เมื่อไม่กี่วันนี้ได้มีข่าวเกี่ยวกับการกลับมาพัฒนาเครื่องบิน F-50 Golden Eagle แบบที่นั่งเดี่ยวอีกครั้ง หลังจากได้ถูกยกเลิกไป เพื่อนำทุนไปพัฒนาเครื่องบินรบแบบ KF-21 จึงมีการผลิตแค่เครื่องบินฝึกขับไล่แบบ T-50/ TA-50/ FA-50 ซึ่งล้วนแล้วเป็นเครื่องบินฝึกขับไล่ เครื่องบินโจมตีเบา แบบสองที่นั่งเท่านั้น

จากแหล่งข่าวหลายๆแหล่งที่ได้อ่านมา ขอสรุปข่าวให้ท่านสมาชิกได้อ่านตามนี้
ทาง Korea Aerospace Industries ( KAI ) ได้เริ่มพัฒนาเครื่องบินรบแบบ FA-50 รุ่นที่นั่งเดี่ยว ซึ่งได้มีนักวิจารณ์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าเครื่องบิน FA-50 รุ่นสองที่นั่งมีระยะทำการที่ค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด จึงได้วางแผนสร้างเครื่องรุ่นที่นั่งเดี่ยว เพื่อนำถังน้ำมันมาทดแทนในตำแหน่งที่นั่งด้านหลัง เพื่อเป็นตัวเลือกให้กองทัพอากาศหลายชาติได้มีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น โดยรายงานอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศลงวันที่ 13 มีนาคม เปิดเผยว่าในการประชุมเมื่อวันที่ 8 มีนาคม คณะกรรมการของ KAI ได้อนุมัติการลงทุนจำนวน 27 ล้านเหรียญสหรัฐ (35.6 พันล้านวอน) เพื่อพัฒนาโครงเครื่องบิน FA-50 ที่นั่งเดี่ยว Kang Goo-young ประธาน KAI เคยบอกเป็นนัยถึงการพัฒนาที่นั่งเดี่ยวเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว KAI ตั้งใจที่จะเริ่มโครงการต่างๆ เช่น การร่างการออกแบบภายในปีนี้ ( 2024 ) ความต้องการเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยวทั่วโลกเพิ่มขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าในระบบอัตโนมัติและระบบควบคุมต่างๆ ทำให้นักบินเดี่ยวสามารถปฏิบัติภารกิจได้ ตัวแทนของ KAI กล่าวว่า "มีความสนใจอย่างต่อเนื่องในรุ่นที่นั่งเดี่ยวของลูกค้า FA-50 ในปัจจุบันของเรา" ในการสร้างเครื่องบินที่นั่งเดี่ยว KAI วางแผนที่จะถอดที่นั่งหลังและอุปกรณ์บางอย่างออกจาก FA-50 และแทนที่ด้วยถังเชื้อเพลิงเพิ่มเติม กระบวนการพัฒนามีความท้าทาย เช่น การติดตั้งแผงกั้นเพื่อป้องกันการรั่วไหลของเชื้อเพลิงจากถังใหม่ และการจัดการจุดศูนย์ถ่วงที่เปลี่ยนไปเมื่อมีการใช้เชื้อเพลิง กลยุทธ์การออกแบบนี้รักษารูปลักษณ์ภายนอกของเครื่องบิน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการพัฒนาของโครงการ
ใน FA-50 ที่นั่งเดี่ยวได้รับการออกแบบให้มีความจุเชื้อเพลิงมากขึ้น ช่วยเพิ่มระยะการเดินทาง ระยะทางมาตรฐานของรุ่น 2 ที่นั่งอยู่ที่ 1,852 กิโลเมตร ขยายได้ถึง 2,593 กิโลเมตร เมื่อใช้ถังเชื้อเพลิงเพิ่มเติม หากเทียบได้กับ FA-50 ในเครื่องบินระดับเดียวกันคือ Tejas ของอินเดียและ Hurjet ของ Turkiye มีรายงานว่า Tejas สามารถเดินทางได้ไกลถึง 2,800 กิโลเมตรเมื่อติดตั้งถังเชื้อเพลิงภายนอก Hurjet ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ยังขาดข้อมูลโดยละเอียด
