รุมกินโต๊ะก้าวไกล โจทย์ยากขบวนเสด็จ สัญญาณเสี่ยงพรรคสีส้ม ผู้มีอำนาจล็อกเป้าบดขยี้ The Politics X ศิโรตม์
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4429206
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ วิเคราะห์เหตุการณ์วิวาทะในการประชุมสภา จุดประเด็นขยี้พรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง
ตะวันคุกคามขบวนเสด็จ เห็นการเคลื่อนไหวของพรรครัฐบาลในการโจมตีก้าวไกล อย่างเป็นระบบ เป็นสัญญาณที่ไม่น่าสบายใจ เพราะหลังจากนี้จะมีการขยับมากขึ้นเรื่อยๆ จะไม่จบง่ายๆ ตีวัวกระทบคราด เหมือนว่าก้าวไกลถูกใส่ร้ายป้ายสี
คนไทยเมินซื้อบ้าน ไม่มั่นใจเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยแพง กังวลแบงก์ไม่ปล่อยกู้
https://www.matichon.co.th/economy/news_4429539
คนไทยเมินซื้อบ้าน ไม่มั่นใจเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยแพง กังวลแบงก์ไม่ปล่อยกู้
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นาย
วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เป็นดัชนีเชิงปริมาณ ในรูปแบบของดัชนีการกระจาย โดยใช้แบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นจากช่องทางประชาสัมพันธ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มาคำนวณดัชนี ซึ่งมีข้อคำถามเกี่ยวกับแผนในการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ และระยะเวลาที่วางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัย โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี 2566 เท่ากับระดับ 44.5 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีความเชื่อมั่นในระดับน้อยหรือเกณฑ์ระดับต่ำ
“
ความเชื่อมั่นที่ลดลงอาจจะเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังคงอยู่ในระดับร้อยละ 2.50 ที่สูงต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 และอาจจะมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในอัตราระดับนี้ในอีกระยะหนึ่ง อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่มีนโยบายที่จะผ่อนปรนมาตรการ LTV นอกจากนี้ การที่มีภาพรวมภาวะหนี้สินครัวเรือนที่สูงเกินกว่าร้อยละ 90 ของ GDP สะท้อนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานี้ โดยเกิดความกังวลต่อการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่อาจเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธสินเชื่อ” นาย
วิชัยกล่าว
นาย
วิชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ REIC ยังได้ศึกษาถึงกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจในมิติต่างๆ โดยลักษณะทางประชาการศาสตร์ของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 53.1 และส่วนใหญ่มีอายุอยู่ระหว่าง 25-34 ปี หรือเป็นคนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มากที่สุดร้อยละ 46.1 ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าคิดเป็นร้อยละ 73.6
“
ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 59.7 มีอาชีพเป็นพนักงานเอกชน และส่วนใหญ่ร้อยละ 34.6 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 15,001-30,000 บาท ทั้งนี้ ลักษณะทางประชากรศาสตร์ในภาพรวมมีความใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งด้านเพศ ช่วงอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน” นาย
วิชัยกล่าว
นาย
วิชัยกล่าวว่า ด้านวัตถุประสงค์ในการซื้อที่อยู่ใหม่ พบว่า ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 35.8 ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีความต้องการร้อยละ 28.1 รองลงมาคือซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สินร้อยละ 15.2 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 17.8
“ทั้งสองวัตถุประสงค์มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 51.0 แสดงให้เห็นได้ว่า ผู้ซื้อต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงในชีวิต และหากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเลือกพิจารณามากขึ้น คือ ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และต้องการซื้อเพื่อลงทุน/เก็งกำไร/ให้เช่า โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.0 เป็นร้อยละ 12.6 และจากร้อยละ 10.3 เป็นร้อยละ 12.4 ตามลำดับ” นาย
วิชัยกล่าว
นาย
วิชัยกล่าวว่า เมื่อพิจารณาลักษณะความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่า
1. ด้านประเภท ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งมือหนึ่งหรือมือสองมีร้อยละ 51.6 ลดลงจากร้อยละ 63.5 ในไตรมาสก่อนหน้า แต่ผู้ที่ต้องการซื้อเฉพาะที่อยู่อาศัยมือหนึ่ง มีร้อยละ 41.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 31.1 ในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมือสองมีร้อยละ 6.9 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความสนใจบ้านใหม่มากขึ้น
