โรม เบรก ปธ.สภาเขมร กลางวงรัฐสภาอาเซียน ที่มาเลย์ จู่ๆชงแก้ชายแดน สุดท้ายเจอตีตก
.
.
“โรม” เบรก ประธานสภาแห่งชาติเขมร กลางวง AIPA ขณะ “ควร สุดารี” กุมขมับ ประเทศสมาชิกเห็นด้วยตีตก วาระเร่งด่วน ปม ขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชา
.
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย ผู้สื่อข่าวรายงาน จากการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 46 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในการหารือของคณะกรรมการบริหาร AIPA ซึ่งเป็นการประชุมในระดับผู้บริหารรัฐสภาจาก 10 ประเทศ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568
.
ระหว่างที่ สมเด็จ
ควน สุดารี ประธานรัฐสภาแห่งกัมพูชา เสนอวาระเร่งด่วนเข้าในที่ประชุมเพื่อหารือปมปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทยกัมพูชากรณีการขอให้เปิดด่าน โดย นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมประชุมได้ยกมือในที่ประชุมขอโต้แย้ง ไม่ให้นำเรื่องดังกล่าวเข้ามาหารือในที่ประชุม
.
โดย นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า ราชอาณาจักรไทยยืนยันการสนับสนุนความเป็นเอกภาพ ความสามัคคี และพันธกิจร่วมกันของอาเซียนในการธำรงไว้ ซึ่งสันติภาพ เราขอร่วมกับสมาชิกทุกประเทศเรียกร้องให้ลดระดับความตึงเครียด และเร่งฟื้นฟูความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา
.
ด้วยเจตจำนงดังกล่าว ไทยมีความจำเป็นต้องคัดค้านบทบัญญัติบางประการของร่างมติเรื่อง “
การธำรงเอกภาพและหลักการของอาเซียนเพื่อความมั่นคงในภูมิภาคท่ามกลางความท้าทาย” (ซึ่งกัมพูชาเป็นผู้เสนอ) ด้วยเหตุผล คือ
.
มีกลไกทวิภาคีที่ดำเนินอยู่แล้ว ซึ่ง ไทยและกัมพูชาได้หารือในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไป (GBC) เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงเดือนกรกฎาคม โดยที่ผ่านมา การประชุม GBC ได้รับการยกย่องว่าเป็น
“ตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง” กลไกเหล่านี้ รวมถึงคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค กำลังดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพทั้งด้านความมั่นคงและด้านมนุษยธรรม การนำข้อพิพาททวิภาคีเข้าสู่การออกมติในกรอบพหุภาคี เสี่ยงที่จะทำให้ประเด็นนี้ถูกทำให้เป็นการเมือง และบั่นทอนความพยายามที่กำลังดำเนินอยู่
.
การที่กัมพูชายกประเด็นที่เป็นเรื่องตรงระหว่างไทย–กัมพูชาเข้าสู่เวทีพหุภาคี ถือเป็นสิ่งไม่เหมาะสม ไทยขอยืนยันว่าประเด็นลักษณะนี้ควรได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจาโดยตรงระหว่างกรุงเทพฯ และพนมเปญ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีมาตรการสร้างความไว้วางใจอย่างจริงจังแล้ว
.
นอกจากนี้ยังมีกลไก คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team – AOT) ไทยยินดีต่อบทบาทของผู้สังเกตการณ์อาเซียน และยังเป็นผู้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวตามแนวชายแดนเพื่อเฝ้าระวังการหยุดยิงและคุ้มครองประชาชน โดยเมื่อเดือนที่แล้ว คณะ IOT ของอาเซียนได้เดินทางถึงพนมเปญ ภายใต้การนำของมาเลเซีย และได้เริ่มปฏิบัติการแล้ว
.
ไทยได้ย้ำมาโดยตลอดว่า IOT ที่นำโดยอาเซียนนี้เป็นกลไกที่มีความเป็นไปได้และมีประสิทธิผลที่สุดในการเฝ้าระวังอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นและไม่เป็นประโยชน์ที่จะต้องย้ำหรือต่อยอดกรอบการทำงานนี้ผ่านมติรัฐสภา การใส่บทบัญญัติเกี่ยวกับ IOT ลงไปอีกครั้งในร่างมติจะไม่ช่วยปรับปรุงสถานการณ์หยุดยิง แต่กลับอาจทำให้มาตรการสร้างความเชื่อมั่นทวิภาคีที่ทั้งสองรัฐบาลสนับสนุนถูกทำให้เป็นการเมือง
.
