JJNY : 5in1 ตรุษจีนเตรียมกินหมูแพง│แม่ค้าขอเมินเงินดิจิทัล│กมธ.งบ’67เดือด│สภาฯยื้อ ไม่ยอมโหวต│ชี้ ‘ลต.สหรัฐ’ ทำโลกเสี่ยง

ตรุษจีนนี้ เตรียมกินหมูแพง สมาคมผู้เลี้ยงหมู ส่งสัญญาณปรับขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์ม เป็น 80 บาทต่อกิโลฯ
https://ch3plus.com/news/economy/ch3onlinenews/382027
 
 
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 มกราคม ขอให้ฟาร์มครบวงจร ห้างค้าส่ง ห้างค้าปลีก 9 แห่ง ที่จะเริ่มต้นผลักดันราคาสุกรขุนหน้าฟาร์ม ตั้งแต่วันพระที่ 10 มกราคมนี้เป็นต้นไป ให้เข้าสู่ต้นทุนแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดว่าจะเข้าถึงต้นทุนได้ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม ได้ก่อนตรุษจีนวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อช่วยผู้เลี้ยงหมูฝ่าวิกฤตหมูเถื่อนที่ต้องแบกรับภาระ ขายหมูต่ำกว่าราคาต้นทุนมานานกว่า 10 เดือน โดยปัจจุบันราคาหมูหน้าฟาร์มอยู่ที่ 68-74 บาท ต่างกันแต่ละภูมิภาค ซึ่งถ้าปรับขึ้นไปให้ถึงต้นทุนที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม นั่นหมายความว่า ราคาจะปรับขึ้นถึง 6-12 บาทต่อกิโลกรัม และจะถูกส่งไปยังราคราขายปลีกที่ปัจจุบันอยู่ที่ 134-148 บาทต่อกิโลกรัม ก่อนตรุษจีนนี้



แม่ค้าขอเมินเงินดิจิทัล 1 หมื่น ถ้าต้องกู้เป็นหนี้ 5 แสนล้าน ปชช.รับกรรม ซัด หนี้เก่าก็ยังไม่หมด
https://ch3plus.com/news/social/ch3onlinenews/382004

แม่ค้าไม่เห็นด้วย “เงินดิจิทัล 1 หมื่น” ถ้ารัฐบาลต้องกู้ ประเทศเป็นหนี้ 5 แสนล้าน โอด หนี้เก่าก็ยังไม่หมด มาเพิ่มหนี้ใหม่ คนรับกรรมคือประชาชน ตั้งคำถาม หันมาลดค่าครองชีพดีกว่าหรือไม่
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งคำตอบของคำถามที่คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet 10,000 บาท ส่งไปถามกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคำตอบกฤษฎีกาเป็นไปตามอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และทางคณะกรรมการนโยบาย ที่จะดำเนินการกู้เงินตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อทำโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทได้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าการเดินหน้าโครงการจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดให้สามารถใช้จ่ายได้เดือนพ.ค.2567 นั้น

ล่าสุดวันที่ 10 ม.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านข้าวแกง ในตัวเมืองชัยนาท เจอกับนางสาวเรณู พานทอง 67 ปี แม่ค้าขายข้าวแกง เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับเงิน 10,000 บาท ที่รัฐบาลจะแจก ตอนแรกก็ดีใจเนื้อเต้นจะได้เงินหมื่นมาใช้จ่ายในธุรกิจให้เดินต่อ แต่พอมารู้ว่าประเทศต้องเป็นหนี้อีก 5 แสนล้านบาท ก็ไม่อยากได้แล้ว เพราะหนี้เก่าคงค้างยังไม่สามารถจ่ายได้หมดเลย หนี้ใหม่จ่อมาอีกแล้ว พอเงินหมดและจะเอาที่ไหนมาใช้หนี้ ต้องขึ้นค่าน้ำค่าไฟค่าน้ำมันค่าอุปโภคบริโภค สุดท้ายคนที่รับกรรมก็คือประชาชนตาดำๆ อีกเช่นเคย ทุกวันนี้ของสดต่างก็ขึ้นไม่หยุด ถ้าทำแล้วต้องมาลำบากคนรากหญ้าอีกหยุดเสียดีกว่า มาลดค่าครองชีพลดค่าของค่าน้ำมันค่าไฟจะดีกว่า
 
ขณะที่นางดาริณ สอนเจตน์ อายุ 67 ปี ชาวชัยนาท เผยว่า ตนมองเรื่องนี้เป็นเหรียญสองด้าน ทั้งเห็นดีและไม่ดี มีสองเหตุผล ที่เห็นด้วยเพราะเงินที่แจกนั้นสามารถเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนแน่นอนสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเงิน ไปใช้ในการประกอบอาชีพซื้อวัตถุดิบได้ กระจายรายได้สู่ชุมชน ที่ไม่ดีเพราะ ประเทศต้องเป็นหนี้เป็นสินอีก สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่ดุลพินิจของคณะรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไรต่อไป



