สวัสดีค่ะ หนูมีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง อายุห่างกันประมาณ 10 กว่าปี ตอนเด็กๆ หนูก็สนิทกับพี่เขานะคะ แบบเข้าห้องพี่เขาไปเล่นด้วยตลอด แต่พอหนูเริ่มโต เขาก็เริ่มโต หนูเริ่มมีความเห็นเป็นของตัวเอง เขาเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน พอเขาเรียนจบ ปวส. เขาก็กลับมาช่วยงานที่บ้านได้ประมาณ 1-2 ปีแล้วก็แต่งงาน ตอนแต่งงาน หนูอายุประมาณ 11-12 ปี ก่อนที่เขาจะแต่งงานเขาเป็นคนดูเข้ากับพ่อไม่ค่อยได้ แบบคุยอะไรกันเหมือนจะไม่ลงรอยกันตลอดเวลา เคยมีเหตุการณ์ครั้งหนึ่งเขาเคยทะเลาะกับพ่อ เพราะไม่ได้ลงไปเที่ยวกับญาติ พ่อไม่ให้ไปเพราะตอนนั้นที่บ้านไม่มีเงิน ต้องใช้เงินอย่างประหยัด ตอนนั้นเขาอายุประมาณ 23-24 ปี เขาเรียนจบปวส. ทำงาน1-2 ปีแล้ว เขายังไม่มีวุฒิภาวะ พอพ่อไม่ให้ไป เขาเลยหยิบขวดเบียร์(ที่บ้านจัดงานเลี้ยงเพราะญาตมา) ขึ้นมาทุบกับกำแพง จนเป็นรู(ประมาณเหรียญ10) ตอนนั้นหนูกลัว ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงต้องโมโหขนาดนั้นด้วย
พอเขาแต่งงาน หนูก็คิดว่าถ้าคนเรามีครอบครัวอาจทำให้คนซอฟลงไปบ้าง ช่วงแต่งงานใหม่เขาดีมากๆ รักครอบครัว พูดกับที่บ้านดี แต่สุดท้ายเขาก็กลับไปเหมือนเดิม เพราะเหตุการนี้ มันทำให้หนูมองพี่ตัวเองไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ตอนนั้นหนูอายุประมาณ 12-13 หนูว่าตอนนั้นหนูก็เด็กมาก ด้วยความเด็กมากนี้ มันจึงทำให้ผู้ใหญ่อย่างพี่ชายหนูที่มีลูกหนึ่งคนและภรรยาอีกหนึ่งคนมั่นหน้าว่าตัวเองมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เหตุมีอยู่ว่าวันนั้นหนูไปสวนกับแม่ พี่ชาย(คนนี้)ภรรยาและลูกของเขา ที่พ่อไม่ได้ไปเพราะไปทำธุระ ตอนที่จะกลับจากสวน แม่ก็ได้โทรถามพ่อว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง หนูก็นั่งฟังที่พ่อกับคุยกันตลอด หนูนั่งห่างกับพี่ชายประมาณ 3 เมตรกว่าๆ เพราะอากาศมันร้อน ระหว่างที่คุยนั้นพี่ชายหนูก็คอยตะโกนแทรกขึ้นมาตลอดว่าให้ถามนู่นถามนี่ผ่านแม่ แต่สุดท้ายก็พูดประโยคนั้นออกมาว่า แม่โง่จังเลย คุยกับพ่อได้โง่มาก คุยไม่รู้เรื่องคุยโง่อีก เขาพูดซ้ำๆ ตอนนั้นหนูก็แค่คิดในใจว่า ถ้าอยากถามพ่อทำไมไม่รอให้แม่คุยเสร็จก่อนแล้วค่อยขอคุยต่อ เมียเขาก็ไม่ห้าม หนูจึงพูดแทรกขึ้นไปว่า ทำไมไม่รอให้แม่คุยจบ จะพูดแทรกทำไม มันไร้มารยาท ตอนหนูนั้นโมโหมาก เพราะใครก็รักแม่ตัวเองทั้งนั้น มาด้าได้ไง แล้งเหมือนเขาไม่พอใจหนู แบบเด็กเวรนี่กล้าสั่งสอนกูหรอ อะไรประมาณนี้ เขาจึงด่าหนูกลับทันที แบบด่าแรงมาก ด่าเหมือนหนูเอาลูกเขาไปตกอะไรสูงๆ มา ด่าแบบไม่เคยเห็นว่าเราเป็นพี่น้องกัน แม่หนูก็มีปกป้องหนู ประมาณว่า น้องก็แค่พูด จะไปโกรธอะไรน้อฃมากขนาดนั้น ด้วยความที่แม่ยิ่งปกป้องหนูดหมือนเขายิ่งโกรธ(***พ่อแม่คนเดียวกันนะคะ**) เมียเขาก็คอยห้ามแบบ... ระหว่างทางที่กลับก็ยังทะเลาะกันอยู่ หนูนั่งหลังกระบะกับแม่ พี่ชายขับรถ เขาขับรถเหวี่ยงไปมา แล้วเร็วมา คอยเร่งเครื่องตลอด ตอนนั้นนั่งอยู่บนรถหนูคิดว่าหนูคือตัวต้นเหตุของเรื่องนี้ ถ้าหนูไม่เถียง หนูเลือกที่จะเงียบคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ พอกลับไปถึงบ้านก็ยังทะเลาะกันอีก ทะเลาะกันหนักกว่าเดิม แบบเขาขู่ว่าจะเอาปืนมายิงสองแม่ลูกนี้ให้ตายเลย ก็มีด่าว่า กลับรูห*ไปเลย แบบด่าแรงมาก ด่าแรงเหมือนไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเลย ตอนนั้นหนูกลัว กลัวว่าแม่จะเป็นอะไรเพราะหนู หนูอัดคลิปไว้ด้วย แต่สมอฃมันกลับสั่งว่าให้ลืมสิ่งเร็วร้ายนี้ทั้งหมด หนูจึงเลือกลบ ตอนนั้นหนูกลัวสุด จะทักหาพี่สาวก็กล้า กลัวเขาเป็นห่วง โทรหาพ่อก็ไม่กล้าเพราะกลัวมันจะแย่กว่าเดิม สิ่งที่หนูเกลียดที่สุดตอนนั้นคือ เขาเอาแต่ด่าเพศแม่(เพศหญิง) เหยียดทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงช่องคลอดด้วย มันเลยทำให้หนูไม่สามารถมองพี่แบบเดิมได้อีก ไม่เคยให้อภัยเขาเลยในวันนั้น ครั้งนั้นคงเป็นครั้งแรกที่ทะเลาะกันหนักที่สุด แต่พอวันถัดๆ มาเขากลับทำเป็นปกติ เหมือนว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์นี้คงฝั่งใจหนูไปแล้ว เพราะมันเกินกว่าที่เด็กกว่าหนึ่งอายุ 12-13 ปีจะรับได้
ต่อให้เขาจะทำดีมากแค่ไหน เลี้ยงข้าวเช้า พาไปเที่ยวนู่นนั่นนี่ หนูก็ดีใจนะ ที่เขาใจดี แต่ความใจดีนี้ถูกมองว่าไม่ดีไปหมดแล้ว
จนตอนนี้หนูอายุ 15-16 ปีแล้ว เขาก็อย่างทำนิสัยเหมือนเดิม ที่ว่าคือเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ไม่ยอมรับเหตุผลของคนอื่น ทะเลาะกับพ่อทีไร ก็ขู่ว่าจะเอาปืนยิงพ่อแม่ตลอด จนหนูคิดว่าพ่อแม่หนูแพนิคกับการมีอยู่ของลูกชายคนนี้ มีครั้งหนึ่งที่ทะเลาะกันหนักมาก พ่อแม่หนูกลัวมากแค่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้คือกลับขังตัวเองไว้ในห้อง ก่อนจะนอนประมาณ 2-3 คืน เพราะเขาขู่ว่าจะฆ่าบ้าง ขโมยบ้าง หนํเกลียดที่สุด เพราะต้องมาทำให้พ่อแม่เสียใจตลอดตั้งแต่เล็กจนโต คำพูดเชาน่ารักเกียจมาก เป็นคนพูดดูมีความรู้ แต่ความรู้ที่พูดออกมาใส่อารมณ์ทั้งนั้นเลย ไม่มีอะไรที่สามารถบ่งบอกได้เลยว่าที่พูดออกมาคือเหตุผล ตอนนี้เขาอายุประมาณ 30 ปีแล้ว ทะเลาะมาตลอด