สำหรับกรณี การปิดด่านชายแดนชั่วคราวนั้น ร่างมติมีข้อเรียกร้องให้กัมพูชาและไทย “
เปิดพรมแดนโดยเร็วที่สุด” ซึ่งสะท้อนความห่วงกังวลที่ชอบธรรมในเรื่องการค้าและการดำรงชีวิต ไทยเองก็แบ่งปันเป้าหมายในการสร้างพื้นที่ชายแดนที่สงบสุขและรุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ รัฐบาลไทยได้ระบุชัดว่า จะไม่มีการเปิดด่านใด ๆ จนกว่าจะบรรลุเงื่อนไข 3 ประการ ได้แก่
.
1.
ถอนอาวุธหนัก: ต้องถอนอาวุธขนาดใหญ่ทั้งหมดออกจากแนวชายแดนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะซ้ำ
.
2.
ความร่วมมือด้านการกวาดล้างทุ่นระเบิด : ต้องมีการปฏิบัติการร่วมด้านมนุษยธรรมเพื่อกวาดล้างทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้อย่างปลอดภัย
.
3.
การปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน : ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการเชิงประจักษ์ต่อเครือข่ายกลุ่มมิจฉาชีพและกิจกรรมผิดกฎหมายในเขตแดนของกัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อหลายประเทศในอาเซียน รวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ ไทยได้ดำเนินการอย่างจริงจัง โดยได้แบ่งปันข่าวกรองเกี่ยวกับแหล่งปฏิบัติการของมิจฉาชีพกว่า 50 แห่งในกัมพูชาให้แก่ฝ่ายกัมพูชาเพื่อการปราบปรามร่วมกัน จนกว่าจะมีการรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าวและสร้างความปลอดภัยให้แก่ชุมชนชายแดน การปิดด่านบางแห่งของไทยยังคงเป็นมาตรการจำเป็นในการปกป้องประชาชน
.
นาย
รังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ความมุ่งมั่นต่อสันติภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของอาเซียน ท่าทีของไทยมิใช่การท้าทาย แต่เป็นความรับผิดชอบ ไทยยังคงยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง การดูแลชุมชนชายแดน และความเป็นเอกภาพของอาเซียน เรามีความร่วมมือกับกลไกอาเซียน รวมถึงศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งนี้ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและการเคารพซึ่งกันและกัน ไทยเชื่อว่ากัมพูชาจะเข้าใจถึงข้อกังวลด้านความมั่นคงของไทย และความพยายามที่เรามุ่งแก้ไขปัญหาในลักษณะทวิภาคี
.
ท้ายที่สุดนี้ ไทยขอยืนยันต่อที่ประชุมว่า เราจะทำงานอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสันติภาพและการฟื้นฟูความปกติสุขในพื้นที่ชายแดน ไทยพร้อมเสมอที่จะเจรจาอย่างสุจริตและร่วมมือทวิภาคี เรายึดมั่นในความเป็นแกนกลางและค่านิยมของอาเซียน และจะธำรงรักษาไว้ทั้งโดยการปกป้องอธิปไตยและการสร้างความสมานฉันท์ ราชอาณาจักรไทยยืนหยัดเพื่ออาเซียนที่สงบสุขและมั่งคั่ง – แต่อนาคตเช่นนั้นต้องตั้งอยู่บนแนวทางที่เป็นจริงและอาศัยความร่วมมือ มิใช่มติที่หลีกเลี่ยงการเจรจาที่กำลังสร้างสันติภาพ ไทยไม่อาจสนับสนุนร่างมตินี้ได้
.
โดยในท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติตกข้อเสนอวาระเร่งด่วนของกัมพูชาตามที่ผู้แทนไทยทักท้วง
.
ซึ่งท่าทีของ สมเด็จ
ควน สุดารี มีการยกมือขึ้นมากุมขมับบางช่วง และมีสีหน้าค่อนข้างกังวล ขณะที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรประเทศมาเลเซีย ได้เปิดโอกาสให้ นาย
รังสิมันต์ เสนอความเห็น และ และ มีการพยักหน้าตอบรับ ตลอดช่วงที่
โรม กล่าวต่อที่ประชุม.
.
.