กมธ.งบ’67เดือด พท.ฉะผู้ว่าธปท. ไม่มาแจงเอง ศิริกัญญา ถามวิกฤตศก. คืออะไร
https://www.matichon.co.th/politics/news_4368510

‘กมธ.งบปี’67’ เดือด ‘พท.’ รุมฉะ ‘ธปท.’ โวย ‘ผู้ว่าการธปท.’ ไม่มาชี้แจงเอง ด้าน ‘ศิริกัญญา’ จี้ถามนิยาม ‘วิกฤตของเศรษฐกิจ’ ของประเทศคืออะไร
 
เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ครั้งที่ 2 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธาน กมธ. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจ โดยได้เชิญผู้แทนจากกระทรวงการคลัง สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงบประมาณ มาให้ข้อมูล
 
ในช่วงแรกของการประชุม กรรมาธิการจากพรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย และนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย แสดงความไม่พอใจ ต่อผู้แทน  ธปท. ภายหลังจากที่ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ไม่ได้มาชี้แจงด้วยตัวเอง ทั้งๆ ที่ การประชุม กมธ.ในวาระนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งผู้แทนของ ธปท.ยืนยันว่า นายเศรษฐพุฒิ มีภารกิจเร่งด่วน แต่ยืนยันว่า ตนได้รับมอบหมายจากผู้ว่าการ ธปท. ให้มาชี้แจงต่อ กมธ.อย่างเป็นทางการ
 
จากนั้น กรรมาธิการในสัดส่วนขจองพรรคเพื่อไทย หลายคนได้ท้วงติงการทำงานของ ธปท. หลายเรื่อง โดยเฉพาะการปล่อยให้เกิดช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับดอกเบี้ยเงินฝาก ห่างกันมาก จนสร้างภาระให้กับประชาชนที่เป็นหนี้จำนวนมาก ซึ่งต้องประสบปัญหามาตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ดังนั้นแม้ ธปท.จะมีหน้าที่ดูแลธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้สถานะของธนาคารมีความมั่นคง เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเงินของประเทศ แต่อีกด้านหนึ่งควรพิจารณาถึงความเดือดร้อนของประชาชนด้วย ภายหลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ สามารถทำกำไรได้มากถึง 2 แสนล้านบาท
 
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้สอบถามผู้แทน ทั้ง 4 หน่วยงาน ถ้าจะนิยามความหมายของคำว่า “วิกฤตเศรษฐกิจ” จะต้องนิยามว่าอย่างไร และจะต้องมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็น “วิกฤตเศรษฐกิจ
 
ด้านผู้แทน ธปท.ยืนยันว่า ธปท.โดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชน จากการปรับตัวที่สูงขึ้นของดอกเบี้ย กนง.จึงได้มีมาตรการไปยังธนาคารเอกชน ให้ลงไปดูแลลูกหนี้ เพื่อให้มีการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งก่อนและหลังเป็นลูกหนี้เอ็นพีแอล นอกจากนี้ การปรับดอกเบี้ย นโยบายในปัจจุบัน กนง.มองว่ามีความเหมาะสม กับศักยภาพเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับการเจริญเติบโตเศรษฐกิจ
ตัวแทน ธปท.ยังได้กล่าวว่า ส่วนการนิยามคำว่า “วิกฤตเศรษฐกิจ” นั้นจะต้องพิจารณาข้อมูลรอบด้าน และหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น เช่น สถาบันการเงินที่มีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนมาก จนกระทบต่อสถานะธนาคาร การเกิดภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นเวลานาน หรือแม้แต่การเกิดวิกฤต จากสถานการณ์ไม่คาดคิด เช่น โควิด-19 ที่พอจะเห็นได้ว่าเป็นตัวอย่างของคำว่า “วิกฤตเศรษฐกิจ” หรือแม้แต่ปัญหาอุทกภัยที่เคยทำให้การเจริญเติบโตเศรษฐกิจของประเทศติดลบ จนต้องมีการออก พ.ร.ก.ในช่วงเวลาขณะนั้น



สภาฯยื้อ ไม่ยอมโหวต 3 กม.คุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รบ.ขอเอากลับไปศึกษาใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4368884#google_vignette

“สภาฯ” เยื้อ กม. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้ง 3 ฉบับ ของภาคปชช.-พรรคก้าวไกล รัฐบาลไม่ยอมให้โหวตรับหลักการ ขอนำกลับไปศึกษาใหม่ภายใน 60 วัน
 
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่…) พ.ศ… ซึ่งเสนอโดยภาคประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 92,978 คน นำโดย นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ในวาระแรก ทั้งนี้ ในการอภิปรายของ ส.ส.ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ทักท้วง และท้วงติงเกี่ยวกับประเด็นการกำหนดบทบัญญัติที่เป็นการควบคุมมากจนเกินไป และไม่เปิดโอกาสให้เกิดการสนับสนุนภาคชุมชนผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อสร้างรายได้และเป็นสินค้าประจำท้องที่เหมือนอย่างต่างชาติ
 