2. ช่วงราคาของที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2.01-3 ล้านบาท เป็นอันดับแรก ที่ร้อยละ 29.7 อันดับที่ 2 คือระดับราคา 3.01-5 ล้านบาท ร้อยละ 26.1 และอันดับ 3 คือระดับราคา 1.51-2 ล้านบาท ร้อยละ 15.5 โดยช่วงระดับราคา 2.01-5 ล้านบาท มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 55.8
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3.01-5ล้านบาท เคยอยู่ในอันดับ 3 ในไตรมาสก่อนหน้า และระดับราคา 1.51-2 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 2 ในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่กลุ่มที่อยู่อาศัยในระดับราคามากกว่า 5.01-10 ล้านบาท มีความต้องการคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.3 และพบว่า กลุ่มผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียงร้อยละ 1.4 เท่านั้น
ด้านประเภทที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว ร้อยละ 41.8 และต้องการซื้อในระดับราคา 3.01-5 ล้านบาทมากที่สุด รองลงมาคือคอนโดมิเนียมร้อยละ 34.1 โดยต้องการซื้อในระดับราคา 2.01-3
ล้านบาทมากที่สุด สำหรับทาวน์เฮาส์มีความต้องการซื้อร้อยละ 16.5 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 2.01-3 ล้านบาท มากที่สุด และบ้านแฝดมีความต้องการซื้อร้อยละ 7.6 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาทมากที่สุด
โดยมีข้อสังเกตว่าผู้ที่ต้องการซื้อบ้านแฝดมีความสนใจในระดับราคาสูงมากกว่าประเภทอื่นๆ เนื่องจากทำเลที่ต้องการซื้อส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ดินมีราคาสูงกว่าจังหวัดอื่น ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2566 ความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวมีสัดส่วนร้อยละ 47.3 ในขณะที่ความต้องการซื้อคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และมีสัดส่วนร้อยละ 36.5, 13.5 และ 2.7 ตามลำดับ
ไบเดนซัดปูตินและสมุนของเขา มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของนาวาลนี
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2763936
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวโทษผู้นำรัสเซียต่อกรณีการเสียชีวิตของนายอเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลรัสเซียในเรือนจำ โดยชี้ว่าผู้นำรัสเซียมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
นาย
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ แถลงจากทำเนียบขาว ผ่านทางโทรทัศน์ กล่าวโทษไปยังนาย
วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ต่อกรณีการเสียชีวิตของนาย
อเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้าน และคู่ปรับคนสำคัญของนายปูตินภายในเรือนจำ โดยระบุว่า แม้ว่าตัวเขาจะยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย
นาวาลนี วัย 47 ปี แต่เขาเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของนาย
วลาดิเมียร์ ปูติน และลูกสมุนของเขาอย่างแน่นอน และนาย
ปูตินจะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
นาย
ไบเดนยังระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับนาย
นาวาลนี เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความโหดร้ายของ
ปูติน และไม่ควรมีใครสมควรจะถูกหลอก พร้อมกันนี้นาย
ไบเดนยังเล่าถึงกรณีที่นาย
นาวาลนีเคยถูกวางยาพิษขณะที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับไปยังรัสเซีย ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง ซึ่งนาย
ไบเดนได้กล่าวยกย่องว่า นาย
นาวาลนีมีหลายสิ่งหลายอย่างที่นาย
ปูตินไม่มี และแม้แต่ในยามที่
นาวาลนีอยู่ในเรือนจำ เสียงของเขาก็ยังทรงพลังในการเปิดเผยความจริง ซึ่งความกล้าหาญของ
นาวาลนีจะไม่มีวันถูกลืม พร้อมแสดงความเสียใจต่อภรรยาและลูกๆ ของเขาด้วย
ทั้งนี้ นาย
ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยเรียก ปูติน ว่าเผด็จการ จากการรุกรานยูเครนและการปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้าม โดยระบุว่าเขากำลังพิจารณาตัวเลือกมากมายเพื่อตอบโต้การกระทำดังกล่าว แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพิ่มเติม
โดยเมื่อปี 2021 หลังจากที่ไบเดนพบปูตินที่สวิตเซอร์แลนด์ ผู้สื่อข่าวเคยถามนายไบเดนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากนาวาลนีตาย ซึ่งไบเดน บอกว่า เขาได้บอกกับผู้นำรัสเซียไปว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น มอสโกจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างแน่นอน.
