7.5 ตอนที่ 10 เรื่อง Meeting point นิยายดีที่อยากแนะนำ

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 10 สปาร์ค

“เฮ...ว่าไง”  
 
เช้าบรรยากาศสดใส หัวหน้าทีมฟุตบอลทักทายเพื่อนร่วมทีม ชายร่างกำยำสวมชุดประจำทีม เหล่าบรรดานักเรียนรวมตัวกันในวันเปิดภาคเรียน อาเมดเดินผ่านทางใด หญิงสาวคอยชำเลืองมองหลังตาม ด้วยรูปร่างที่ดูสูงใหญ่ประกอบดวงตาอันชวนฝัน ทำให้สาวหลายคนไม่ตั้งใจปล่อยแสงชมพู 
 
“สวัสดีคุณผู้หญิง”  
ใครสักคนกำลังเอ่ยคำทักทาย เมื่อเห็นมิสซูเดินมาพร้อมซาร่า 
 
“หวัดดีนาย” มิสซูตอบโดยมารยาท ยังไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเธอกำลังพูดอยู่กับใคร แต่เมื่อรับคำทักทายแล้ว เงยมองหน้าเห็นหลานชายผู้เฒ่าฟาร์มนั้นเอง 
 
“วันนี้นายดูดีมาก” เธอตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและรู้สึกแปลกใจ อัลดุลเฮดดูสะอาดขึ้น วันนี้ชายหนุ่มแต่งเครื่องแบบเป็นชุดฟอร์มของชมรมฟุตบอล แสดงว่าอับดุลเฮดเป็นเพื่อนร่วมทีมอาเมด  
 
มิสซูพบความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คุ้นเคย หลานปู่ฟาร์มหลวงตัดผมทรงใหม่ ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาปล่อยให้ผมสีทองลอนยาวหยักศก แต่มาดใหม่ดูสั้นและเป็นระเบียบมากขึ้นจากสเปรย์แต่งทรงผม จอนผมและเคราถูกใบมีดโกนเฉือนออกให้มีความคมรับกับใบหน้าได้อย่างลงตัว  
 
มิสซูไม่อาจซ่อนความรู้สึกได้ หัวใจเธอเต้นแรงขึ้น สีหน้าของเธอรู้สึกได้ถึงเลือดที่กำลังไหลสูบฉีดขึ้นมา ความรู้สึกตื่นเต้นนี้เหมือนครั้งที่เคยเกิดขึ้นในป่า แต่คราวนี้กลับรู้สึกแตกต่างจากครั้งก่อนที่เธอปล่อยความตื่นเต้นมาพร้อมกับความกลัว 
 
แต่ครั้งนี้สมองสั่งให้เธอปล่อยแสงสีเหลืองและชมพูออกมา  
 
“ความรู้สึกเธอเปลี่ยนไปนะ” อับดุลเฮดรู้แล้วว่าเธอกำลังตอบรับหลังจากที่เคยปฏิเสธและเห็นมิสซูก้มหน้าเหมือนรู้สึกอายที่เคยตัดเยื่อใย 
  
“ครั้งที่แล้วพวกเธอเป็นหงษ์ ครั้งนี้ผมอยากเป็นนกฟลามิงโกสีเหลือง” 
 
“ฟลามิงโกเหลืองไม่มีสักหน่อย” ซาร่ารู้สึกขัดกับจินตนาที่ไม่เชื่อมโยงกับความจริง 
 
“ฟลามิงโกเหลืองบินได้ไหม” มิสซูถามชายหนุ่ม 
 
“ได้สิ ถ้าเธอต้องการ”  
 
“ฟลามิงโกที่ไหนบินได้ มีสีเหลือง” ซาร่าขัดขึ้นมาอีกครั้ง 
 
“ซาร่ามันเป็นสิ่งที่เราอยากให้เป็น ไม่มีกฏ ไม่มีกรอบ มาเถอะ นายจะเป็นฟลามิงโกเหลือง ส่วนฉันจะเป็นฟลามิงโกชมพูและเราทั้งคู่จะบินด้วยกัน” 
 
“แล้วเพื่อนเธอไม่มาเป็นฟลามิงโกเหรอ” อัลดุลเฮดถาม 
 
“เออ...ในความคิดฉันฟลามิงโกไม่มีสีเหลืองและบินไม่ได้” ซาร่าแนะนำ 
 
“เธอต้องรู้จักก้าวข้ามเหตุผลบ้าง แล้วจะพบความสุข ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล” มิสซูอธิบายให้เพื่อนฟัง 
 
“แต่...ว่า” 
 
“เธออยากเป็นฟลามิงโกไหม” เพื่อนรักถาม 
 
“ฉันชอบนะ” 
 
“เธอชอบสีอะไร...ซาร่า” 
 
“สีขาว” 
 
“มาเถอะซาร่า” เพื่อนจูงมือเธอพร้อมกับกล่าว “เธอเป็นฟลามิงโกขาว ฉันสีชมพู อัลดุลเฮดสีเหลือง เราทั้งสามคนจะบินกัน” 
 
