หลานม่า: How to Make Millions Before Grandma Dies
กำกับโดย พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์
เห็นกระแสเรื่อง
"หลานม่า" มาแรงจริง พักหลังยอมรับว่า
"แหยง" กับหนัง GDH ไปหลายเรื่อง เพราะรู้สึกว่าหนังขาดความเรียล ความจริงใจไป แถมยังหาความน่าประทับใจไม่ได้ในระยะหลัง ดังนั้นจึงไม่ได้คิดจะรีบดูเรื่องเสียเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ไปดูจนได้ หลังต้านทานกระแสไม่ไหว 😂 ต้องบอกว่า "หลานม่า" เป็นหนังที่ GDH ทำได้ถึงมาก ๆ จัดเป็นหนังที่น่าประทับใจในรอบหลายปีของ GDH ทีเดียว
‘หลานม่า’ | Official Trailer
ความรู้สึกหลังชม
- หลานม่ามาด้วยพล็อตที่ "
คุ้นเคย" โดยเล่าเรื่องของ
"เอ็ม" หลานชายของ
"อาม่าเหม้งจู" ที่หวังรวยทางลัดผ่านการดูแลอาม่า เผื่อว่าอาม่าจะยกมรดกให้
ครั้งแรกที่ได้ยินพล็อตนี้ ก็ถึงกับส่ายหัว กลัวว่าดูแล้วจะตงิดใจไหม เพราะด้วยคาแรคเตอร์แบบนี้ ไม่มั่นใจว่าจะซื้อใจผู้ชมได้มากขนาดไหน
ทว่าด้วยวิธีการเล่าและการควบคุมองค์ประกอบภาพยนตร์ กลับทำให้หนังเรื่องนี้เป็นงานที่งดงาม น่าตราตรึงใจ
- ส่วนแรกที่ต้องชม คือ
"การเล่าเรื่อง"
รู้สึกประทับใจกับ Pace ของเรื่องที่เดินไปข้างหน้าด้วยจังหวะที่พอดิบพอดี อาจจะดูช้าเมื่อเทียบกับหนัง GDH เรื่องก่อน ๆ (เน้นตัดไปตัดมาแบบฉึบฉับ)
แต่ถือว่าพอดีสำหรับหนังที่โฟกัสในการเล่า
"ความสัมพันธ์" ของตัวละคร
หนังเล่าเรื่องด้วยท่าทีที่ไม่เร่งรีบ และให้
"Space" (ความเงียบและความว่าง) ทำงานกับคนดูแทนคำพูด ไม่ว่าจะจากการดำเนินเรื่อง จังหวะ การสร้างบรรยากาศ มุมกล้อง เสียงประกอบ และดนตรีประกอบ เพื่อทำให้ผู้ชมซึมซับ หลอมความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวละครด้วยความละเมียดละไม
- ความชอบถัดมา
"บรรยากาศและสถานที่" เช่น รถไฟ ท้องฟ้า ต้นไม้ สายรุ้ง ต้นทับทิม ตลาดพลู ที่เป็นเสมือนอีกหนึ่งตัวละครในเรื่อง
หนังสอดภาพเหล่านี้ เหมือนเป็นที่พักหายใจให้กับตัวละครและผู้ชม ช่วยให้อารมณ์ซึมลึกขึ้น รวมถึงเป็น
Motiff (วัตถุที่ปรากฏ) ให้ได้ตีความและแสดงสุนทรียศิลป์
ขณะที่จังหวะทั้งการ Close up สีหน้าตัวละคร การแช่ภาพ ดนตรีประกอบที่นิ่งเรียบ และโหมเข้ามาได้เวลาที่พอดี ก็จัดว่าทำได้เนี้ยบ
Grandma's Home
ดังนั้น หลังจากที่บ่มความสัมพันธ์และบรรยากาศมาตลอดทาง เมื่อถึงเวลาที่ระเบิดอารมณ์ จึงทำให้หนังสะเทือนอารมณ์คนดูได้อย่างทรงพลัง น้ำตาไหลได้สบาย ๆ
