[CR] No.84 Single 8 : By Japanese Film Festival 2024 / The Japan Foundation, Bangkok


- ภาพรวมรู้สึกพอใช้ กลาง ๆ ไม่ได้ประทับใจและไม่ได้แย่ Feel จะอารมณ์เหมือนหนัง เพื่อน(ไม่)สนิท (2566) เวอร์ชั่นญี่ปุ่น เป็นจดหมายรักย้อนวัย Baby Boomer ที่ได้บันทึกความกล้าและบ้าบิ่นลงไปในสมุด Friend Ship แล้วพาเรากลับไปสำรวจโลกในวันวานยังหวานในยุค Retro เดินไปในห้องที่มีนักเรียนนั่งอยู่หลายคนโดยมีครูยืนหัวโด่หน้าห้องแล้วร่วมนั่งดูนักเรียนกลุ่มหนึ่งทำหนังสั้นยืน Present หน้าชั้นเรียนโชว์อาจารย์สอบ Final แล้วให้ Comment หลังดูจบแล้วที่แปลกใจคือชื่อเรื่องก็ดัน (หรือตั้งใจ) ไปคล้ายกับชื่อเรื่อง Super 8 (2011) เหลือเกิน แถมฉากหลังในเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นในยุค 70’s เหมือนกันอีก ด้านความเกรียนจากมุกตลกมีบ้างแต่ไม่ขำเท่าไหร่ เพราะ บางอย่างมันเป็นมุกเฉพาะตัวที่เข้าไม่ถึงในแง่ของวัฒนธรรม หรือ เป็นมุกของคนยุคนั้นที่เขานิยมใช้กันจนพอมองในมุมของเราที่เป็นคนละยุครู้สึกว่ามัน Out ไปแล้ว แต่พอช่วยเล่นกับอารมณ์ในขณะเดินเรื่องไม่ให้น่าเบื่อและเรียกรอยยิ้มได้บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ

- สิ่งที่ชอบอยู่ คือ หนังทำให้เราได้เห็นภาพคนธรรมดาที่มีฝันอยากจะทำหนังโดยที่ไม่ได้เป็นผู้กำกับมืออาชีพรู้ว่ากว่าจะได้ภาพออกมาแต่ละภาพแต่ละ Scene นั้นมันยากเย็นขนาดไหนในยุคที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ก็เพิ่งเข้ามาแต่ไม่ได้อำนวยความสะดวกเหมือนในปัจจุบัน ไหนจะต้องวางแผน เตรียมงาน ซื้ออุปกรณ์เพื่อถ่าย ,ทำพร็อพ , หา Location , คัดนักแสดง โดยอาศัยจากประสบการณ์ตรง ๆ จากการดูหนัง , ปรึกษาครู และ ครูพักลักจำเองจากรุ่นพี่ขายกล้อง โดยมีเรื่อง Star Wars (1977) เป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนให้ตัวพระเอกฝันอยากเป็นผู้กำกับหนังขึ้นมาท่ามกลางความตะลึงของคนรอบข้างอย่าง เพื่อนในห้อง , แม่ของเขา และ ครูของเขา เพื่อบอกชาวโลกให้รู้ว่ากูก็สามารถทำหนังให้ดังไกลระดับโลกได้แม่แพ้เขา
 
- ขณะเดียวกันข้อด้อยที่เห็นได้ชัดคือ หนังใช้ชื่อเรื่อง Star Wars เป็นข้ออ้างในการเสียดสีล้อเลียนและผลักดันปมของตัวละครช่วงต้น ๆ แค่นั้นที่เหลือถูกกลืนไปกับระบบชาตินิยมของตัวญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนและแข็งแกร่งเกินกว่าจะให้ชาติใดมากลืนกินไปได้ ดังนั้นตลอดเวลาที่ดูผมไม่เห็นถึงความเป็นตะวันตกแทรกอยู่ในเรื่องนี้แม้แต่เสี้ยวเดียว ถ้าบอกว่าได้ Ref มาจาก ก็อตซิลล่า หรือ อุลตร้าแมน เออ อันนี้เชื่อ 100% เพราะถ้าให้นึกถึงอะไรเกี่ยวกับประเทศนี้ผมก็นึกถึงการ์ตูนพวกนี้เป็นอย่างแรก กระทั่งไม่มีฉากไหนเลยที่ผมลุ้นหรือเอาใจช่วยไปกับแก๊งค์พระเอกตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกอย่างได้มาง่ายไปหมด ทั้งที่หนังแบบนี้มันต้องมีอุปสรรคขวางทางเป็นจุดขายเพื่อเรียก Drama เห็นใจคนดูอยู่แล้วว่ากว่าที่กูจะทำหนังเสร็จออกมาให้พวกดูกูต้องเจออะไรมาบ้าง ซึ่งเรื่องนี่ไม่มีภาพพวกนี้ให้เห็น มันเลยทำให้การเดินเรื่องซื่อ ๆ ตรง ๆ ไหลไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ตามสไตล์หนังญี่ปุ่นที่ชอบใช้โทนสีสดใสอิงกับบรรยากาศจนแอบโลกสวยไปหน่อย ขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นอุปกรณ์ gadget ที่นิยมในสมัยนั้นมีชีวิตขึ้นมา หรือ การตระเวนเดินทางไปถ่ายหนังตามที่โน้นที่นั่นหยั่งกะไปนัดเดทกัน พอช่วยเจริญหูเจริญตาไปกับสภาพแวดล้อมอาคารบ้านเมืองข้างทางที่ถูก set ในยุค 70’s ที่เราไม่ค่อยเห็นในหนังญี่ปุ่นเรื่องอื่น ๆ ซะเท่าไหร่ 