“วิโรจน์-สมดุลย์” บุก “กรมการปกครอง” ร้องเอาผิดขบวนการ “ส่วยสัญชาติ” เงินหมื่นแลกบัตรประชาชนชน
.
“วิโรจน์-สมดุลย์” แฉขบวนการส่วยสัญชาติ เรียกเงินหลักหมื่นแลกขอสัญชาติ-ทำบัตรประชาชน ร้องกรมการปกครองเร่งเอาผิดให้ถึงที่สุด
.
วันนี้ (18ก.ย.68) นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ นาย
สมดุลย์ อุตเจริญ สส.เชียงใหม่ เขต 7 พรรคประชาชน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนาย
นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ขอให้ตรวจสอบและเอาผิดกับขบวนการเรียกเงินหมื่นแลกการขอสัญชาติ ทำบัตรประชาชน
.
สืบเนื่องจากนาย
สมดุลย์ ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนในอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากการขอสัญชาติและการทำบัตรประชาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567
.
โดยมติดังกล่าวไม่ได้เป็นการให้สัญชาติแก่แรงงานต่างชาติ หรือชาวต่างชาติผู้หนีภัยสงคราม แต่เป็นการปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้นสำหรับประชาชนจำนวน 483,626 คน โดยครอบคลุมถึงกลุ่มที่ได้มีการสำรวจและขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 หรือกว่า 25 ปีมาแล้ว กลุ่มประชาชนที่สำรวจเพิ่มเติมในช่วงปี พ.ศ. 2548-2554 และผู้ที่ถูกตกหล่นจากการสำรวจก่อนหน้า รวมถึงบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยผู้ที่จะได้รับสัญชาติต้องอยู่อาศัยต่อเนื่องในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 15 ปี และต้องมีเลขบัตรประชาชนประเภท 6 ประเภท 0 กลุ่ม 89 และกลุ่ม 00
.
ตามระเบียบราชการ ประชาชนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมติ ครม. 29 ตุลาคม 2567 ต้องชำระค่าธรรมเนียมเพียง 160 บาทเท่านั้น แต่ประชาชนจำนวนมากในอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ กลับถูกเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินหลักหมื่นบาท เพื่อขอสัญชาติและจัดทำบัตรประชาชน
.
และ ปัญหาในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพียงแห่งเดียว แต่อาจเกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ หากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 483,626 คน มีเพียงร้อยละ 25 ที่ต้องจ่ายส่วยสัญชาติในอัตราคนละ 20,000 บาท จะเท่ากับว่าการเรียกรับผลประโยชน์ครั้งนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 2,400 ล้านบาท
.
สำหรับประชาชนที่ถูกเรียกรับเงิน ควรเก็บหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย ข้อความแชท คลิปเสียง หรือคลิปวิดีโอ แล้วส่งมายังเพจเฟซบุ๊กของ นายสมดุลย์ โดยทันที เพื่อเร่งประสานให้อธิบดีกรมการปกครองดำเนินการและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
.
.
ปกรณ์วุฒิ ลั่น ภท.เป็นเสียงข้างมากไม่ได้ ถ้าไม่มีพรรคแตก ย้อน พท. 132 เสียง จะลดอีกไหม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5372821
.
“ปกรณ์วุฒิ“ อ้าง ยังไม่ถวายสัตย์ จะไปกล่าวหาไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม “ครม.อนุทิน” ไล่เช็กบิล จนท. ทำคดี “เขากระโดง-ฮั้ว ส.ว.” โบ้ย ครม. รักษาการทำอะไรไม่ได้หรือ ถามสื่อกลับ เสียงในสภาเพิ่มขึ้นแล้วหรอครับ ลั่น จำนวน ส.ส. อยู่ในหัวตลอด ผมเก่งเลข! บวกให้ดู ไม่มีทางเป็นไปได้ “ภูมิใจไทย” พลิกบทบาทเป็นเสียงข้างมาก ถ้าไม่มีพรรคแตก เหน็บพรรค 132 เสียง ส.ส. จะลดลงอีกหรือไม่ เผย “ศิริกัญญา” นำทีม อภิปรายนโยบายรัฐบาล คาดใช้เวลา 2 วันเหมือนยุค “เศรษฐา-แพทองธาร” รอดู รทสช.ได้เก้าอี้ รมต.หรือไม่ ถ้าได้ก็เป็นฝ่ายค้านไม่ได้
.
