง พร้อมกล่าวว่านายปานปรีย์ก็เป็นคนที่ 5 ที่ออกมาพูดแล้วไม่ตรงกัน ทำให้เกิดความสงสัยว่ามีสิ่งที่ร่ำลือกันในพื้นที่ว่ามีคนในจังหวัดเมียวดีไปด้วยหรือไม่ มีผู้จัดการธนาคารไปหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้เชื่อ แต่ถ้าจะจบทุกเรื่อง รัฐบาลจะต้องแถลงเป็นเรื่องเป็นราว
 
ส่วนจะเป็นการชักศึกเข้าบ้านหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า น่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ตามมา ในเชิงการต่างประเทศเราต้องมีช่องทางที่ไม่ให้เกิดสิ่งที่ลุกลาม ซึ่งตนคิดว่านายปานปรีย์น่าจะเข้าใจ ถ้าไม่แถลงให้ชัดเจนก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากกว่านี้ ย้ำว่า รัฐบาลควรต้องต่อสายไปที่คนในพื้นที่ ชนกลุ่มน้อย และกลุ่ม NUG
 
เขาเล่าให้ผมฟังว่าติดต่อทางรัฐบาลหลายครั้ง แต่ว่าไม่ยอมที่จะเจรจาด้วย ตอนที่อยู่เจนีวา ประชุมรัฐสภาโลก IPU ก็มีคนของทางเมียนมาไปที่เจนีวา เขาก็ได้พูดความในใจของฝั่งเขาว่า พอ Diplomacy ของไทยไม่รอบด้าน สิ่งที่เขาพูดหรือเสนอก็ไม่ได้รับฟัง ผมคิดว่าในเมื่อน้ำหนักมันมาแบบนี้แล้ว มันถึงเวลาที่จะต้องเข้าถึง อย่างน้อยก็ต้องพูดคุยทั้ง 3 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็นชาติพันธุ์ แต่ละรัฐก็เป็นผู้นำของตัวเอง, กลุ่ม NUG และรัฐบาลทหารในปัจจุบัน” นายพิธากล่าว
 
นายพิธาระบุว่า ถ้าเราอธิบายให้รัฐบาลทหารฟังว่าเราต้องการข้อมูลที่รอบด้าน ครบถ้วน จะทำให้เราเข้าใจในสถานการณ์เมียนมาดีขึ้น ก็จะสามารถวางยุทธศาสตร์ได้มากขึ้น
 
ตอนที่ผู้นำ NUG อยู่ที่เจนีวา ก็เล่าให้ผมฟังว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ๆ แต่มันก็ไม่เหมาะสมที่จะพูดผ่านสื่อ ผมก็ถามเขากลับว่า เรื่องการเผาข้าวโพด การค้ามนุษย์ ออนไลน์สแกม ท่านผู้นำชนกลุ่มน้อยสามารถที่จะช่วยเมืองไทยด้วยได้หรือไม่ แล้วเราก็ยินดีที่จะช่วยเรื่องระเบียงมนุษยธรรมอย่างเท่าเทียม เขาก็บอกว่านั่นแหละคือสิ่งที่เขารออยู่ ถ้าเป็นเรื่องจริง การที่เราเข้าถึงทุกฝ่ายได้อย่างเท่าเทียมและไม่เลือกข้างมันคือโอกาสที่จะทำให้เราเข้าใจปัญหาในเมียนมามากขึ้น และทุเลาปัญหาที่มีอยู่ในบ้านเรา มันคือ Win-Win Situation” นายพิธากล่าว
 
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเข้าไปพูดคุยเจรจากับรัฐบาลทหารเมียนมา เพราะอาจจะเป็นจุดที่เขาอ่อนกำลัง นายพิธาระบุด้วยท่าทีตกใจว่า ตนเห็นด้วย แต่ไม่น่าออกสื่อ เรื่องพวกนี้เป็นยุทธศาสตร์การทูต ไม่ควรจะพูดว่าเขากำลังอ่อนแอ แล้วเราจะขอไปคุยกับเขา
 
ผมไม่สามารถไปพูดกับเขาได้ว่าตอนนี้รัฐบาลอ่อนแอที่สุด ขอใช้โอกาสนี้ในการพูด” นายพิธากล่าว และว่า ต่างชาติทั้งในอาเซียนเองและประเทศมหาอำนาจ ก็รอท่าทีที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น ไม่เช่นนั้น ยุทธศาสตร์ 5 ข้อของอาเซียนจะไปไม่ได้ ตอนนี้ก็รอบทบาทไทยร่วมกับอาเซียนอยู่