- คอนเซปต์หลักของเรื่องกล่าวถึง
"การสำรวจความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว"
หนังพาไปสำรวจพฤติกรรมและพัฒนาการของตัวละครว่า
"แต่ละคนมีท่าทีเช่นไร และเปลี่ยนไปมากเพียงใด" เมื่อความตายเริ่มย่างกรายเข้ามาหาอาม่า ผ่าน insight ที่สมจริงแบบคนเชื้อสายจีน
เราจะสังเกตได้ว่า ไม่มีตัวละครใดที่มีความสมบูรณ์ ทุกคนต่างมีความเทาและความไม่มีเหตุผลในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งทำให้หนังเล่าความสัมพันธ์ได้อย่างสมจริงอย่างที่ปุถุชนเป็นกัน
แก่นของเรื่องจึงให้ข้อคิดสำคัญถึง "การให้เวลาดูแลใส่ใจกันและกัน"
อย่างน้อยแม้เราจะลำบากหรือต้องสู้กับความทุกข์ทรมาน การมีคนอยู่เคียงข้าง ก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ได้เดินอย่างโดดเดี่ยว เราไม่ได้เดียวดาย เรามีกันและกันเสมอ
นี่จึงเป็นหนังที่มีอิมแพ็คต่อสังคม อย่างน้อยก็ยกระดับจิตใจผู้ชมให้ดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
- หนังยังคงมีอารมณ์ขันสไตล์ GDH เพิ่มเติมคือ มีความตลกร้ายแบบผู้ใหญ่มากขึ้น
- พาร์ทนักแสดง ที่ชอบที่สุด ขอยกนิ้วให้กับการแสดงของ
"บิวกิ้น, อาม่า (อุษา เสมคำ), แม่เอ็ม (สฤญรัตน์ โทมัส)" ทั้งสามจัดว่าเป็นคีย์แมนสำคัญในเรื่องที่แสดงได้ยอดเยี่ยม
- ส่วนจุดน่าปรับปรุง ส่วนตัวมองว่า บท
"มุ่ย" ไม่ได้เป็นตัวละครที่ใส่มาแล้วเป็นผลบวกกับภาพรวมเรื่อง หรือหากจะใส่เข้ามาจริง ยังสามารถปรับตัวละครและการกระทำให้เข้ากับภาพรวมได้มากกว่านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในเคสถ้าปรับตัวละคร
อาจจะให้มุ่ยเป็นคนที่ "รัก" และ "เหนื่อย" กับอากงมากที่สุด (คือ รักและผูกพัน แต่ก็เหนื่อยและเกลียดไปในตัวจากการทำงานดูแล 24 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้อาจเป็นความซวยของมุ่ยที่ดันเรียนจบพยาบาล จึงโดนให้มาดูแล)
ดังนั้นด้วยความที่อยู่ด้วยกันตลอดเวลา มุ่ยจึงเป็นคนเดียวที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า "อากงไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบทรมานแล้ว"
ผมว่าถ้าปรับมาทางนี้ น่าจะช่วยให้หนังมีมิติ มีความเป็นมนุษย์จริง ๆ มันก็จะไม่ได้พุ่งไปที่เรื่องอยากได้สมบัติ 100% แต่เป็นเรื่องเทา ๆ ที่ทั้งรัก ทั้งเหนื่อย (เกลียด) แต่ก็รู้สึกโชคดีที่ท้ายที่สุด คนที่เหนื่อยดูแลได้มรดกไปตั้งตัวในเวลาเดียวกัน
รู้สึกว่าทุกอย่างจะกลมกลืนกันมากขึ้น เนียนตาเลย !