- ใจหนึ่งเข้าใจว่าตั้งใจขายความเป็น Coming of Age ใส ๆ แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผมได้ว่าข้างในมันซ่อนนัยยะเรียกหาของความเป็น Drama อยู่เนื่อง ๆ  ซึ่งบางอย่างมันปูทางให้เห็นกับตาอย่างตัวพระเอกที่เป็นผู้กำกับแอบชอบนางเอกเงียบ ๆ แล้วไอ้ตัวเพื่อนอีกคนที่เป็นตากล้องก็แอบชอบด้วยเลยกลายเป็นรัก 3 เส้ามินิที่สามารถขยี้ต่อได้แต่โผล่มาหยุมหยิม ๆ ถ้าขยี้ต่อคงกลัวว่าจะหลุดกรอบจากเดิมไปก็เลยเลือกปล่อยให้จมหายไปกับการถ่ายหนังดีกว่า ซึ่งตรงจุดนี้ก็พอจะเข้าใจได้ แต่ไอ้ขัดใจจริงตรงที่แก็งค์พระเอกไปหาอุปกรณ์ต่าง ๆ มาง่าย ๆ นี่แหล่ะที่ไม่ Make Sense สุด ๆ คือ พวกเป็นแค่เด็กมัธยม พวกจะหาเงินที่ไหนไปซื้อก่อน แล้วไอ้ของแต่ละอย่างอย่าง กล้อง VDO , เครื่องฉายฟิล์ม , ม้วนฟิลม์ อันหนึ่งไม่ใช่ 5 บาท 10 บาทที ไหนจะค่าซื้ออุปกรณ์อย่างอื่นไว้ทำพร็อพ , ค่าเดินทาง , ค่าแดกระหว่างทางพวกนี้อีก ถ้าบ้านไม่รวย ไม่ไม่ไปไถตังพ่อ แอบขโมยตังแม่ จะมีปัญญาซื้อซักชิ้นมั้ย ? ขนาดคนวัยทำงานที่มีเงินเดือนแล้วยังต้องควักกระเป๋าตังออกมาดูแล้วคิดแล้วคิดอีกว่าตังกูมีพอที่จะซื้อตัวนี้มั้ย ? ทั้งที่ใจจริงอยากได้ยิ้ม ถ้าใส่ Part Drama อย่างที่พรรณนาไปด้วยจะทำให้ตัวเรื่องเข้มข้นและมีเหตุผลความเป็นมนุษย์จับต้องได้มากกว่านี้

- ความที่หนังมันไปเรื่อย ๆ ตามอัธยาศัยโดยที่ไม่มีจุดพลิกผันเพื่อกระตุ้นความรู้สึกกันระหว่างทางบวกกับ Sub ไทยที่บรรยายใต้ภาพที่มีสีกลมกลืนกับเนื้อเรื่องซะเหลือเกิน เวลาดูจึงเห็นเป็นบางคำก็เลยเกิดอาการวูบหลับเป็นระยะแล้วตื่นขึ้นมาดูต่อก็ยังรู้เรื่องถึงแม้จะหาวเป็นระยะจนมาถึงบทสรุปช่วงท้ายที่รู้อยู่แล้วว่าจะจบลงแบบนี้แต่ก็มีทิ้งการทิ้งปมของตัวละครไว้นิดนึงก่อนแยกย้ายแต่ที่ไหนได้กลับทิ้งลงพื้นเปล่า ๆ แล้วเดินต่อไปจบแล้วจบเลย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ? ซึ่งผมเอะใจขึ้นมาอีกทั้งที่ก็ไม่ได้จะสืบสาวหาความอะไรต่อแล้วว่าจะใส่ทิ้งทวนขึ้นมาเพื่อ ? ในเมื่อไม่ได้โฟกัสตรงส่วนนี้จริง ๆ อยู่แล้ว ถ้ามองในแง่ของความบันเทิงหรือความสัมพันธ์ของตัวละครนำทั้ง 4 คนถือว่ายังตอบโจทย์ได้ไม่ดีแต่นางเอกน่ารักแถมเด่นอยู่คนเดียวในดงโหม๋ชายเลยให้ผ่านไปได้แต่ในแง่ของแก่นสารถือว่าหนังตอบโจทย์สำหรับความพยายามของคนมีฝันผ่านมิตรภาพฉันเพื่อนของวัยฮอร์โมนได้ลึกซิ้งและกินใจพอสมควร

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม และ  Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่