ทั้งนี้ น.ส.ธิษะณา ชุณหะวัณ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นบทบังคับการเติบโตของการผลิตสินค้าโดยชุมชน  เกษตรกร หรือผู้ประกอบการรายเล็ก ซึ่งคล้ายกับการปิดโอกาสและเอื้อให้กับนายทุนผูกขาด อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวของประชาชน พบว่า เนื้อหาบางส่วนควรแก้ไขปรับปรุง คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ สถานที่จำหน่ายขนาดเล็ก และการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ณ จุดขาย รวมถึงการคิดค่าปรับเปิดนอกเวลาเป็นจำนวนเท่ากัน
 
ร่างพ.ร.บ.นี้บังคับใช้ในทางปฏิบัติเปิดช่องให้เกิดทุจริตได้ และการบังคับใช้ผ่านการใช้ดุลยพินิจอาจเกิดการเรียกรับสินบน ไม่มีประสิทธิผลในการควบคุมการบริโภคเครื่องอื่มแอลกอฮอล์ หากมองด้วยความเป็นกลาง เครื่องดื่มแอลกฮอล์มีทั้งคุณและโทษ แต่การควบคุมตามร่างกฎหมาย เคร่งครัดและสุดโต่ง ทั้งที่ควรควบคุมอย่างเหมาะสม หาจุดกึ่งกลางเพื่อควบคุมผลร้ายที่มีประสิทธิภาพ และผลดี และสิ่งที่เป็นปัญหา คือการตั้งองค์กรประชาสังคมที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” น.ส.ธิษะณา กล่าว
 
อย่างไรก็ตาม ก่อนการลงมติว่าจะรับหลักการหรือไม่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้ขอร่างพ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่…) พ.ศ… ฉบับประชาชนไปพิจารณาศึกษาก่อนรับหลักการ ภายใต้กรอบเวลาไม่เกิน 60 วัน เพื่อให้เกิดความรอบคอบและคืนให้สภาฯพิจารณา ซึ่งการรับไปพิจารณาดังกล่าวไม่ได้แปลว่าไม่เห็นด้วย
 
ทำให้ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โต้แย้งว่า ขอให้สภาฯ พิจารณาในร่างกฎหมายดังกล่าว โดยไม่เห็นด้วยในหลักการที่ครม.จะรับไปพิจารณาก่อนให้สภาฯลงมติ กรณีที่รัฐบาลขอรับร่างกฎหมายไปพิจารณานั้นแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมและไม่ได้ทำการบ้านมาล่วงหน้า
จนทำให้ส.ส.พรรครัฐบาล ลุกประท้วงคำพูดของนายณัฐวุฒิ พร้อมยืนยันว่าการรับไปพิจารณาแม้จะใช้เวลาล่าช้า แต่เพื่อให้เกิดความรอบคอบ เพราะร่างกฎหมายดังกล่าวมีฝ่ายที่ได้เปรียบและเสียเปรียบอีกทั้งฝ่ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบมากกว่าฝ่ายค้าน จึงจำเป็นต้องรับไปพิจารณาก่อน
 
ทำให้ต้องลงมติเพื่อตัดสิน โดยผลการลงมติ ปรากฎว่ามีผู้เห็นด้วย 241 คน และไม่เห็นด้วย 159 คน ดังนั้นสภาฯต้องให้รัฐบาลรับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไปพิจารณาก่อนลงมติ
 
จากนั้น ที่ประชุมสภาฯ ได้พิจารณา ร่างพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีก 2 ฉบับ ที่เสนอโดย นายเจริญ เจริญชัย ตัวแทนภาคประชาชน และอีกฉบับเสนอ โดย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โดยมีเนื้อหาลดการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมาตรา 32  พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ที่ระบุห้ามโฆษณาหรือแสดงชื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่ออวดอ้างหรือชักจูงให้ผู้อื่นดื่มทั้งทางตรงหรือทางอ้อมนั้น เป็นการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลเกินความจำเป็น รวมถึงปลดล็อกการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มีคุณภาพมากขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
 
โดย นายเจริญกล่าวว่า มาตรา 32 ร่างพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เขียนกว้างเกินไป เกาไม่ถูกที่คัน การมีกฎหมายที่ควบคุมเคร่งครัด แต่การควบคุมใช้ไม่ได้ผล สร้างผลกระทบวงกว้าง แค่พูดถึงเครื่องดื่มในจังหวัดตัวเองยังทำไม่ได้ ร้านอาหารแค่มีเมนูแสดงรูปเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังถูกดำเนินคดี กฎหมายฉบับนี้กำหนดส่วนแบ่งค่าปรับแก่เจ้าหน้าที่ กรณีบุคคลทั่วไปทำผิด มีโทษปรับ 17,000บาท เจ้าหน้าที่ได้ส่วนแบ่ง 7,650บาท ร้านอาหารทำผิดมีโทษปรับ 50,000บาท เจ้าหน้าที่ได้ส่วนแบ่ง 22,500บาท เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาไล่ล่าการจับกุม หาส่วนแบ่งนำจับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่