รู้หรือไม่ สารเคมีในชีวิตประจำวันอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

สารเคมีในชีวิตประจำวันอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง


ภาพจำลองเซลล์มะเร็งที่ก่อตัวขึ้นเป็นก้อนเนื้อร้ายในลำไส้

สารเคมีเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันของเรา พบได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย เช่น อาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ยารักษาโรค ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และเครื่องใช้ไฟฟ้า สารเคมีบางชนิดอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง

การศึกษาวิจัยพบว่าสารเคมีบางชนิด เช่น สารเคมีในกลุ่มโพลีฟลูออโรอัลคิลและเพอร์ฟลูออโรอัลคิล (PFAS) ซึ่งเป็นสารประกอบฟลูออรีนที่สามารถทนต่อความร้อน กรด และด่าง พบได้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อผ้ากันน้ำ กระทะเคลือบ non-stick น้ำยาโฟมดับเพลิง เป็นต้น สารเคมีเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมไทรอยด์ เป็นต้น

นอกจากนี้ สารเคมีบางชนิด เช่น สารเคมีในกลุ่มไฮโดรคาร์บอนอะโรมาติกโพลีไซคลิก (PAHs) ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ พบได้ในควันบุหรี่ มลพิษทางอากาศ และอาหารปิ้งย่าง เป็นต้น สารเคมีเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

สารเคมีชั่วนิรันดร์ กระตุ้นเซลล์มะเร็งแพร่กระจาย

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยลของสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารเคมีชั่วนิรันดร์ (forever chemicals) ซึ่งเป็นสารประกอบฟลูออรีนที่พบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคหลายชนิด เช่น เสื้อผ้ากันน้ำ กระทะเคลือบ non-stick น้ำยาโฟมดับเพลิง เป็นต้น พบว่าสารเคมีเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งแพร่ขยายลุกลามไปทั่วร่างกาย จนผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและเสียชีวิตลงอย่างรวดเร็วได้

การศึกษาครั้งนี้ได้ทำการทดลองกับเซลล์มะเร็งเต้านมในหลอดทดลอง โดยพบว่าสารเคมีชั่วนิรันดร์บางชนิด เช่น กรดเพอร์ฟลูออโรออกตาโนอิก (PFOA) และกรดเพอร์ฟลูออโรออกเทนซัลโฟนิก (PFOS) สามารถกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้มากขึ้น โดยสารเคมีเหล่านี้จะเข้าไปยับยั้งการทำงานของโปรตีนบางชนิดที่ทำหน้าที่ควบคุมการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งบางรายที่มีระดับสารเคมีชั่วนิรันดร์ในร่างกายสูง มีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเร็วกว่าผู้ป่วยที่มีระดับสารเคมีเหล่านี้ในร่างกายต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่าสารเคมีชั่วนิรันดร์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมไทรอยด์ เป็นต้น

จากการศึกษานี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยลได้สรุปว่าสารเคมีชั่วนิรันดร์อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเร็วขึ้น ดังนั้น จึงควรลดการสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ และควรรับประทานอาหารที่สดใหม่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูปที่อาจปนเปื้อนสารเคมีเหล่านี้

วิธีลดการสัมผัสกับสารเคมีชั่วนิรันดร์

มีวิธีง่ายๆ หลายวิธีในการลดการสัมผัสกับสารเคมีชั่วนิรันดร์ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ เช่น เสื้อผ้ากันน้ำ กระทะเคลือบ non-stick น้ำยาโฟมดับเพลิง เป็นต้น
2. รับประทานอาหารที่สดใหม่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูปที่อาจปนเปื้อนสารเคมีเหล่านี้
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับดินหรือน้ำปนเปื้อน เช่น บริเวณใกล้โรงงานอุตสาหกรรม บริเวณที่เกิดการปนเปื้อนจากน้ำยาโฟมดับเพลิง เป็นต้น

หากจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีชั่วนิรันดร์เป็นส่วนประกอบ ควรใช้อย่างระมัดระวัง และล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังจากใช้งาน

สารเคมีชั่วนิรันดร์เป็นสารเคมีอันตรายที่อาจส่งผลต่อสุขภาพหลายประการ โดยเฉพาะการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง ดังนั้น จึงควรลดการสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้ โดยปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้น

ทุกคนควรตระหนักถึงอันตรายของสารเคมีอันตรายในชีวิตประจำวัน และควรลดการสัมผัสกับสารเคมีเหล่านี้ เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองและครอบครัว

ที่มา : 

การศึกษาวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยลของสหรัฐฯ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566
ข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีชั่วนิรันดร์จากเว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา (EPA)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่