และเจ้าหน้าที่ KAI กล่าวอีกว่า "ด้วยความสามารถในการบรรทุกเชื้อเพลิงได้มากกว่า 810 ปอนด์ (370 กิโลกรัม) มากกว่าเครื่องบินสองที่นั่ง ระยะปฏิบัติการของ FA-50 ที่นั่งเดี่ยวจะเพิ่มขึ้น 31% สำหรับภารกิจทางอากาศสู่อากาศ และ 28 ที่นั่ง % สำหรับภารกิจทางอากาศสู่ภาคพื้นดิน”
ข้อมูลอ้างอิงจาก
The Chosun Dialy
อีกแหล่งข่าวอ้างอิง
TSAMTO วันที่ 14 มีนาคม บริษัท Korea Aerospace Industries (KAI) ของเกาหลีใต้ คาดว่าจะครองตลาดเครื่องบินขับไล่เบาทั่วโลกมากกว่า 50% ด้วยการพัฒนาเครื่องบินรบขนาดที่นั่งเดี่ยวที่มีพื้นฐานจากการฝึกรบ FA-50 เครื่องบินที่นั่งเดี่ยวซึ่งมีชื่อว่า F-50 จะถูกนำเสนอให้กับประเทศที่ยังคงใช้งานเครื่องบินรุ่นตะวันตกที่ล้าสมัย เช่น F-5, A-37 และ A-4 รวมถึงรุ่น MiG และ Su ของโซเวียต เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศเหล่านี้ F-50 จะถูกผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าชาติต่างๆ ปัจจุบันเครื่องบินรบเบาอเนกประสงค์ FA-50 เป็นสินค้าส่งออกหลักของเกาหลีใต้ มีการส่งออกทั้งหมด 138 ลำ (รวมถึงเวอร์ชันการฝึกบินขั้นพื้นฐานและขั้นก้าวหน้า) ความต้องการแพลตฟอร์มประเภทนี้ซึ่งมีราคาไม่สูงนัก ยังคงมีความต้องการที่ไม่ลดลง ซึ่ง KAI คาดว่าจะได้รับส่วนแบ่งมากกว่า 50% ในตลาดเครื่องบินรบที่นั่งเดียว ซึ่งคาดว่าจะมีมากกว่า 450 ลำ รวมถึงการส่งออกและคำสั่งซื้อภายในประเทศ บริษัทหวังว่าปริมาณการขายรวมของ F-50 จะเกิน 300 ลำ โดยมาเลเซียจะกลายเป็นประเทศลูกค้ารายแรก เพื่อเป็นการลดต้นทุน F-50 จะยังคงรูปลักษณ์โดยรวมในปัจจุบันไว้ จะโฟกัสไปในการเพิ่มระยะการบินโดยการแทนที่ ที่นั่งหลังด้วยถังเชื้อเพลิงขนาดใหญ่และมีขีดความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และเพิ่มความสามารถของระบบอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้น คาดว่าโครงการจะเริ่มได้ในปีนี้และมีกำหนดการพัฒนาแล้วเสร็จในปี 2028
สามารถหาอ่านเพิ่มจากแหล่งข่าวอื่นๆได้ เช่น
viewusglobal หรือ
aviationnews.eu

มาดูรูปแบบของเครื่องบิน F-50 น่าจะเป็นแบบไหนกัน

รูปแบบที่น่าจะเป็นไปได้คือการเพิ่มพื้นที่ของถังน้ำมันทดแทนที่นั่งด้านหลัง

ซึ่งตามรูปการออกแบบ จะเห็นว่ามีการติดตั้งระบบท่อเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศบริเวณชายปีกด้านขวา ซึ่งท่อเติมน้ำมันแบบนี้จะถูกติดตั้งในเครื่องบิน FA-50 ของ ทอ.มาเลเซียที่เพิ่งสั่งไปไม่นาน นอกจากนี้ยังมีจุดเติมเชื้อเพลิงด้านหลังแบบ DART สำหรับมาตรฐานเครื่องบินอเมริกัน มีการใช้จอแสดงผลขนาดใหญ่จอเดียว ( Large Area Display ) หรือ LAD แบบเดียวกับเครื่องบิน F-35, F-15EX, Gripen E นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันการชนพื้น ( Auto GCAS ) ด้วย และอาจมีระบบ IRST หน้าห้องนักบินแบบเดียวกับเครื่องบิน KF-21 ดังรูปด้านล่าง

นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะออกแบบส่วนหัวใหม่และช่องรับอากาศแบบ DSI ( Diverterless supersonic inlet ) เพื่อลดค่า RCS ของเครื่องบินลง ให้เทียบเท่ากับเครื่องบินชั้นนำในยุค 4.75 เช่น Eurofighter, Rafale, Gripen หรือ F/A-18E/F super hornet ที่มีค่า RCS ต่ำกว่า 1 ตรม. ดังภาพ

คาดว่าในรุ่น F-50 ที่นั่งเดี่ยว จะทดแทนเครื่องบินรุ่นเก่าๆ เช่น F-5E, Mig-21 หรือเครื่องบินโจมตีเบาอีกหลายๆรุ่น เช่น Alpha Jet, A-37 โดยกลุ่มลูกค้าน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมๆ ในอาเซี่ยน เช่น ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, อินโดนิเซีย, ไทย และอาจจะมีเวียดนามและบรูไน นอกจากนี้ยังมีลูกค้าชาติ NATO เช่น โปแลนด์ หรือประเทศยุโรปที่ไม่มีงบซื้อเครื่องบิน F-16 และยังมีอีกหลายๆประเทศทั้งกลุ่มอเมริกาใต้ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศในแอฟริกา เชื่อว่าจากการประเมินของ KAI ในการ Approached ลูกค้ามานานหลายปี จนพบความต้องการเครื่องบินรบขนาดเบา ราคาไม่สูงมาก มีความน่าเชื่อถือสูง และสามารถติดอาวุธในฝั่งมาตรฐานตะวันตกได้ดี ซึ่ง ทอ.ไทยน่าจะมีความเป็นไปได้ในการนำเข้าประจำการทดแทนเครื่องบิน F-5E และ Alpha Jet ในฝูง 211 และ 231 ที่จะปลดประจำการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
การกลับมาพัฒนาเครื่องบินรบ KAI F-50 จากเกาหลีใต้ แบบที่นั่งเดี่ยวอีกครั้ง
จากแหล่งข่าวหลายๆแหล่งที่ได้อ่านมา ขอสรุปข่าวให้ท่านสมาชิกได้อ่านตามนี้
ทาง Korea Aerospace Industries ( KAI ) ได้เริ่มพัฒนาเครื่องบินรบแบบ FA-50 รุ่นที่นั่งเดี่ยว ซึ่งได้มีนักวิจารณ์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าเครื่องบิน FA-50 รุ่นสองที่นั่งมีระยะทำการที่ค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด จึงได้วางแผนสร้างเครื่องรุ่นที่นั่งเดี่ยว เพื่อนำถังน้ำมันมาทดแทนในตำแหน่งที่นั่งด้านหลัง เพื่อเป็นตัวเลือกให้กองทัพอากาศหลายชาติได้มีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น โดยรายงานอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศลงวันที่ 13 มีนาคม เปิดเผยว่าในการประชุมเมื่อวันที่ 8 มีนาคม คณะกรรมการของ KAI ได้อนุมัติการลงทุนจำนวน 27 ล้านเหรียญสหรัฐ (35.6 พันล้านวอน) เพื่อพัฒนาโครงเครื่องบิน FA-50 ที่นั่งเดี่ยว Kang Goo-young ประธาน KAI เคยบอกเป็นนัยถึงการพัฒนาที่นั่งเดี่ยวเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว KAI ตั้งใจที่จะเริ่มโครงการต่างๆ เช่น การร่างการออกแบบภายในปีนี้ ( 2024 ) ความต้องการเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยวทั่วโลกเพิ่มขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าในระบบอัตโนมัติและระบบควบคุมต่างๆ ทำให้นักบินเดี่ยวสามารถปฏิบัติภารกิจได้ ตัวแทนของ KAI กล่าวว่า "มีความสนใจอย่างต่อเนื่องในรุ่นที่นั่งเดี่ยวของลูกค้า FA-50 ในปัจจุบันของเรา" ในการสร้างเครื่องบินที่นั่งเดี่ยว KAI วางแผนที่จะถอดที่นั่งหลังและอุปกรณ์บางอย่างออกจาก FA-50 และแทนที่ด้วยถังเชื้อเพลิงเพิ่มเติม กระบวนการพัฒนามีความท้าทาย เช่น การติดตั้งแผงกั้นเพื่อป้องกันการรั่วไหลของเชื้อเพลิงจากถังใหม่ และการจัดการจุดศูนย์ถ่วงที่เปลี่ยนไปเมื่อมีการใช้เชื้อเพลิง กลยุทธ์การออกแบบนี้รักษารูปลักษณ์ภายนอกของเครื่องบิน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการพัฒนาของโครงการ
ใน FA-50 ที่นั่งเดี่ยวได้รับการออกแบบให้มีความจุเชื้อเพลิงมากขึ้น ช่วยเพิ่มระยะการเดินทาง ระยะทางมาตรฐานของรุ่น 2 ที่นั่งอยู่ที่ 1,852 กิโลเมตร ขยายได้ถึง 2,593 กิโลเมตร เมื่อใช้ถังเชื้อเพลิงเพิ่มเติม หากเทียบได้กับ FA-50 ในเครื่องบินระดับเดียวกันคือ Tejas ของอินเดียและ Hurjet ของ Turkiye มีรายงานว่า Tejas สามารถเดินทางได้ไกลถึง 2,800 กิโลเมตรเมื่อติดตั้งถังเชื้อเพลิงภายนอก Hurjet ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ยังขาดข้อมูลโดยละเอียด
และเจ้าหน้าที่ KAI กล่าวอีกว่า "ด้วยความสามารถในการบรรทุกเชื้อเพลิงได้มากกว่า 810 ปอนด์ (370 กิโลกรัม) มากกว่าเครื่องบินสองที่นั่ง ระยะปฏิบัติการของ FA-50 ที่นั่งเดี่ยวจะเพิ่มขึ้น 31% สำหรับภารกิจทางอากาศสู่อากาศ และ 28 ที่นั่ง % สำหรับภารกิจทางอากาศสู่ภาคพื้นดิน”
ข้อมูลอ้างอิงจาก The Chosun Dialy
อีกแหล่งข่าวอ้างอิง
TSAMTO วันที่ 14 มีนาคม บริษัท Korea Aerospace Industries (KAI) ของเกาหลีใต้ คาดว่าจะครองตลาดเครื่องบินขับไล่เบาทั่วโลกมากกว่า 50% ด้วยการพัฒนาเครื่องบินรบขนาดที่นั่งเดี่ยวที่มีพื้นฐานจากการฝึกรบ FA-50 เครื่องบินที่นั่งเดี่ยวซึ่งมีชื่อว่า F-50 จะถูกนำเสนอให้กับประเทศที่ยังคงใช้งานเครื่องบินรุ่นตะวันตกที่ล้าสมัย เช่น F-5, A-37 และ A-4 รวมถึงรุ่น MiG และ Su ของโซเวียต เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศเหล่านี้ F-50 จะถูกผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าชาติต่างๆ ปัจจุบันเครื่องบินรบเบาอเนกประสงค์ FA-50 เป็นสินค้าส่งออกหลักของเกาหลีใต้ มีการส่งออกทั้งหมด 138 ลำ (รวมถึงเวอร์ชันการฝึกบินขั้นพื้นฐานและขั้นก้าวหน้า) ความต้องการแพลตฟอร์มประเภทนี้ซึ่งมีราคาไม่สูงนัก ยังคงมีความต้องการที่ไม่ลดลง ซึ่ง KAI คาดว่าจะได้รับส่วนแบ่งมากกว่า 50% ในตลาดเครื่องบินรบที่นั่งเดียว ซึ่งคาดว่าจะมีมากกว่า 450 ลำ รวมถึงการส่งออกและคำสั่งซื้อภายในประเทศ บริษัทหวังว่าปริมาณการขายรวมของ F-50 จะเกิน 300 ลำ โดยมาเลเซียจะกลายเป็นประเทศลูกค้ารายแรก เพื่อเป็นการลดต้นทุน F-50 จะยังคงรูปลักษณ์โดยรวมในปัจจุบันไว้ จะโฟกัสไปในการเพิ่มระยะการบินโดยการแทนที่ ที่นั่งหลังด้วยถังเชื้อเพลิงขนาดใหญ่และมีขีดความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และเพิ่มความสามารถของระบบอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้น คาดว่าโครงการจะเริ่มได้ในปีนี้และมีกำหนดการพัฒนาแล้วเสร็จในปี 2028
สามารถหาอ่านเพิ่มจากแหล่งข่าวอื่นๆได้ เช่น viewusglobal หรือ aviationnews.eu
มาดูรูปแบบของเครื่องบิน F-50 น่าจะเป็นแบบไหนกัน
รูปแบบที่น่าจะเป็นไปได้คือการเพิ่มพื้นที่ของถังน้ำมันทดแทนที่นั่งด้านหลัง
ซึ่งตามรูปการออกแบบ จะเห็นว่ามีการติดตั้งระบบท่อเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศบริเวณชายปีกด้านขวา ซึ่งท่อเติมน้ำมันแบบนี้จะถูกติดตั้งในเครื่องบิน FA-50 ของ ทอ.มาเลเซียที่เพิ่งสั่งไปไม่นาน นอกจากนี้ยังมีจุดเติมเชื้อเพลิงด้านหลังแบบ DART สำหรับมาตรฐานเครื่องบินอเมริกัน มีการใช้จอแสดงผลขนาดใหญ่จอเดียว ( Large Area Display ) หรือ LAD แบบเดียวกับเครื่องบิน F-35, F-15EX, Gripen E นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันการชนพื้น ( Auto GCAS ) ด้วย และอาจมีระบบ IRST หน้าห้องนักบินแบบเดียวกับเครื่องบิน KF-21 ดังรูปด้านล่าง
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะออกแบบส่วนหัวใหม่และช่องรับอากาศแบบ DSI ( Diverterless supersonic inlet ) เพื่อลดค่า RCS ของเครื่องบินลง ให้เทียบเท่ากับเครื่องบินชั้นนำในยุค 4.75 เช่น Eurofighter, Rafale, Gripen หรือ F/A-18E/F super hornet ที่มีค่า RCS ต่ำกว่า 1 ตรม. ดังภาพ
คาดว่าในรุ่น F-50 ที่นั่งเดี่ยว จะทดแทนเครื่องบินรุ่นเก่าๆ เช่น F-5E, Mig-21 หรือเครื่องบินโจมตีเบาอีกหลายๆรุ่น เช่น Alpha Jet, A-37 โดยกลุ่มลูกค้าน่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิมๆ ในอาเซี่ยน เช่น ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, อินโดนิเซีย, ไทย และอาจจะมีเวียดนามและบรูไน นอกจากนี้ยังมีลูกค้าชาติ NATO เช่น โปแลนด์ หรือประเทศยุโรปที่ไม่มีงบซื้อเครื่องบิน F-16 และยังมีอีกหลายๆประเทศทั้งกลุ่มอเมริกาใต้ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศในแอฟริกา เชื่อว่าจากการประเมินของ KAI ในการ Approached ลูกค้ามานานหลายปี จนพบความต้องการเครื่องบินรบขนาดเบา ราคาไม่สูงมาก มีความน่าเชื่อถือสูง และสามารถติดอาวุธในฝั่งมาตรฐานตะวันตกได้ดี ซึ่ง ทอ.ไทยน่าจะมีความเป็นไปได้ในการนำเข้าประจำการทดแทนเครื่องบิน F-5E และ Alpha Jet ในฝูง 211 และ 231 ที่จะปลดประจำการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า