JJNY : รุมกินโต๊ะก้าวไกล│คนไทยเมินซื้อบ้าน ไม่มั่นใจศก.│ไบเดนซัดปูตินและสมุนมีส่วนรับผิดชอบ│ประท้วง"นาวาลนี"เสียชีวิต
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4429206
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ วิเคราะห์เหตุการณ์วิวาทะในการประชุมสภา จุดประเด็นขยี้พรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังตะวันคุกคามขบวนเสด็จ เห็นการเคลื่อนไหวของพรรครัฐบาลในการโจมตีก้าวไกล อย่างเป็นระบบ เป็นสัญญาณที่ไม่น่าสบายใจ เพราะหลังจากนี้จะมีการขยับมากขึ้นเรื่อยๆ จะไม่จบง่ายๆ ตีวัวกระทบคราด เหมือนว่าก้าวไกลถูกใส่ร้ายป้ายสี
คนไทยเมินซื้อบ้าน ไม่มั่นใจเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยแพง กังวลแบงก์ไม่ปล่อยกู้
https://www.matichon.co.th/economy/news_4429539
คนไทยเมินซื้อบ้าน ไม่มั่นใจเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยแพง กังวลแบงก์ไม่ปล่อยกู้
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เป็นดัชนีเชิงปริมาณ ในรูปแบบของดัชนีการกระจาย โดยใช้แบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นจากช่องทางประชาสัมพันธ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มาคำนวณดัชนี ซึ่งมีข้อคำถามเกี่ยวกับแผนในการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ และระยะเวลาที่วางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัย โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นในการซื้อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4 ปี 2566 เท่ากับระดับ 44.5 สะท้อนให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังคงมีความเชื่อมั่นในระดับน้อยหรือเกณฑ์ระดับต่ำ
“ความเชื่อมั่นที่ลดลงอาจจะเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยังคงอยู่ในระดับร้อยละ 2.50 ที่สูงต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 และอาจจะมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในอัตราระดับนี้ในอีกระยะหนึ่ง อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่มีนโยบายที่จะผ่อนปรนมาตรการ LTV นอกจากนี้ การที่มีภาพรวมภาวะหนี้สินครัวเรือนที่สูงเกินกว่าร้อยละ 90 ของ GDP สะท้อนความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงเวลานี้ โดยเกิดความกังวลต่อการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่อาจเสี่ยงต่อการถูกปฏิเสธสินเชื่อ” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ REIC ยังได้ศึกษาถึงกลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจในมิติต่างๆ โดยลักษณะทางประชาการศาสตร์ของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 53.1 และส่วนใหญ่มีอายุอยู่ระหว่าง 25-34 ปี หรือเป็นคนกลุ่ม Gen Y และ Gen Z มากที่สุดร้อยละ 46.1 ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีระดับการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี หรือเทียบเท่าคิดเป็นร้อยละ 73.6
“ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 59.7 มีอาชีพเป็นพนักงานเอกชน และส่วนใหญ่ร้อยละ 34.6 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วง 15,001-30,000 บาท ทั้งนี้ ลักษณะทางประชากรศาสตร์ในภาพรวมมีความใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งด้านเพศ ช่วงอายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า ด้านวัตถุประสงค์ในการซื้อที่อยู่ใหม่ พบว่า ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ร้อยละ 35.8 ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีความต้องการร้อยละ 28.1 รองลงมาคือซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สินร้อยละ 15.2 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 17.8
“ทั้งสองวัตถุประสงค์มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 51.0 แสดงให้เห็นได้ว่า ผู้ซื้อต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงในชีวิต และหากเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเลือกพิจารณามากขึ้น คือ ต้องการความสะดวกในการเดินทาง และต้องการซื้อเพื่อลงทุน/เก็งกำไร/ให้เช่า โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.0 เป็นร้อยละ 12.6 และจากร้อยละ 10.3 เป็นร้อยละ 12.4 ตามลำดับ” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัยกล่าวว่า เมื่อพิจารณาลักษณะความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่า