 
พิธา อัด ฝุ่นเชียงใหม่พุ่ง 50 วันเพิ่งประกาศภัยพิบัติ ชี้ถ้าไม่แก้ฝุ่น ถึงจัดเฟสติวัล ก็กระตุ้นท่องเที่ยวยาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4517425

“พิธา” หมดคำจะพูดฝุ่นเกินมาตรฐานเกือบ 50 วัน เพิ่งมาประกาศ ถามทางการให้เขตภัยพิบัติบางส่วนในเชียงใหม่ แล้วเชียงราย-ตาก ไม่มีฝุ่นหรือ ชี้แม้จะมีเฟสติวัลมากมาย แต่ไม่มีนโยบายแก้ฝุ่น กระตุ้นท่องเที่ยวยาก
 
เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประกาศพื้นที่ประสบสาธารณภัยและเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีฉุกเฉินอัคคีภัยไฟป่า 5 อำเภอ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า เป็นประกาศพื้นที่ภัยพิบัติบางส่วน เห็นใจและเป็นกำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ การประกาศพื้นที่ภัยพิบัติโดยไม่ตรงกับพื้นที่ที่มี PM2.5 สูง ฝุ่นไม่ได้หยุดในเขตอำเภอ พร้อมถามว่าพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย และจังหวัดตากไม่อยู่ในหน้าสื่อก็ไม่บริหารจัดการหรืออย่างไร เดี๋ยวฝนมามันก็จะดีขึ้น แต่เราต้องการรัฐบาลไม่ได้ต้องการแค่ฝน เพราะหลังฝนก็จะเกิดอะไรขึ้นอีก ดังนั้น เมื่อเป็นพื้นที่ภัยพิบัติต้องมีเงื่อนไขว่า พื้นที่ใดเป็นเขตภัยพิบัติหรือไม่เป็นเขตภัยพิบัติ
 
การประกาศพื้นที่ภัยพิบัติต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่า เมื่อประกาศแล้ว มีงบประมาณ ข้อกฎหมาย และอุปสรรคอะไรบ้าง เช่น เชียงรายที่มีฝุ่นไม่แพ้กัน สรุปจะเอาอย่างไร หรือจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม” นายพิธากล่าว
 
นายพิธากล่าวว่า ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ตนได้ขึ้นไปดูเขตไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วยตนเอง ขณะนั้นเมื่อไล่ดูสถิติพบว่าปริมาณฝุ่นเกินค่ามาตรฐานมา 22 วันติดกันแล้ว แต่ยังไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ เมื่อดูสถิติต่อเนื่องพบว่าค่าฝุ่นเกินมาตรฐานมาเกินสองสัปดาห์ ถ้าเป็นตนเองก็จะประกาศเขตภัยพิบัติเพื่อให้นักเรียนหยุด และให้คน Work From Home ส่วนสถานการณ์ค่าฝุ่นในจังหวัดเชียงใหม่เกินค่ามาตรฐานมาเกือบ 50 วันแล้ว เพิ่งมาประกาศก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
 
เมื่อถามว่าถือว่าการบริหารจัดการของรัฐล้มเหลวหรือไม่ เพราะมีผู้เสียชีวิตจากฝุ่น PM2.5 นายพิธากล่าวว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของอาจารย์ทั้ง 4 ท่าน ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผู้ป่วยด้วยโรค PM2.5 มากขึ้นสามเท่า จะบอกว่าไม่น่าเป็นจริง สถานการณ์จริงไม่แย่ขนาดนั้น หรือเป็นการทำรูปให้ดูไม่ดีนั้น ในมุมของนักท่องเที่ยวที่เคยพูดคุยด้วย ขอบอกว่าไม่ต้องกลัวนักท่องเที่ยวไม่มา กลัวนักท่องเที่ยวมองไม่เห็นมากกว่า ได้ข่าวว่ายอดการจองเหลือ 50% ซึ่งจะต้องไปดูข้อมูลอื่นว่ามีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวหรือไม่ โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ได้เล่าให้ตนฟังว่า นโยบายการท่องเที่ยวจะดีแค่ไหน หากไม่มีนโยบายรองรับเรื่องสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขก็ยาก 2 ปีแรกเชียงใหม่ซึม เพราะโควิด-19 ไม่ได้ซึมเพราะเชียงใหม่มีเสน่ห์น้อยลง แต่ปีที่ 3 และปีนี้กลับโดนเรื่อง PM2.5
 