เช่น หนูกับน้องได้ไอแพดคนละเครื่อง แล้วเขาก็มาโวยวายว่า ทำงานกับมาตั้ง 1 ปี อย่างไม่ได้ส่วนแบ่งเลย คือก่อนหน้านั้นระหว่างการเดินทางกลับ พ่อแม่หนูก็คุยกันว่า เนี้ยมาซื้อไอแพดให้คนเล็กสองคนแบบนี้ เดียวคนที่บ้าน(พี่ชายคนนี้)ก็ไม่พอใจแล้วมาโวยวายหรอ ใครจะไปคิดว่าที่พูดกันจะถูก กลับมาถึงบ้าน เขาพูดชมแต่แป็บเดียวก็พูดเรื่องเงินที่จะแบ่งตรงนนั้นเลย ว่าเขายังไม่ได้เงิน ลูกเขาก็ต้องการไอแพด(ลูก 3 ขวบ) ต้องการอย่างนู่นนี้ เขาไม่ได้มาว่าเรากับน้อง แต่เขากลับว่าพ่อแม่อย่างสุดจริง พูดอีกว่าถ้าไม่แบ่งก็แยกกันตรงนี้เลย แยกกันทำ แล้วเขาก็จะไม่อยู่บ้านหลังนนี้ึอีก (หนูได้ยินเขาพูดตั้งแต่แต่งงานมาได้2 ปีละ ปัจจุบันนอนอยู่บ้านอย่างดี)
ตอนนั้นก็คิดว่าถ้าหนูไม่เอาไอแพด แล้วเอาให้หลานได้ไหม เพราะหนูมีมือถือ มีคอมแล้ว ไอแพดคงไม่จำเป็น ต้องขอบคุณตัวเองตอนนั้นที่ไม่รีบตัดสินใจ เพราะได้ใช้งานดีมาก พอออีกหลายๆ วันผ่านไป เขาก็กลับมาดีเหมือนเดิม หนูคิดว่าต้องแบ่งเรื่องเงินกันแล้วแน่ๆ แต่ก็มีอีกครั้ง ช่วงสงกรานต์ ที่บ้านก็จะมีออกไปเที่ยว หนูไปกับเขากับน้องสาว พ่อแม่ค่อยตามมาทีหลัง ด้วยความที่ไปก่อนก็แวะรับเงินที่เคยมีคนมาขอยืมไว้ ประมาณ 20,000 บาท เขาก็ดูแลหนูและน้องเป็นอย่างดี ไปซื้อของก็ให้คนละ 1000 บาท แต่เป็นเงินพ่อแม่นะ เงินนี้เป็นที่พ่อแม่ทำงานด้วยกันสองคนไม่มีพี่มาเกี่ยวเลย แต่พอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็เล่าให้ฟังว่าตอนที่ไปจอดที่ปั้มอ่ะ รถมันดับสตาร์ทไม่ติด เราก็เลยเอ้าจริงอ๋อ แม่ก็เล่าอีกว่าพ่อต้องสตาร์ทหลายๆ รอบกว่าจะติด ก็ขำๆ แม่มาเล่าให้ฟังก็ตลกๆ แล้วพอพ่อจะไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ ก็เลยขอกุญแจรถอีกคันที่วันนี้พี่ขับ ว่า "ขอกุญแจรถคันนี้หน่อย อีกคันมันสตาร์ทไม่ติด" พี่ก็เดือดเลย ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงเรื่องเงิน แม่ก็แซวๆ ขึ้นมาว่า เอาให้พ่อสัก 5000 ให้ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่หน่อย เขาก็เริ่มขุ่นละ และพอพ่อพูดประโยคเมื่อกี้ไปเขา เดินกลับมาพร้อมเขวี้ยงเงินประมาณ 20000 บาทลงกับพื้นเลย ต่อหน้าต่อตาเรา พ่อแม่ก็ยืนอยู่ตรงนั้น และก็กร่นด่าอะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด เราไปซื้อมือถือพ่อก็บ่นให้เราฟังอีกว่าเงินพวกนนั้นไม่ได้จะเอาตั้งแต่แรก มีประโยคไหนไหมที่บอกว่าจะเอา