เรื่อง : ก๊อบ
โดย : ละเว้
(ตอนที่๔ การต้อนรับ)
มันเป็นความอลวนอลหม่านโกลาหลซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน กว่าจะทันได้รู้ตัวก๊อบก็ตกอยู่ท่ามกลางการรุมล้อมเสียแล้ว ฅนแปลกหน้าส่งเสียงเอะอะโประเประรอบตัว ทุกสิ่งอย่างที่ปะทะเข้ามาตอนนี้ทำให้ความรู้สึกของเขาปั่นป่วนไปหมด ทั้งสับสนจากเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มแปลกหน้า หญิงชราฅนหนึ่ง อยู่ดี ๆ ก็เดินเข้าหาก๊อบซึ่งยืนตัวแข็งทื่อ จับข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้ หน้าเหี่ยวย่นนั้นก้มต่ำแทบสัมผัส ยังพยายามส่งเสียงโประเประใส่ ไม่ต่างจากถูกคุกคามเลยจริง ๆ ก๊อบได้แต่ยืนนิ่ง ขณะความรู้สึกยังสับสนกับความอลหม่านรอบตัว มันอะไรกันนี่ ก๊อบตะโกนในใจ เหลือบมองลุงยังได้เห็นแกยิ้มขำทั้งที่เขานั้นเกินทน
ตั้งแต่ลงจากรถโดยสารนั่นแล้ว เมื่อลุงพาเดินจากหน้าตลาดเข้ามาในหมู่บ้าน แกจะต้องคอยตอบคำถามจากสองข้างทางมาตลอด บางฅนยังเดินตามมาซักถามพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับเขากันอีก แม้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก๊อบก็รู้ได้จากกิริยาท่าทางที่ต่างแสดงออกนั่นแหละว่าฅนพวกนั้นกำลังถามเรื่องที่เกี่ยวกับตน และเมื่อลุงพาแยกเข้ามาถึงบ้านของลุงเธียเพื่อนของลุง เขาก็ถูกรุมล้อมในทันที เพราะไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้ก๊อบรู้สึกเงอะงะเป็นตัวตลก ผู้ฅนต่างหัวเราะขบขัน เขารู้สึกเกลียดหญิงชราฅนนี้เสียจริง เกิดความกดดันจนอยากร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
“ว่าไงล่ะไอ้หมา ทำตาขยิมขยัมเหมือนจะร้องให้เลย” ลุงพูดทั้งหัวเราะขำไปพลาง ลุงเธียก็พลอยขำไปด้วย ก๊อบหันไปย่นจมูกใส่ ทำหน้านิ่งเขี่ยข้าวในจาน อดเคืองไม่ได้ที่ลุงยังเอามาพูดให้ได้อายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ซึ่งหากลุงไม่บอกให้ลุงเธียพามาหาข้าวกินในตลาดกันก่อน เขาคงไม่รู้ว่าจะรอดพ้นจากเหตุการณ์รุมล้อมโดยไม่ร้องไห้ออกมาได้อย่างไรเหมือนกัน
“ปล่อยไว้ได้ต่อมน้ำตาแตกแน่ไอ้นี่” ลุงชัยหันไปบอกกับลุงเธียเป็นภาษาไทย ก๊อบเพิ่งรู้ว่าลุงเธียพูดและฟังภาษาไทยได้คล่องทีเดียว สองฅนพากันหัวเราะ แม้จะรู้สึกเคืองแต่ก๊อบแสร้งทำเป็นไม่สนใจ เมื่อไรจะหยุดพูดเรื่องนี้กันสักที ก๊อบคิดในใจ ซึ่งลุงชัยดูเหมือนจะไม่รับรู้ความรู้สึกของเขาเลย