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 18 กันยายน ที่รัฐสภา นาย
ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์แสดงความเห็นว่าพรรคประชาชนไม่ทันเกมการเมืองพรรคภูมิใจไทย ว่า ตนน้อมรับทุกความเห็น ทั้งผู้สนับสนุนพรรคสมาชิกพรรค ก็มีความเห็นต่าง แม้กระทั่งประชาชนทั่วไปก็เป็นเรื่องปกติ ตนน้อมรับความคิดเห็นของนายชูวิทย์ด้วยความเคารพ และได้ติดตามมานานตอนที่ ลงเล่นการเมืองตนก็ได้เลือกพรรคนาย
ชูวิทย์ด้วย ซึ่งถ้าหากถามว่าทันเกมการเมืองหรือไม่ ตนคิดว่าพรรคของเรามาทำงานการเมือง ดังนั้นการตัดสินใจในแต่ละครั้งก็ต้องคิดดี ๆ ว่าตัดสินใจบนพื้นฐานความนิยมของพรรคหรือผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยหัวหน้าพรรคก็ได้พูดไปหลายครั้งว่า เรามองบนโอกาสสูงสุด ที่จะทำให้เกิดการยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน โดยเร็วในเวลาที่เหมาะสม และเปิดประตูบานแรกสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้เอาฐานความนิยมของพรรคมาเป็นตัวตั้ง แต่เราเอาฐานสิ่งที่เราอยากเห็นภาพของประเทศในอนาคตเป็นตัวตั้ง แต่น้อมรับทุกคำวิจารณ์ จะบอกว่าเราไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองหรืออะไรก็ตามก็เป็นคำวิจารณ์ที่เราพร้อมน้อมรับอยู่แล้ว
.
เมื่อถามว่ามีคนไหลเข้าพรรคภูมิใจไทยเยอะ เพราะการโหวตของพรรคประชาชนในวันนั้นเป็นการเพิ่มฐานให้พรรคภูมิใจไทยในวันนี้หรือไม่ นาย
ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่ามันเป็น “
What if” ที่เราตอบไม่ได้ ตนคิดว่าสื่อมวลชนก็ทราบดีว่าบางพรรคมีสัญญาณของการแตกมานานแล้ว ต่อให้เกิดหรือไม่เกิดเหตุการณ์นี้ เขาก็อาจจะไหลไปทางนั้นอยู่ดี มันเป็น What if ที่ตอบไม่ได้ คงจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ก็ไปดูที่การเลือกตั้งครั้งหน้า
JJNY : โรม เบรก ปธ.สภาเขมร│ร้องเอาผิด“ส่วยสัญชาติ”│ปกรณ์วุฒิลั่นภท.เป็นเสียงข้างมากไม่ได้│จนท.เขมร แจกอุปกรณ์ป้องกันแก๊ส
.
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย ผู้สื่อข่าวรายงาน จากการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ครั้งที่ 46 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในการหารือของคณะกรรมการบริหาร AIPA ซึ่งเป็นการประชุมในระดับผู้บริหารรัฐสภาจาก 10 ประเทศ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568
.
ระหว่างที่ สมเด็จ ควน สุดารี ประธานรัฐสภาแห่งกัมพูชา เสนอวาระเร่งด่วนเข้าในที่ประชุมเพื่อหารือปมปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทยกัมพูชากรณีการขอให้เปิดด่าน โดย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมประชุมได้ยกมือในที่ประชุมขอโต้แย้ง ไม่ให้นำเรื่องดังกล่าวเข้ามาหารือในที่ประชุม
.
โดย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ราชอาณาจักรไทยยืนยันการสนับสนุนความเป็นเอกภาพ ความสามัคคี และพันธกิจร่วมกันของอาเซียนในการธำรงไว้ ซึ่งสันติภาพ เราขอร่วมกับสมาชิกทุกประเทศเรียกร้องให้ลดระดับความตึงเครียด และเร่งฟื้นฟูความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา
.
ด้วยเจตจำนงดังกล่าว ไทยมีความจำเป็นต้องคัดค้านบทบัญญัติบางประการของร่างมติเรื่อง “การธำรงเอกภาพและหลักการของอาเซียนเพื่อความมั่นคงในภูมิภาคท่ามกลางความท้าทาย” (ซึ่งกัมพูชาเป็นผู้เสนอ) ด้วยเหตุผล คือ
.
