ผู้กล่าวหา กล่าวหาว่า นาย ก โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท
นาย ก ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ
ผู้กล่าวหายืนยันว่านาย ก ทำ
แต่ไม่มีหลักฐานอื่นใดมัดตัวนาย ก
ศาลพิพากษาว่า นาย ก ผิด เพราะไม่พยายามแก้ตัว
ทั้งที่หลักกฎหมายปกติกำหนดว่า
ผู้กล่าวหาต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐาน ว่าผู้ถูกกล่าวหาทำผิดจริง
หากไม่มีหลักฐาน ต้องยกฟ้อง
แต่นาย ก ติดคุกเพราะไม่พยายามชี้แจงแก้ตัว
แทนที่คนกล่าวหาจะต้องมีหลักฐานการทำผิดมัดตัวเพื่อพิสูจน์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทำผิดจริง
กลายเป็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ทำผิดตามข้อกล่าวหา
เมื่อไม่พิสูจน์ (ไม่รู้จะพิสูจน์ยังไงในเมื่อไม่มีหลักฐานจากฝ่ายคนกล่าวหาให้แก้ต่าง) ก็ติดคุกเอาง่าย ๆ
นี่แหละ เรียกว่า กฎหมายกลับหัว นี่คือลักษณะของคดีไอซ์ รัชนก
ประเทศกูมี
กฎหมายกลับหัว ที่สลิ่มชนไม่มีวันเข้าใจได้
ผู้กล่าวหา กล่าวหาว่า นาย ก โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท
นาย ก ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เป็นคนทำ
ผู้กล่าวหายืนยันว่านาย ก ทำ
แต่ไม่มีหลักฐานอื่นใดมัดตัวนาย ก
ศาลพิพากษาว่า นาย ก ผิด เพราะไม่พยายามแก้ตัว
ทั้งที่หลักกฎหมายปกติกำหนดว่า
ผู้กล่าวหาต้องพิสูจน์ด้วยหลักฐาน ว่าผู้ถูกกล่าวหาทำผิดจริง
หากไม่มีหลักฐาน ต้องยกฟ้อง
แต่นาย ก ติดคุกเพราะไม่พยายามชี้แจงแก้ตัว
แทนที่คนกล่าวหาจะต้องมีหลักฐานการทำผิดมัดตัวเพื่อพิสูจน์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทำผิดจริง
กลายเป็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาต้องพิสูจน์ว่าไม่ได้ทำผิดตามข้อกล่าวหา
เมื่อไม่พิสูจน์ (ไม่รู้จะพิสูจน์ยังไงในเมื่อไม่มีหลักฐานจากฝ่ายคนกล่าวหาให้แก้ต่าง) ก็ติดคุกเอาง่าย ๆ
นี่แหละ เรียกว่า กฎหมายกลับหัว นี่คือลักษณะของคดีไอซ์ รัชนก
ประเทศกูมี