“เป็นลูกผู้ชายประสาอะไร แค่นี้ถึงกับจะร้องไห้เสียแล้ว” กระเซ้าหลานก่อนลดเสียง เปลี่ยนเป็นอธิบายกับเขาแทน “มันไม่มีอะไรมากหรอก พวกเขาก็แค่ดีใจที่ได้เจอลูกหลานกันเท่านั้นแหละ” คำพูดของลุงทำให้ก๊อบต้องเงยหน้ามอง แกยิ้มพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่กลับไม่อธิบายอะไรมากไปกว่านั้น
อากาศที่นี่ร้อนกว่าเมืองไทยมากจนก๊อบรู้สึกได้ ร้านข้าวแกงที่ลุงเธียพามานี้ไม่มีแม้กระทั่งพัดลมสักตัว เด็กชายนั่งกินข้าวไปพลางสำรวจโดยรอบ ขณะเพื่อนเกลอสองฅนต่างพูดคุยโดยเลิกสนใจเขากันแล้ว ก๊อบกวาดสายตา ที่นี่สกปรกมาก นอกร้านออกไปนั้น ตลาดที่ดูไม่ค่อยมีฅนสักเท่าไรในตอนนี้มีแต่ขยะเต็มไปหมด ทั้งเก่าใหม่เกลื่อนพื้น แอ่งน้ำเฉอะแฉะดำสนิทข้างทางเดิน บางที่ล้นทางเข้ามา สภาพภายในร้านที่เขานั่งอยู่นี้ก็ไม่ได้ต่างกันเลย ทุกส่วนทุกสิ่งล้วนเปื้อนคราบเขม่าควันไฟซึ่งเกิดจากการหุงหาอาหารดำไปหมด พื้นดินดำปี๋จนเขาอดคิดไม่ได้ว่า มันคงเปื้อนเขม่าไปด้วย ถึงได้ดำสนิทตัดกับสีขาวของกระดาษเช็ดปากที่ถูกทิ้งเกลื่อนพื้นได้ขนาดนั้นไม่มีใครคิดจะทิ้งมันให้เป็นที่เป็นทางหรือคิดจะเก็บมันบ้างหรืออย่างไรกัน เขาแทบกินข้าวไม่ลงเลยทีเดียวเมื่อเห็นสภาพพื้นร้าน แก้วน้ำพลาสติกสีขาวที่ลุงเอามาวางให้ตรงหน้านี่ก็เก่าจนเหลืองแล้ว พวกเขายังใช้มันอยู่อีก
ข้างฝาด้านหนึ่งของร้านมีฟืนกองเต็มบริเวณ ถึงที่นี่จะเป็นแค่ตลาดในตัวอำเภอ แต่ร้านอาหารก็ไม่น่าจะต้องใช้ฟืนกันแล้ว และความจริงที่นี่ก็มีไฟฟ้าใช้ แต่ยังใช้ฟืนกันอยู่อีก นี่มันบ้านนอก มากกว่าบ้านนอกของลุง เขาคิดผิดจริง ๆ ที่ยอมให้แกหลอกพามาได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าวไก่ทอดที่นี่ก็อร่อยจนก๊อบกินได้หมดจานเหมือนกัน อาจเป็นเพราะเหนื่อยและหิวจากการเดินทางก็เป็นได้
เมื่อกลับมาบ้านลุงเธียอีกครั้ง กลุ่มฅนที่มารุมล้อมเขาเมื่อสักครู่นั้นไม่อยู่กันแล้ว จะมีก็เพียงเด็กสี่ห้าฅนนั่งอยู่บนแคร่ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างบ้านกับครัว ทั้งหมดดูสนใจเขากับลุงตั้งแต่รถจอด บางฅนมองแล้วหันไปยิ้มหัวเราะใส่กัน แม้นั่นจะทำให้เขาอึดอัดบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าตอนมาถึงครั้งแรก และเขายังคงได้แต่ทำนิ่งเข้าไว้ วางท่าเหมือนไม่สนใจใคร แต่ก็ลอบมอง เด็กพวกนี้หน้าตาแต่ละฅนช่างดูตลก จะว่าไปก็ดูไม่ต่างจากลูกหลานแรงงานต่างด้าวที่เขาเคยเห็นนั่นแหละ สกปรกมอมแมมผมเผ้ารุงรังเหมือนกันหมดเลย ก๊อบวาดสายตาผ่านเด็กพวกนั้นไปสะดุดกับเปลญวนซึ่งผูกไว้กับเสาบ้าน อดตกใจไม่ได้ หญิงชราเมื่อสักครู่ยังนั่งยิ้มมองเขาอยู่ในเปลญวนนั่น ก๊อบสะบัดหน้าหนี แต่ว่า...