มีกลไกทวิภาคีที่ดำเนินอยู่แล้ว ซึ่ง ไทยและกัมพูชาได้หารือในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประชุมคณะกรรมการเขตแดนทั่วไป (GBC) เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงเดือนกรกฎาคม โดยที่ผ่านมา การประชุม GBC ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จในการใช้กลไกทวิภาคีเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง” กลไกเหล่านี้ รวมถึงคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค กำลังดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพทั้งด้านความมั่นคงและด้านมนุษยธรรม การนำข้อพิพาททวิภาคีเข้าสู่การออกมติในกรอบพหุภาคี เสี่ยงที่จะทำให้ประเด็นนี้ถูกทำให้เป็นการเมือง และบั่นทอนความพยายามที่กำลังดำเนินอยู่
.
การที่กัมพูชายกประเด็นที่เป็นเรื่องตรงระหว่างไทย–กัมพูชาเข้าสู่เวทีพหุภาคี ถือเป็นสิ่งไม่เหมาะสม ไทยขอยืนยันว่าประเด็นลักษณะนี้ควรได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจาโดยตรงระหว่างกรุงเทพฯ และพนมเปญ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีมาตรการสร้างความไว้วางใจอย่างจริงจังแล้ว
.
นอกจากนี้ยังมีกลไก คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team – AOT) ไทยยินดีต่อบทบาทของผู้สังเกตการณ์อาเซียน และยังเป็นผู้นำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวตามแนวชายแดนเพื่อเฝ้าระวังการหยุดยิงและคุ้มครองประชาชน โดยเมื่อเดือนที่แล้ว คณะ IOT ของอาเซียนได้เดินทางถึงพนมเปญ ภายใต้การนำของมาเลเซีย และได้เริ่มปฏิบัติการแล้ว
.
ไทยได้ย้ำมาโดยตลอดว่า IOT ที่นำโดยอาเซียนนี้เป็นกลไกที่มีความเป็นไปได้และมีประสิทธิผลที่สุดในการเฝ้าระวังอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นและไม่เป็นประโยชน์ที่จะต้องย้ำหรือต่อยอดกรอบการทำงานนี้ผ่านมติรัฐสภา การใส่บทบัญญัติเกี่ยวกับ IOT ลงไปอีกครั้งในร่างมติจะไม่ช่วยปรับปรุงสถานการณ์หยุดยิง แต่กลับอาจทำให้มาตรการสร้างความเชื่อมั่นทวิภาคีที่ทั้งสองรัฐบาลสนับสนุนถูกทำให้เป็นการเมือง
.
สำหรับกรณี การปิดด่านชายแดนชั่วคราวนั้น ร่างมติมีข้อเรียกร้องให้กัมพูชาและไทย “เปิดพรมแดนโดยเร็วที่สุด” ซึ่งสะท้อนความห่วงกังวลที่ชอบธรรมในเรื่องการค้าและการดำรงชีวิต ไทยเองก็แบ่งปันเป้าหมายในการสร้างพื้นที่ชายแดนที่สงบสุขและรุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ รัฐบาลไทยได้ระบุชัดว่า จะไม่มีการเปิดด่านใด ๆ จนกว่าจะบรรลุเงื่อนไข 3 ประการ ได้แก่
.
1. ถอนอาวุธหนัก: ต้องถอนอาวุธขนาดใหญ่ทั้งหมดออกจากแนวชายแดนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะซ้ำ
.
2. ความร่วมมือด้านการกวาดล้างทุ่นระเบิด : ต้องมีการปฏิบัติการร่วมด้านมนุษยธรรมเพื่อกวาดล้างทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด เพื่อให้ประชาชนสัญจรได้อย่างปลอดภัย
.
3. การปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน : ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการเชิงประจักษ์ต่อเครือข่ายกลุ่มมิจฉาชีพและกิจกรรมผิดกฎหมายในเขตแดนของกัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อหลายประเทศในอาเซียน รวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ ไทยได้ดำเนินการอย่างจริงจัง โดยได้แบ่งปันข่าวกรองเกี่ยวกับแหล่งปฏิบัติการของมิจฉาชีพกว่า 50 แห่งในกัมพูชาให้แก่ฝ่ายกัมพูชาเพื่อการปราบปรามร่วมกัน จนกว่าจะมีการรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมดังกล่าวและสร้างความปลอดภัยให้แก่ชุมชนชายแดน การปิดด่านบางแห่งของไทยยังคงเป็นมาตรการจำเป็นในการปกป้องประชาชน
.