ต่อให้มีการท่องเที่ยวหรือเฟสติวัลมากมาย แต่ไม่ได้เข้าใจว่าเรื่องเศรษฐกิจ สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเดียวกัน ก็คงจะไม่สามารถแก้ปัญหา ปรากฏว่าไม่ได้ทั้งสองอย่าง นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ สิ่งแวดล้อมก็ไม่ได้ เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย” นายพิธากล่าว
 
นายพิธากล่าวว่า ตนมองว่าเป็นดุลยพินิจของนักท่องเที่ยวที่จะเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะไปหรือไม่ รู้สึกเสียดายโอกาสที่ผ่านมา 3-4 ปี สงกรานต์เชียงใหม่ก็ยังซบเซา หากการบริหารจัดการล่วงหน้าตั้งแต่เดือนมกราคม เราจะเห็นเทศกาลสงกรานต์ที่มีความสุขและคึกคักมากกว่านี้ จะต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเท่าที่ทำได้ เช่น การมีหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมมากพอ การดูแลให้มีอุปกรณ์ภายในบ้าน เช่นเครื่องกรองฝุ่นที่ไม่แพงจนเกินไป สามารถใช้งบประมาณที่ประกาศเขตภัยพิบัติมาช่วยเหลือคนในพื้นที่ได้
 
นายพิธากล่าวว่า ตอนนี้ไม่ได้ห่วงนักท่องเที่ยว แต่ห่วงนักเรียน เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยตามโรงพยาบาล เข้าใจว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะลงพื้นที่เพื่อเพิ่มกำลังคนและกำลังห้อง เพื่อให้หมอและพยาบาลไม่โอเวอร์โหลดจนเกินไปด้วย



พิธา ชี้ รบ.แก้ปัญหาขนย้ายแคดเมียมไม่ได้ เหตุไม่มีโรดแมป-บังคับใช้ PRTR ชัดเจน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4517684

“พิธา” ชี้ รบ.แก้ปัญหาขนย้าย “แคดเมียม” ไม่ได้ เหตุไม่มีโรดแมป-บังคับใช้กฎหมาย PRTR ชัดเจน ย้ำตอนนี้ป้องกันไม่ทัน ต้องเยียวยาแล้ว ย้ำนอกจากแข่งกับเวลา ยังแข่งกับสุขภาพประชาชน
 
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์เรื่องการจัดการแคดเมียมในตอนนี้ว่า สิ่งที่รัฐบาลขาดไปและแก้ไขปัญหาไม่ได้ คือการบังคับใช้กฎหมาย PRTR (Pollutant Release and Transfer Register) เป็นสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนเกี่ยวกับชนิดและปริมาณสารเคมี ซึ่งจะเคลื่อนย้ายสารเคมีต้องแจ้งรัฐก่อน เรื่องนี้เมื่อเรามองลงมาจะทำให้เห็นความโปร่งใส ในการขนขยะสารเคมีไปทิ้ง และจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น ตนเข้าใจว่าตอนนี้บริษัทที่เกี่ยวข้องก็เป็นของคนจีน มองว่ารัฐบาลต้องเข้าไปเยียวยา เพราะถ้าจะป้องกันตอนนี้ก็อาจทำได้ไม่ทัน
 
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ค่อนข้างอันตราย รัฐบาลควรทำภายใต้กรอบเวลาหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ใช่ ตอนนี้ทุกอย่างแข่งกับเวลาทั้งนั้น ทั้งฝุ่น PM2.5 และแคดเมียม
 
อย่างที่พูดหลายครั้งว่าพอไม่มีโรดแมป ไทม์ไลน์ในการทำงาน ก็ไม่รู้ว่าตกลงอาทิตย์หน้าทำอะไร เดือนหน้าทำอะไร มันก็แข่งกับเวลา แข่งกับสุขภาพประชาชนด้วย” นายพิธากล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่