“ไปไหว้ยายก่อนไป เมื่อกี้ยังไม่ทันได้ไหว้ยายเลย”
‘อะไรนะ’ ก๊อบร้องเสียงดังในใจ อยู่ ๆ ลุงก็มาบอกให้เขาต้องไปไหว้แกเสียอย่างนั้น ก๊อบหันมองขณะที่ลุงดันหลังพลางพยักหน้าให้ทำตาม
“ไปสิ แกเป็นยายแท้ ๆ น้องสาวของยายเอ็งนั่นแหละ รู้จักกันไว้ซะ”
อะไรกัน ก๊อบไม่อยากเชื่อเลย นั่นเท่ากับว่ายายของเขาเป็นฅนขแมร์ และน้องสาวของยายคือฅนที่นั่งอยู่ในเปลญวนตรงหน้าเขาตอนนี้ ทำไมแม่ไม่เคยเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังเลย
“ไปสิ” ลุงว่าพลางดันหลังให้เข้าไปอีก
“หวัดดีครับ” ก๊อบเข้าไปยกมือไหว้ด้วยท่าทางเก้อเขิน ยายหัวเราะชอบใจ ก๊อบทำหน้าไม่ถูก พวกเด็ก ๆ ที่จ้องมองเขาอยู่บนแคร่พากันพูดเลียนเสียงตาม แล้วก็หัวเราะขำกัน น่ารำคาญชะมัดเลย.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ข้อความ
ก๊อบ (ตอนที่๔ การต้อนรับ)
โดย : ละเว้
(ตอนที่๔ การต้อนรับ)
มันเป็นความอลวนอลหม่านโกลาหลซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน กว่าจะทันได้รู้ตัวก๊อบก็ตกอยู่ท่ามกลางการรุมล้อมเสียแล้ว ฅนแปลกหน้าส่งเสียงเอะอะโประเประรอบตัว ทุกสิ่งอย่างที่ปะทะเข้ามาตอนนี้ทำให้ความรู้สึกของเขาปั่นป่วนไปหมด ทั้งสับสนจากเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มแปลกหน้า หญิงชราฅนหนึ่ง อยู่ดี ๆ ก็เดินเข้าหาก๊อบซึ่งยืนตัวแข็งทื่อ จับข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้ หน้าเหี่ยวย่นนั้นก้มต่ำแทบสัมผัส ยังพยายามส่งเสียงโประเประใส่ ไม่ต่างจากถูกคุกคามเลยจริง ๆ ก๊อบได้แต่ยืนนิ่ง ขณะความรู้สึกยังสับสนกับความอลหม่านรอบตัว มันอะไรกันนี่ ก๊อบตะโกนในใจ เหลือบมองลุงยังได้เห็นแกยิ้มขำทั้งที่เขานั้นเกินทน
ตั้งแต่ลงจากรถโดยสารนั่นแล้ว เมื่อลุงพาเดินจากหน้าตลาดเข้ามาในหมู่บ้าน แกจะต้องคอยตอบคำถามจากสองข้างทางมาตลอด บางฅนยังเดินตามมาซักถามพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับเขากันอีก แม้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก๊อบก็รู้ได้จากกิริยาท่าทางที่ต่างแสดงออกนั่นแหละว่าฅนพวกนั้นกำลังถามเรื่องที่เกี่ยวกับตน และเมื่อลุงพาแยกเข้ามาถึงบ้านของลุงเธียเพื่อนของลุง เขาก็ถูกรุมล้อมในทันที เพราะไม่ทันตั้งตัวจึงทำให้ก๊อบรู้สึกเงอะงะเป็นตัวตลก ผู้ฅนต่างหัวเราะขบขัน เขารู้สึกเกลียดหญิงชราฅนนี้เสียจริง เกิดความกดดันจนอยากร้องไห้ออกมาอีกแล้ว