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ความมุ่งมั่นต่อสันติภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของอาเซียน ท่าทีของไทยมิใช่การท้าทาย แต่เป็นความรับผิดชอบ ไทยยังคงยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง การดูแลชุมชนชายแดน และความเป็นเอกภาพของอาเซียน เรามีความร่วมมือกับกลไกอาเซียน รวมถึงศูนย์ประสานงานอาเซียนเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งนี้ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและการเคารพซึ่งกันและกัน ไทยเชื่อว่ากัมพูชาจะเข้าใจถึงข้อกังวลด้านความมั่นคงของไทย และความพยายามที่เรามุ่งแก้ไขปัญหาในลักษณะทวิภาคี
.
ท้ายที่สุดนี้ ไทยขอยืนยันต่อที่ประชุมว่า เราจะทำงานอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสันติภาพและการฟื้นฟูความปกติสุขในพื้นที่ชายแดน ไทยพร้อมเสมอที่จะเจรจาอย่างสุจริตและร่วมมือทวิภาคี เรายึดมั่นในความเป็นแกนกลางและค่านิยมของอาเซียน และจะธำรงรักษาไว้ทั้งโดยการปกป้องอธิปไตยและการสร้างความสมานฉันท์ ราชอาณาจักรไทยยืนหยัดเพื่ออาเซียนที่สงบสุขและมั่งคั่ง – แต่อนาคตเช่นนั้นต้องตั้งอยู่บนแนวทางที่เป็นจริงและอาศัยความร่วมมือ มิใช่มติที่หลีกเลี่ยงการเจรจาที่กำลังสร้างสันติภาพ ไทยไม่อาจสนับสนุนร่างมตินี้ได้
.
โดยในท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติตกข้อเสนอวาระเร่งด่วนของกัมพูชาตามที่ผู้แทนไทยทักท้วง
.
ซึ่งท่าทีของ สมเด็จควน สุดารี มีการยกมือขึ้นมากุมขมับบางช่วง และมีสีหน้าค่อนข้างกังวล ขณะที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎรประเทศมาเลเซีย ได้เปิดโอกาสให้ นายรังสิมันต์ เสนอความเห็น และ และ มีการพยักหน้าตอบรับ ตลอดช่วงที่โรม กล่าวต่อที่ประชุม.
.
.
.
วันนี้ (18ก.ย.68) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ นายสมดุลย์ อุตเจริญ สส.เชียงใหม่ เขต 7 พรรคประชาชน ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร อธิบดีกรมการปกครอง ขอให้ตรวจสอบและเอาผิดกับขบวนการเรียกเงินหมื่นแลกการขอสัญชาติ ทำบัตรประชาชน
.
สืบเนื่องจากนายสมดุลย์ ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนในอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากการขอสัญชาติและการทำบัตรประชาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567
.
โดยมติดังกล่าวไม่ได้เป็นการให้สัญชาติแก่แรงงานต่างชาติ หรือชาวต่างชาติผู้หนีภัยสงคราม แต่เป็นการปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้นสำหรับประชาชนจำนวน 483,626 คน โดยครอบคลุมถึงกลุ่มที่ได้มีการสำรวจและขึ้นทะเบียนไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 หรือกว่า 25 ปีมาแล้ว กลุ่มประชาชนที่สำรวจเพิ่มเติมในช่วงปี พ.ศ. 2548-2554 และผู้ที่ถูกตกหล่นจากการสำรวจก่อนหน้า รวมถึงบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยผู้ที่จะได้รับสัญชาติต้องอยู่อาศัยต่อเนื่องในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 15 ปี และต้องมีเลขบัตรประชาชนประเภท 6 ประเภท 0 กลุ่ม 89 และกลุ่ม 00
.
ตามระเบียบราชการ ประชาชนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามมติ ครม. 29 ตุลาคม 2567 ต้องชำระค่าธรรมเนียมเพียง 160 บาทเท่านั้น แต่ประชาชนจำนวนมากในอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย และอำเภอไชยปราการ กลับถูกเรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินหลักหมื่นบาท เพื่อขอสัญชาติและจัดทำบัตรประชาชน
.
และ ปัญหาในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพียงแห่งเดียว แต่อาจเกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ หากกลุ่มเป้าหมายจำนวน 483,626 คน มีเพียงร้อยละ 25 ที่ต้องจ่ายส่วยสัญชาติในอัตราคนละ 20,000 บาท จะเท่ากับว่าการเรียกรับผลประโยชน์ครั้งนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 2,400 ล้านบาท
.