อีกส่วนก็คือ ตัวละครอย่าง
"กู๋โส่ย" รู้สึกว่า อาจจะยังแสดงได้ไม่เนียนเท่ากับตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง
ในแง่ Location ถ้าตัวสุสานดูร้อนแห้งเหลืองกว่านี้นิดนึง จะ Perfect
ส่วนสุดท้าย น่าจะเป็น
"ความเป็นหนัง" ที่ทำให้เนียนเป็นธรรมชาติได้ยิ่งกว่านี้ (แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเป็นหนังดีที่คนประทับใจได้แล้ว แถมปกติ GDH ไม่ได้มาในทางนี้บ่อยมากนัก)
Billkin - สวยงามเสมอ
สรุป
ถือว่าเป็น
"หนังท็อปฟอร์มของ GDH" ที่ชมได้อย่างมั่นใจและเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ชอบที่สุดในปีนี้
ตัวหนังมีความเป็นผู้ใหญ่ นิ่ง คม ลึก และเล่าความสัมพันธ์ได้อย่างกลมกล่อม ทั้งยังสอดรับกับภาพสังคมไทยที่กำลังจะกลายเป็น Aging Society
คุณภาพหนังจัดว่า ส่งแข่งเทศกาลต่างประเทศได้สบาย หรือถ้าทำมาเพื่อขายในเอเชีย ก็นับว่าเป็นคอนเทนต์ที่สู้ประเทศอื่นได้แบบไม่เป็นรอง
ปีที่แล้ว มีเรื่อง "สัปเหร่อ" ที่ทำให้ทุกคนอิ่มเอมใจ ในปีนี้เชื่อว่าทุกคนที่ดู "หลานม่า" จะสนุก ซึ้ง น้ำตาซึมอย่างแน่นอน
ใครสนใจแนะนำเลยครับ !
____________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
หลานม่า (2024) - ผลงานสุดงดงาม ละเมียดละไมจาก GDH
เห็นกระแสเรื่อง "หลานม่า" มาแรงจริง พักหลังยอมรับว่า "แหยง" กับหนัง GDH ไปหลายเรื่อง เพราะรู้สึกว่าหนังขาดความเรียล ความจริงใจไป แถมยังหาความน่าประทับใจไม่ได้ในระยะหลัง ดังนั้นจึงไม่ได้คิดจะรีบดูเรื่องเสียเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็ไปดูจนได้ หลังต้านทานกระแสไม่ไหว 😂 ต้องบอกว่า "หลานม่า" เป็นหนังที่ GDH ทำได้ถึงมาก ๆ จัดเป็นหนังที่น่าประทับใจในรอบหลายปีของ GDH ทีเดียว
- หลานม่ามาด้วยพล็อตที่ "คุ้นเคย" โดยเล่าเรื่องของ "เอ็ม" หลานชายของ "อาม่าเหม้งจู" ที่หวังรวยทางลัดผ่านการดูแลอาม่า เผื่อว่าอาม่าจะยกมรดกให้
ครั้งแรกที่ได้ยินพล็อตนี้ ก็ถึงกับส่ายหัว กลัวว่าดูแล้วจะตงิดใจไหม เพราะด้วยคาแรคเตอร์แบบนี้ ไม่มั่นใจว่าจะซื้อใจผู้ชมได้มากขนาดไหน
ทว่าด้วยวิธีการเล่าและการควบคุมองค์ประกอบภาพยนตร์ กลับทำให้หนังเรื่องนี้เป็นงานที่งดงาม น่าตราตรึงใจ
รู้สึกประทับใจกับ Pace ของเรื่องที่เดินไปข้างหน้าด้วยจังหวะที่พอดิบพอดี อาจจะดูช้าเมื่อเทียบกับหนัง GDH เรื่องก่อน ๆ (เน้นตัดไปตัดมาแบบฉึบฉับ)
แต่ถือว่าพอดีสำหรับหนังที่โฟกัสในการเล่า "ความสัมพันธ์" ของตัวละคร
