ก๊อบ (ตอนที่๙ สตึงถว่าก)

กระทู้สนทนา
เรื่อง : ก๊อบ
โดย : ละเว้
(ตอนที่๙ สตึงถว่าก)

แม้ว่าบ้านยายตู๊จจะยังไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ที่นี่ก็มีทีวีขาวดำเครื่องหนึ่ง มันใช้แบตเตอรี่รถยนต์ให้พลังงานแทนไฟฟ้า เด็ก ๆ จึงดูทีวีได้แม้ในวันไฟดับอย่างวันนี้ และแม้จะฟังไม่ออก แต่ก๊อบก็ต้องนั่งดูทีวีรอเวลา เพราะคงไม่มีอะไรให้ทำมากกว่านี้ได้แล้ว

ข้าวปลาอาหารเสร็จไวกว่าที่ก๊อบคิด หรือเขาอาจเพลินกับทีวีที่ฟังไม่ออกนั้นก็ได้ ในที่สุดก็ได้กินข้าวเช้ากันเสียที 

“มีแต่แกงปลานี่แหละ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกินแล้วนะ” ลุงบอก ก๊อบมองสำรับที่มีแต่น้ำพริกผักกับแกงปลา 

“ดีเท่าไรแล้วที่เมื่อวานมีฅนมาขายปลาเลยซื้อไว้ให้ยายตู๊จ ไม่อย่างนั้นเช้านี้เอ็งอาจได้กินข้าวกับน้ำปลาแน่” ลุงชัยว่าพลางยิ้มขำ ลุงเลืองหัวเราะชอบใจอีก ยายตู๊จตักข้าวให้หลานออกไปนั่งกินข้างนอก ก๊อบยังร่วมวงกินในสำรับ

มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้ก๊อบคงเลี่ยงกินปลาน้ำจืดไม่ได้แล้ว 

“เผ็ด” คำแรกที่เข้าปากเขาก็ร้องออกมา ทำหน้าส่ออาการ รีบหาขันน้ำที่วางอยู่ข้างสำรับยกดื่ม ลุงเลืองขำได้อีก 

“เผ็ดก็อย่าตักน้ำแกง เอาเนื้อปลาคลุกข้าวก่อน แล้วใส่น้ำปลาด้วย ให้เค็มช่วยตัดเผ็ดอีกที” ลุงบอกกับเขา 

“ปกติฅนที่นี่เขาไม่กินเผ็ดกันหรอกนะ แต่ยายตู๊จเคยไปอยู่ไทย รู้ว่าฅนไทยชอบเผ็ดก็เลยแกงแบบไทยให้กิน” ลุงยังบอกต่อ ฅนไทยรุ่นลุงต่างหากที่ชอบกินเผ็ด เด็ก ๆ แบบเขาไม่มีใครชอบเผ็ดกันหรอก ก๊อบคิดในใจ

แกงปลาเผ็ด ๆ นั้นพอกินได้เมื่อทำตามลุงบอก แม้จะยังเผ็ดอยู่บ้างแต่ดีกว่าตอนแรก สักพักก๊อบก็ได้รู้ว่า แกงปลาน้ำจืดเผ็ด ๆ แบบนี้ มันก็อร่อยได้เหมือนกัน

กินข้าวเสร็จแล้วลุงยังนั่งคุยกับลุงเลืองต่อ ถามว่าไม่คิดจะกลับไปทำงานที่เมืองไทยอีกหรืออย่างไร ลุงเลืองบอกว่าตอนนี้เมืองขแมร์ดีขึ้นแล้ว แม้จะยังไม่ดีมาก แต่ก็มากกว่าตอนที่สงครามเพิ่งสงบ ตอนนั้นคิดแต่ว่าถ้าไม่ไปไทยก็อดตาย ตอนนี้ถึงจะยังลำบากบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรการได้อยู่ในบ้านเมืองของตัวเองนั้นนับว่าดีที่สุด

ลุงคงจะลืมก๊อบไปแล้ว เพราะมัวแต่นั่งคุยกับลุงเลืองเสียนานเลย 

เมื่อแดดจัดขึ้นพื้นที่เฉอะแฉะก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง

“ไปดูเขาเล่นน้ำกันไหม” ลุงเลืองเหมือนจะนึกได้เมื่อหันมาเห็นก๊อบ แกจึงเอ่ยชวน 

“ที่สระนั่นนะ” ก๊อบถามกลับ ลุงเลืองหัวเราะร่วนก่อนตอบ 

“ไม่ใช่ ที่คลอง อะไรนะ แม่น้ำ เอ่อ แม่น้ำนั่นแหละ” ลุงเลืองถามเองตอบเอง 

นั่งฟังสองลุงคุยกันจนเบื่อแล้ว ไปเที่ยวบ้างก็ดีเหมือนกันก๊อบกับลุงจึงได้นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ลุงเลืองไปด้วยกัน 

ทางลูกรังที่ลุงเลืองพาไปมีสภาพเป็นแอ่งหลุมตลอดสาย แกจึงต้องขับส่ายไปมาตลอดทางเช่นกัน มีกระเด้งกระดอนบ้าง บางทีก็ต้องคอยหลบฝูงวัวที่ชาวบ้านต้อนมาตามทาง และไกลทีเดียวกว่าจะถึง สตึงถวาก หรือแม่น้ำถวากที่ลุงเลืองตั้งใจพามา 

(ถวาก เขียนแบบถอดอักษร การออกเสียงจริงจะอ่านว่า ถะว่ะ)

แม่น้ำถวาก เป็นแม่น้ำที่ไม่ใหญ่มาก ยิ่งตอนที่ก๊อบได้มาเห็นนี้มันยิ่งดูเล็กลงกว่าเดิม ด้วยเป็นหน้าแล้งน้ำแห้ง บางแห่งแห้งงวดจนเห็นหินทรายก้นแม่น้ำ แต่การที่น้ำงวดลงแบบนี้ถือว่าเหมาะกับการมาพักผ่อนหย่อนใจ หรือมาเล่นน้ำของฅนแถวนี้กัน แม้น้ำที่เห็นในตอนนี้จะดูขุ่นข้นกว่าน้ำในสระที่ก๊อบโดดเล่นกับธนและเพื่อน ๆ ก็ตาม ผู้ฅนจำนวนมากที่มาพักผ่อนก็ยังสนุกกับมันได้ 

ในแม่น้ำมีสะพานที่สร้างชั่วคราวช่วงน้ำลดทอดข้ามไปอีกฝั่ง เห็นได้ว่ามันรองรับได้แค่รถจักรยานยนต์เท่านั้น จากตรงนี้มองขึ้นไปจะเห็นวัดถว่ากซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ 

ก้นแม่น้ำแถบใกล้ฝั่งน้ำแห้งจนกลายเป็นชายหาด ซึ่งจะเป็นหาดกรวดหินมากกว่าหาดทรายนั้น มีชาวบ้านมาตั้งร้านค้าขายอาหาร พวกส้มตำไก่ย่างและอื่นๆ ไม่ต่างจากชายทะเลเลย ก๊อบคิดในใจ มีร้านให้เช่าห่วงยางเล่นน้ำด้วย มันจึงดูเหมือนชายทะเลยิ่งขึ้นอีก ผู้ฅนที่มาเล่นน้ำก็คงรู้สึกแบบนั้นเช่นกัน ก๊อบเห็นเด็กบางคนใส่ชุดชายหาดมาเล่นกันก็มี 

แม้น้ำจะขุ่นแดง แต่บรรยากาศและผู้ฅนต่างดูคึกคักจนก๊อบพลอยนึกสนุกไปด้วย แต่มากับลุงชัยและลุงเลืองแบบนี้ก๊อบคงได้แต่นั่งกินส้มตำกับมองผู้ฅนสนุกกับการเล่นน้ำกันเท่านั้น 

ส้มตำที่นี่ไม่ค่อยเผ็ด รสชาติจะออกเค็มนำมากกว่า อย่างที่ลุงบอกจริง ๆ ว่าฅนที่นี่ไม่ชอบกินเผ็ดกัน แต่มันก็ดีสำหรับก๊อบ เพราะเขาสามารถกินได้โดยไม่ต้องเรียกหาน้ำเหมือนเมื่อเช้า 

รถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งมาตามทางที่ตลิ่งถูกขุดให้รถวิ่งถึงแม่น้ำได้ แล้วสิ่งที่ก๊อบไม่คิดว่าจะได้เห็นก็เกิดขึ้น เมื่อรถคันนั้นวิ่งลุยลงมาในแม่น้ำเฉยเลย ก๊อบอดลุ้นไม่ได้ว่าน้ำจะพัดรถให้ลอยไปหรือเปล่า ฅนขับยังคงใจเย็นควบคุมรถแม้ว่าตัวของเขาจะเปียกจากน้ำที่กระเซ็นใส่ไปหมดแล้วก็ตาม ตอนนี้รถบรรทุกดูไม่ต่างจากเรือไปแล้ว ในที่สุดรถคันนั้นก็ข้ามฝั่งได้สำเร็จ ฅนขับชะลอรถก่อนกดแตรแล้วเร่งคันเร่งขับขึ้นตลิ่งไป

“ไม่ไปเล่นน้ำล่ะ” ลุงชัยเอ่ยถาม 

“ไม่อยาก” ก๊อบตอบสั้น ๆ ความจริงไม่ใช่ไม่อยาก แต่ก๊อบนึกถึงธนมากกว่า ถ้าพวกนั้นมาด้วยเขาคงสนุกกว่านี้ 

มีแต่ยายของธนทำงานอยู่ในครัวเมื่อก๊อบกลับมาถึงบ้านลุงเธีย พวกเด็ก ๆ ไปไหนกันหมดนะ 

“เด็กที่นี่ไม่เล่นเฟซกันเหรอครับ” ก๊อบถามขณะจับจ้องหน้าสังคมออนไลน์ในมือ”

“เฟซบุ๊กหรืออินเทอร์เน็ตยังเป็นของใหม่สำหรับที่นี่” ลุงตอบหลาน 

“เออ แต่ลุงเธียมีเฟซ ลุงเป็นฅนสอนให้ลุงเธียเล่นเอง ลุงเธียอ่านเขียนไทยได้ด้วยนะ” บอกหลานเมื่อนึกขึ้นได้ 

“ลุงเธียเก่งจัง ต้องเรียนมาแน่เลย” ก๊อบกล่าวชื่นชม 

“เรียน แต่เรียนด้วยหนังสือเล่มเดียว” ก๊อบหันมองหน้าลุง เรียนด้วยหนังสือเล่มเดียว

“ลุงเธียเรียนด้วยตัวเองนั่นแหละ ซื้อหนังสือมาหัดอ่านเอง” ลุงตอบพลางยิ้มกว้างให้หลาน “เก่งไหมล่ะ” 

“เก่งครับ” ก๊อบตอบ 

“แล้วลุงเลืองล่ะครับ” ก๊อบถามอีก 

“ลุงเลืองเคยทำงานในไทยเลยพูดไทยได้ แต่ลุงเลืองอ่านเขียนไม่ได้” 

“แล้วลุงล่ะทำไมพูดขแมร์ได้” ก๊อบนึกได้จึงย้อนถาม 

“อย่าลืมสิ ว่ายายเอ็งเป็นฅนขแมร์” ลุงย้อนตอบ ลงเสียงหนักลากยาวตอนท้ายพลางหัวเราะขำ จริงสิ ก๊อบยังลืมอยู่เรื่อยเลยว่าเขามียายเป็นฅนขแมร์ 

เย็นแล้วตอนที่สามพี่น้องพารถไถติดพ่วงท้ายกลับมาถึงบ้านพร้อมเด็กอีกหลายฅนและฟางเต็มพ่วง เภียเป็นฅนขับ เขานำรถไถไปจอดเทียบริมรั้วข้างคอกวัว แล้วบรรดาเด็ก ๆ ก็ช่วยกันขนฟางที่จะเป็นอาหารของวัวอีกทีลงจากพ่วงท้าย ทุกฅนต่างยิ้มหัวเฮฮาขณะช่วยกันทำงาน ก๊อบนึกสนุกจึงช่วยพวกเขาหอบฟางลงด้วยเช่นกัน และเมื่อเสร็จจากการขนฟางลงก็ได้เวลาไปต้อนวัวกลับคอก รวมถึงได้เวลาเล่นน้ำกันด้วย 

และดูเหมือนว่าก๊อบเองก็กำลังรอเวลานี้อยู่เช่นกัน.

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ภาพ : รถบรรทุกพืชผลทางการเกษตรขับข้ามแม่น้ำถว่าก๗
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่