“ว่าไงล่ะไอ้หมา ทำตาขยิมขยัมเหมือนจะร้องให้เลย” ลุงพูดทั้งหัวเราะขำไปพลาง ลุงเธียก็พลอยขำไปด้วย ก๊อบหันไปย่นจมูกใส่ ทำหน้านิ่งเขี่ยข้าวในจาน อดเคืองไม่ได้ที่ลุงยังเอามาพูดให้ได้อายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ซึ่งหากลุงไม่บอกให้ลุงเธียพามาหาข้าวกินในตลาดกันก่อน เขาคงไม่รู้ว่าจะรอดพ้นจากเหตุการณ์รุมล้อมโดยไม่ร้องไห้ออกมาได้อย่างไรเหมือนกัน
“ปล่อยไว้ได้ต่อมน้ำตาแตกแน่ไอ้นี่” ลุงชัยหันไปบอกกับลุงเธียเป็นภาษาไทย ก๊อบเพิ่งรู้ว่าลุงเธียพูดและฟังภาษาไทยได้คล่องทีเดียว สองฅนพากันหัวเราะ แม้จะรู้สึกเคืองแต่ก๊อบแสร้งทำเป็นไม่สนใจ เมื่อไรจะหยุดพูดเรื่องนี้กันสักที ก๊อบคิดในใจ ซึ่งลุงชัยดูเหมือนจะไม่รับรู้ความรู้สึกของเขาเลย
“เป็นลูกผู้ชายประสาอะไร แค่นี้ถึงกับจะร้องไห้เสียแล้ว” กระเซ้าหลานก่อนลดเสียง เปลี่ยนเป็นอธิบายกับเขาแทน “มันไม่มีอะไรมากหรอก พวกเขาก็แค่ดีใจที่ได้เจอลูกหลานกันเท่านั้นแหละ” คำพูดของลุงทำให้ก๊อบต้องเงยหน้ามอง แกยิ้มพยักหน้าเหมือนเข้าใจ แต่กลับไม่อธิบายอะไรมากไปกว่านั้น
อากาศที่นี่ร้อนกว่าเมืองไทยมากจนก๊อบรู้สึกได้ ร้านข้าวแกงที่ลุงเธียพามานี้ไม่มีแม้กระทั่งพัดลมสักตัว เด็กชายนั่งกินข้าวไปพลางสำรวจโดยรอบ ขณะเพื่อนเกลอสองฅนต่างพูดคุยโดยเลิกสนใจเขากันแล้ว ก๊อบกวาดสายตา ที่นี่สกปรกมาก นอกร้านออกไปนั้น ตลาดที่ดูไม่ค่อยมีฅนสักเท่าไรในตอนนี้มีแต่ขยะเต็มไปหมด ทั้งเก่าใหม่เกลื่อนพื้น แอ่งน้ำเฉอะแฉะดำสนิทข้างทางเดิน บางที่ล้นทางเข้ามา สภาพภายในร้านที่เขานั่งอยู่นี้ก็ไม่ได้ต่างกันเลย ทุกส่วนทุกสิ่งล้วนเปื้อนคราบเขม่าควันไฟซึ่งเกิดจากการหุงหาอาหารดำไปหมด พื้นดินดำปี๋จนเขาอดคิดไม่ได้ว่า มันคงเปื้อนเขม่าไปด้วย ถึงได้ดำสนิทตัดกับสีขาวของกระดาษเช็ดปากที่ถูกทิ้งเกลื่อนพื้นได้ขนาดนั้นไม่มีใครคิดจะทิ้งมันให้เป็นที่เป็นทางหรือคิดจะเก็บมันบ้างหรืออย่างไรกัน เขาแทบกินข้าวไม่ลงเลยทีเดียวเมื่อเห็นสภาพพื้นร้าน แก้วน้ำพลาสติกสีขาวที่ลุงเอามาวางให้ตรงหน้านี่ก็เก่าจนเหลืองแล้ว พวกเขายังใช้มันอยู่อีก