หนังเล่าเรื่องด้วยท่าทีที่ไม่เร่งรีบ และให้ "Space" (ความเงียบและความว่าง) ทำงานกับคนดูแทนคำพูด ไม่ว่าจะจากการดำเนินเรื่อง จังหวะ การสร้างบรรยากาศ มุมกล้อง เสียงประกอบ และดนตรีประกอบ เพื่อทำให้ผู้ชมซึมซับ หลอมความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวละครด้วยความละเมียดละไม
หนังสอดภาพเหล่านี้ เหมือนเป็นที่พักหายใจให้กับตัวละครและผู้ชม ช่วยให้อารมณ์ซึมลึกขึ้น รวมถึงเป็น Motiff (วัตถุที่ปรากฏ) ให้ได้ตีความและแสดงสุนทรียศิลป์
ขณะที่จังหวะทั้งการ Close up สีหน้าตัวละคร การแช่ภาพ ดนตรีประกอบที่นิ่งเรียบ และโหมเข้ามาได้เวลาที่พอดี ก็จัดว่าทำได้เนี้ยบ
หนังพาไปสำรวจพฤติกรรมและพัฒนาการของตัวละครว่า
แก่นของเรื่องจึงให้ข้อคิดสำคัญถึง "การให้เวลาดูแลใส่ใจกันและกัน"
อย่างน้อยแม้เราจะลำบากหรือต้องสู้กับความทุกข์ทรมาน การมีคนอยู่เคียงข้าง ก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ได้เดินอย่างโดดเดี่ยว เราไม่ได้เดียวดาย เรามีกันและกันเสมอ
นี่จึงเป็นหนังที่มีอิมแพ็คต่อสังคม อย่างน้อยก็ยกระดับจิตใจผู้ชมให้ดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
- พาร์ทนักแสดง ที่ชอบที่สุด ขอยกนิ้วให้กับการแสดงของ "บิวกิ้น, อาม่า (อุษา เสมคำ), แม่เอ็ม (สฤญรัตน์ โทมัส)" ทั้งสามจัดว่าเป็นคีย์แมนสำคัญในเรื่องที่แสดงได้ยอดเยี่ยม
- ส่วนจุดน่าปรับปรุง ส่วนตัวมองว่า บท "มุ่ย" ไม่ได้เป็นตัวละครที่ใส่มาแล้วเป็นผลบวกกับภาพรวมเรื่อง หรือหากจะใส่เข้ามาจริง ยังสามารถปรับตัวละครและการกระทำให้เข้ากับภาพรวมได้มากกว่านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อีกส่วนก็คือ ตัวละครอย่าง "กู๋โส่ย" รู้สึกว่า อาจจะยังแสดงได้ไม่เนียนเท่ากับตัวละครอื่น ๆ ในเรื่อง
ในแง่ Location ถ้าตัวสุสานดูร้อนแห้งเหลืองกว่านี้นิดนึง จะ Perfect
ส่วนสุดท้าย น่าจะเป็น "ความเป็นหนัง" ที่ทำให้เนียนเป็นธรรมชาติได้ยิ่งกว่านี้ (แต่แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเป็นหนังดีที่คนประทับใจได้แล้ว แถมปกติ GDH ไม่ได้มาในทางนี้บ่อยมากนัก)
ตัวหนังมีความเป็นผู้ใหญ่ นิ่ง คม ลึก และเล่าความสัมพันธ์ได้อย่างกลมกล่อม ทั้งยังสอดรับกับภาพสังคมไทยที่กำลังจะกลายเป็น Aging Society
คุณภาพหนังจัดว่า ส่งแข่งเทศกาลต่างประเทศได้สบาย หรือถ้าทำมาเพื่อขายในเอเชีย ก็นับว่าเป็นคอนเทนต์ที่สู้ประเทศอื่นได้แบบไม่เป็นรอง
ปีที่แล้ว มีเรื่อง "สัปเหร่อ" ที่ทำให้ทุกคนอิ่มเอมใจ ในปีนี้เชื่อว่าทุกคนที่ดู "หลานม่า" จะสนุก ซึ้ง น้ำตาซึมอย่างแน่นอน
ใครสนใจแนะนำเลยครับ !