สำหรับประชาชนที่ถูกเรียกรับเงิน ควรเก็บหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย ข้อความแชท คลิปเสียง หรือคลิปวิดีโอ แล้วส่งมายังเพจเฟซบุ๊กของ นายสมดุลย์ โดยทันที เพื่อเร่งประสานให้อธิบดีกรมการปกครองดำเนินการและเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
.
ปกรณ์วุฒิ ลั่น ภท.เป็นเสียงข้างมากไม่ได้ ถ้าไม่มีพรรคแตก ย้อน พท. 132 เสียง จะลดอีกไหม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5372821
.
“ปกรณ์วุฒิ“ อ้าง ยังไม่ถวายสัตย์ จะไปกล่าวหาไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม “ครม.อนุทิน” ไล่เช็กบิล จนท. ทำคดี “เขากระโดง-ฮั้ว ส.ว.” โบ้ย ครม. รักษาการทำอะไรไม่ได้หรือ ถามสื่อกลับ เสียงในสภาเพิ่มขึ้นแล้วหรอครับ ลั่น จำนวน ส.ส. อยู่ในหัวตลอด ผมเก่งเลข! บวกให้ดู ไม่มีทางเป็นไปได้ “ภูมิใจไทย” พลิกบทบาทเป็นเสียงข้างมาก ถ้าไม่มีพรรคแตก เหน็บพรรค 132 เสียง ส.ส. จะลดลงอีกหรือไม่ เผย “ศิริกัญญา” นำทีม อภิปรายนโยบายรัฐบาล คาดใช้เวลา 2 วันเหมือนยุค “เศรษฐา-แพทองธาร” รอดู รทสช.ได้เก้าอี้ รมต.หรือไม่ ถ้าได้ก็เป็นฝ่ายค้านไม่ได้
.
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 18 กันยายน ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์แสดงความเห็นว่าพรรคประชาชนไม่ทันเกมการเมืองพรรคภูมิใจไทย ว่า ตนน้อมรับทุกความเห็น ทั้งผู้สนับสนุนพรรคสมาชิกพรรค ก็มีความเห็นต่าง แม้กระทั่งประชาชนทั่วไปก็เป็นเรื่องปกติ ตนน้อมรับความคิดเห็นของนายชูวิทย์ด้วยความเคารพ และได้ติดตามมานานตอนที่ ลงเล่นการเมืองตนก็ได้เลือกพรรคนายชูวิทย์ด้วย ซึ่งถ้าหากถามว่าทันเกมการเมืองหรือไม่ ตนคิดว่าพรรคของเรามาทำงานการเมือง ดังนั้นการตัดสินใจในแต่ละครั้งก็ต้องคิดดี ๆ ว่าตัดสินใจบนพื้นฐานความนิยมของพรรคหรือผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยหัวหน้าพรรคก็ได้พูดไปหลายครั้งว่า เรามองบนโอกาสสูงสุด ที่จะทำให้เกิดการยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน โดยเร็วในเวลาที่เหมาะสม และเปิดประตูบานแรกสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้เอาฐานความนิยมของพรรคมาเป็นตัวตั้ง แต่เราเอาฐานสิ่งที่เราอยากเห็นภาพของประเทศในอนาคตเป็นตัวตั้ง แต่น้อมรับทุกคำวิจารณ์ จะบอกว่าเราไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองหรืออะไรก็ตามก็เป็นคำวิจารณ์ที่เราพร้อมน้อมรับอยู่แล้ว
.
เมื่อถามว่ามีคนไหลเข้าพรรคภูมิใจไทยเยอะ เพราะการโหวตของพรรคประชาชนในวันนั้นเป็นการเพิ่มฐานให้พรรคภูมิใจไทยในวันนี้หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคิดว่ามันเป็น “What if” ที่เราตอบไม่ได้ ตนคิดว่าสื่อมวลชนก็ทราบดีว่าบางพรรคมีสัญญาณของการแตกมานานแล้ว ต่อให้เกิดหรือไม่เกิดเหตุการณ์นี้ เขาก็อาจจะไหลไปทางนั้นอยู่ดี มันเป็น What if ที่ตอบไม่ได้ คงจะไม่สามารถพิสูจน์ได้ก็ไปดูที่การเลือกตั้งครั้งหน้า