1. ด้านประเภท ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งมือหนึ่งหรือมือสองมีร้อยละ 51.6 ลดลงจากร้อยละ 63.5 ในไตรมาสก่อนหน้า แต่ผู้ที่ต้องการซื้อเฉพาะที่อยู่อาศัยมือหนึ่ง มีร้อยละ 41.5 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 31.1 ในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมือสองมีร้อยละ 6.9 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แสดงให้เห็นว่าผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีความสนใจบ้านใหม่มากขึ้น
2. ช่วงราคาของที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2.01-3 ล้านบาท เป็นอันดับแรก ที่ร้อยละ 29.7 อันดับที่ 2 คือระดับราคา 3.01-5 ล้านบาท ร้อยละ 26.1 และอันดับ 3 คือระดับราคา 1.51-2 ล้านบาท ร้อยละ 15.5 โดยช่วงระดับราคา 2.01-5 ล้านบาท มีสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 55.8
ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าที่อยู่อาศัยในระดับราคา 3.01-5ล้านบาท เคยอยู่ในอันดับ 3 ในไตรมาสก่อนหน้า และระดับราคา 1.51-2 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 2 ในไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่กลุ่มที่อยู่อาศัยในระดับราคามากกว่า 5.01-10 ล้านบาท มีความต้องการคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.3 และพบว่า กลุ่มผู้ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียงร้อยละ 1.4 เท่านั้น
ด้านประเภทที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว ร้อยละ 41.8 และต้องการซื้อในระดับราคา 3.01-5 ล้านบาทมากที่สุด รองลงมาคือคอนโดมิเนียมร้อยละ 34.1 โดยต้องการซื้อในระดับราคา 2.01-3
ล้านบาทมากที่สุด สำหรับทาวน์เฮาส์มีความต้องการซื้อร้อยละ 16.5 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 2.01-3 ล้านบาท มากที่สุด และบ้านแฝดมีความต้องการซื้อร้อยละ 7.6 และส่วนใหญ่ต้องการซื้อในระดับราคา 5.01-7.50 ล้านบาทมากที่สุด
โดยมีข้อสังเกตว่าผู้ที่ต้องการซื้อบ้านแฝดมีความสนใจในระดับราคาสูงมากกว่าประเภทอื่นๆ เนื่องจากทำเลที่ต้องการซื้อส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งที่ดินมีราคาสูงกว่าจังหวัดอื่น ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2566 ความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวมีสัดส่วนร้อยละ 47.3 ในขณะที่ความต้องการซื้อคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และมีสัดส่วนร้อยละ 36.5, 13.5 และ 2.7 ตามลำดับ
ไบเดนซัดปูตินและสมุนของเขา มีส่วนรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของนาวาลนี
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2763936
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวโทษผู้นำรัสเซียต่อกรณีการเสียชีวิตของนายอเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลรัสเซียในเรือนจำ โดยชี้ว่าผู้นำรัสเซียมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ แถลงจากทำเนียบขาว ผ่านทางโทรทัศน์ กล่าวโทษไปยังนายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ต่อกรณีการเสียชีวิตของนายอเล็กเซ นาวาลนี แกนนำฝ่ายค้าน และคู่ปรับคนสำคัญของนายปูตินภายในเรือนจำ โดยระบุว่า แม้ว่าตัวเขาจะยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายนาวาลนี วัย 47 ปี แต่เขาเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของนายวลาดิเมียร์ ปูติน และลูกสมุนของเขาอย่างแน่นอน และนายปูตินจะต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
นายไบเดนยังระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายนาวาลนี เป็นสิ่งที่พิสูจน์ถึงความโหดร้ายของปูติน และไม่ควรมีใครสมควรจะถูกหลอก พร้อมกันนี้นายไบเดนยังเล่าถึงกรณีที่นายนาวาลนีเคยถูกวางยาพิษขณะที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ก่อนที่จะกลับไปยังรัสเซีย ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเสี่ยงต่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง ซึ่งนายไบเดนได้กล่าวยกย่องว่า นายนาวาลนีมีหลายสิ่งหลายอย่างที่นายปูตินไม่มี และแม้แต่ในยามที่นาวาลนีอยู่ในเรือนจำ เสียงของเขาก็ยังทรงพลังในการเปิดเผยความจริง ซึ่งความกล้าหาญของนาวาลนีจะไม่มีวันถูกลืม พร้อมแสดงความเสียใจต่อภรรยาและลูกๆ ของเขาด้วย
ทั้งนี้ นายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยเรียก ปูติน ว่าเผด็จการ จากการรุกรานยูเครนและการปฏิบัติต่อฝ่ายตรงข้าม โดยระบุว่าเขากำลังพิจารณาตัวเลือกมากมายเพื่อตอบโต้การกระทำดังกล่าว แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เพิ่มเติม
โดยเมื่อปี 2021 หลังจากที่ไบเดนพบปูตินที่สวิตเซอร์แลนด์ ผู้สื่อข่าวเคยถามนายไบเดนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากนาวาลนีตาย ซึ่งไบเดน บอกว่า เขาได้บอกกับผู้นำรัสเซียไปว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น มอสโกจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายอย่างแน่นอน.