แบบหงุดหงิดๆ เราก็หงุดหงิด เราอยู่ในเหตุการณ์ ยังรู้สึกได้เลย ว่าพี่ทำผิดจริง ผิดมากด้วย พ่อก็บอกให้เราโทรหาแม่และบอกแม่ว่าเงินพวกนนั้นเอาให้พี่ซะ ไม่ต้องเก็บไว้ แม่เราก็เอาไปให้พี่สะใภ้(เมียพี่)นะแต่เมียพี่บอกว่าไม่เอาๆ เดี๋ยวพี่ก็เอาไปโยนทิ้งอีก พ่อแม่ก็เลยเก็บไว้ซื้อชุดนักเรียนให้เรากับน้อง พอไปถึงที่ร้านพ่อแม่ก็รับเงินก่อน ได้ยินพ่อแม่พูดกันว่า เงินมันไม่ครบ 20000 นี่ พ่อก็ถามแม่ว่าวันนั้นได้เก็บครบละใช่ไหม แม่ก็บอกว่าเก็บครบ แปลว่าพี่ชายนางเหลี่ยมโยนแค่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเก็บเอาไว้ใช้เอง ตอนนั้นเราโคตรจะหงุดหงิดเลย เราโคตรเกลียด เกลียด

คนนี้ จนมาถึงวันนี้ เรานั่งอยู่บนห้อง พ่อขึ้นไปนอนอีกบ้านหนึ่ง พี่นั่งคุยกับอา+เบียร์ นินทาด้านแย่ๆ ของพ่อตัวเองให้อาฟังฉ่ำมาก (อาคนนี้เคยทะเลาะกับพี่ตัวเองแบบหยิบปืนขึ้นมาจ่อหัวกัน(ปืนจริงๆ)แต่พ่อเราเป็นคนเข้าไปห้าม เราโคตรไม่ชอบกลังพ่อจะโดนลูกหลงไป เพราะที่เกิดเหตุการณ์นี้ก็เพราะอามันหลับใน แล้วพี่ตัวเองก็เตือนว่าขับดีๆ ถ้าไม่ไหวก็เปลี่ยน,, แล้วอาคนนี้ก็ไม่ได้ดี มีเรื่องชู้สาวได้ตลอด เหมือนครอบครัวเขาจะชินแล้ว หรือครอบครัวเขาอาจทำให้เขาไม่มีตัวตนก็ได้ เพราะเขาไม่เคยให้เกียจครอบครัวตัวเองเลย ทั้งๆที่เมียเขาจับได้ว่าเขามีคนอื่นกลับหน้านิ่งตาเฉย และมีครั้งหนึ่งเราได้ยินเขาทะเลาะกับแฟนของชู้คนนั้นด้วย โคตรงง) เราก็นั่งฟัง เราเริ่มหงุดหงิดแล้วเพราะเขาเอาแต่พูดถึงด้านแย่ๆของพ่อ แบบประมาณว่าประตุที่คั่นระหว่างบ้านเนี้ยไม่ต้องล็อคก็ได้แค่คล้องไว้ก็พอ อาก็พูดเสริมอีกว่า ใช่ว่าที่ไม่ล็อคเพราะกลัวไปข่มขืนลูกสาวเขากฌไม่ใช่อะไรประมาณนี้ เราเดือดมาก นั่นปากหรอ พ่อเราจะล็อคหรือไม่ล็อคก็เป็นสิทธิของพ่อ เพราะนี่คือที่ดินพ่อ คุณเป็นใครถึงมาบอกว่าล็อคประตูนี่ไม่ดี ลำไยมาก คนในวงก็มีแต่พวกปากหมาๆ ขี้แซะคนอื่นไปหมด
เหตุการณ์วันนี้ทำให้ได้ทราบว่า เราคงเป็นพี่น้องกับคนแบบนี้ไม่ได้ เพราะเกลียดเข้าไส้ไปแล้ว ถ้าเลือกฆ่าได้ก็จะฆ่า ถ้าต้องตายกันไปสักข้างก็ยอมเพื่อตัดขาดความเป็นพี่น้องนี้ เรามีความรู้สึกแบบนี้ และคิดว่าตัวเองอาจป่วยโรคจิตหรือป่าว เพราะเราโกรธมาก เราไล่ล็อคทุกประตูที่พวกมันเอาไปเมาท์ นั่งสาปอยู่ ทั้งตัวเราสั่นไปหมด เหมือนว่าตัวเองโกรธมากพร้อมที่จะระเบิดตัวเองตลอดเวลา จึงได้มานั่งพิมพ์กระทู้นี้ ขึ้นมา ช่วยมาแชร์ด้วยว่าที่เราทำมันถูกไหม หรือเพราะเราป่วย
โคตรเกลียดพี่ชายตัวเองเลย นี่เราผิดไหมคะ เกลียดแบบตายกันไปสักข้างเลย