ข้างฝาด้านหนึ่งของร้านมีฟืนกองเต็มบริเวณ ถึงที่นี่จะเป็นแค่ตลาดในตัวอำเภอ แต่ร้านอาหารก็ไม่น่าจะต้องใช้ฟืนกันแล้ว และความจริงที่นี่ก็มีไฟฟ้าใช้ แต่ยังใช้ฟืนกันอยู่อีก นี่มันบ้านนอก มากกว่าบ้านนอกของลุง เขาคิดผิดจริง ๆ ที่ยอมให้แกหลอกพามาได้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าวไก่ทอดที่นี่ก็อร่อยจนก๊อบกินได้หมดจานเหมือนกัน อาจเป็นเพราะเหนื่อยและหิวจากการเดินทางก็เป็นได้
เมื่อกลับมาบ้านลุงเธียอีกครั้ง กลุ่มฅนที่มารุมล้อมเขาเมื่อสักครู่นั้นไม่อยู่กันแล้ว จะมีก็เพียงเด็กสี่ห้าฅนนั่งอยู่บนแคร่ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างบ้านกับครัว ทั้งหมดดูสนใจเขากับลุงตั้งแต่รถจอด บางฅนมองแล้วหันไปยิ้มหัวเราะใส่กัน แม้นั่นจะทำให้เขาอึดอัดบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าตอนมาถึงครั้งแรก และเขายังคงได้แต่ทำนิ่งเข้าไว้ วางท่าเหมือนไม่สนใจใคร แต่ก็ลอบมอง เด็กพวกนี้หน้าตาแต่ละฅนช่างดูตลก จะว่าไปก็ดูไม่ต่างจากลูกหลานแรงงานต่างด้าวที่เขาเคยเห็นนั่นแหละ สกปรกมอมแมมผมเผ้ารุงรังเหมือนกันหมดเลย ก๊อบวาดสายตาผ่านเด็กพวกนั้นไปสะดุดกับเปลญวนซึ่งผูกไว้กับเสาบ้าน อดตกใจไม่ได้ หญิงชราเมื่อสักครู่ยังนั่งยิ้มมองเขาอยู่ในเปลญวนนั่น ก๊อบสะบัดหน้าหนี แต่ว่า...
“ไปไหว้ยายก่อนไป เมื่อกี้ยังไม่ทันได้ไหว้ยายเลย”
‘อะไรนะ’ ก๊อบร้องเสียงดังในใจ อยู่ ๆ ลุงก็มาบอกให้เขาต้องไปไหว้แกเสียอย่างนั้น ก๊อบหันมองขณะที่ลุงดันหลังพลางพยักหน้าให้ทำตาม
“ไปสิ แกเป็นยายแท้ ๆ น้องสาวของยายเอ็งนั่นแหละ รู้จักกันไว้ซะ”
อะไรกัน ก๊อบไม่อยากเชื่อเลย นั่นเท่ากับว่ายายของเขาเป็นฅนขแมร์ และน้องสาวของยายคือฅนที่นั่งอยู่ในเปลญวนตรงหน้าเขาตอนนี้ ทำไมแม่ไม่เคยเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังเลย
“ไปสิ” ลุงว่าพลางดันหลังให้เข้าไปอีก
“หวัดดีครับ” ก๊อบเข้าไปยกมือไหว้ด้วยท่าทางเก้อเขิน ยายหัวเราะชอบใจ ก๊อบทำหน้าไม่ถูก พวกเด็ก ๆ ที่จ้องมองเขาอยู่บนแคร่พากันพูดเลียนเสียงตาม แล้วก็หัวเราะขำกัน น่ารำคาญชะมัดเลย.
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้