ทั้งสามคนแปลงร่างเป็นฟลามิงโก มิสซูเธอจินตนาการเป็นฟลามิงโกที่มีเขา ส่วนซาร่าไม่ขอมีเขาเพราะรู้สึกขัดความเป็นจริงมาก หลานผู้เฒ่าอยากมีปีกที่สยายใหญ่ขึ้น เพื่อบินได้สูงยิ่งขึ้น ทั้งสามคนต่างเต้นในจังหวะช้า ๆ เป็นวงกลมและหันหลังให้กัน ซาร่าและมิสซูจับมือพร้อมกล่าวว่า “เรามาบินด้วยกันเถอะ”  
ทั้งสามกระโดดพร้อมกัน หมุนเป็นเกลียวขึ้นทะยานสู่ท้องฟ้า ชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ขึ้นไปได้สูงกว่าเพื่อนหญิงทั้งสอง 
 
 เมื่อสามตกลงมากลายเป็นคนเหมือนเดิมนอนบนสนาม ทั้งใดนั้นเองอับดุลเฮดและมิสซูต่างเผลอจับมือกัน ทั้งสองส่งสัญญาณการมีใจให้กันและกัน มือของทั้งคู่แยกเป็นสายใยเล็ก ๆ พันเกลียวเข้าหากัน ทั้งคู่เกิดส่งสัญญาณไฟฟ้าสื่อสารกัน หลังจากนั้นไม่นาน จู่ ๆ เกิดประกายไฟและร้อนขึ้นเรื่อย ๆ จนได้กลิ่นไหม้ 
 
“โอ้ย…ร้อน” มิสซูทนความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างมือเธอและเพื่อนไม่ไหว จนในที่สุดทั้งคู่สะบัดมือออกจากกันด้วยความเจ็บปวด 
 
“ความต่างศักย์ไฟฟ้าของพวกเธอต่างกันมาก” ซาร่าเตือนเพื่อน 
 
“อาจต้องให้เวลาพักใหญ่ เพื่อให้ความต่างศักย์ของไฟฟ้าอยู่ระดับเดียวกัน” มิสซูกล่าว 
 
“ผมต้องตายแน่ถ้าไม่ได้จับมือ” ชายหนุ่มร้อยโอดโอยแถมส่งสายตาอ้อนหญิงสาว 
 
“รอหน่อยเถอะที่รัก ไม่แน่อาจเป็นพรุ่งนี้ที่พวกเธอจับมือกันได้” ซาร่าพูดปลอบใจเพื่อนชาย 
 
“ว้าาาาาา…..” 
ยังไม่ทันสิ้นเสียง น้ำเสียงฟังดูเย้ยหยันจากบุคคลหนึ่งดังมาแต่ไกล “นางห้องสมุดเดินได้ ยังไม่รีบเข้าเรียนอีก” 
 
“ขอบใจสำหรับการทักทาย นังตัวดี” มิสซูตอกกลับจีน่า 
 
“เอ๋…ฉันกำลังนึกอยู่ จะให้พ่อฉันเปลี่ยนชื่อวิทยาลัยที่นี้เป็นฮิปโปแคมปัสดีไหม” 
 
“ฉันมาเรียนหนังสือจีน่า ไม่ได้มาทำตัวโดดเด่นหรือมาทะเลาะกับใคร” ตอนนี้ซาร่าตอกกลับบ้าง รอบตัวเธอไม่อาจปิดบังความรู้สึกได้ด้วยหมอกแสงสีแดง  
 
การตอกกลับของหัวหน้าชมรมห้องสมุด ทำให้หัวหน้าชมรมเชียร์พอใจด้วยหมอกเขียวที่กำลังรายล้อมรอบตัวและพ้องเพื่อน  
 
“โอ๋ โอ โอ อย่างอนสิจ๊ะ ฉันอุตส่าห์ให้เกียรตินำชื่อเธอมาตั้งเป็นชื่อวิทยาลัย”  
 
“พวกเธอจะทะเลาะกันทำไม ผู้ชายตัดสินกันด้วยกีฬา” อับดุลเฮดเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด 
 
“ไม่มีการแข่งขันจ๊ะหนุ่มน้อย” เธอพยายามจะแตะตัวชายหนุ่ม แต่เกิดประกายไฟเล็ก ๆ บนมือ  
 
มิสซูกำลังมองด้วยสายตาขุ่นเคืองและหมอกแดง 
ชายหนุ่มปัดมือเธอทิ้งเป็นการปฏิเสธ ไม่อยากให้มือโดนตัว  
 
จีน่าแก้เขินหลังจากถูกปฏิเสธด้วยการรีบหันหน้าเข้าหาลูกทีม “ไม่มีการแข่งขันอีกแล้วเพราะภาพที่พวกเราชนะ ต้องขายได้แน่นอน ใช่ไหมสาว ๆ” 
 
“ใช่” ทุกคนในชมรมเชียร์ลีดเดอร์ตะโกนอย่างพร้อมเพียง 
 
“เห็นไหม ฉันมีสมองนะจ๊ะ สาวน้อย” คราวนี้เธอพยายามเอามือแตะตัวซาร่าเพื่อยั่วโมโห แต่ซาร่าไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งจีน่าเห็นอาเมดกำลังเดินมาจากด้านหลังซาร่า เธอจึงปล่อยมือจากตัวซาร่าแล้วทำแอ้บแบ้วใส่ซาร่าเพื่อให้กัปตันทีมเห็น 
 
“ซาร่าไม่ต้องขอบใจฉันนะ ฉันไม่เคยมองเธอเป็นศัตรู มีเรื่องอะไรปรึกษาฉันได้ตลอดนะ” 
 
อาเมดได้ยินประโยคทั้งหมดรู้สึกยิ้มในใจ แสงสีเขียวฉายประกายออกมาอย่างเห็นเด่นชัด เธอแสดงความกระตือรือร้นให้ชายที่รักเห็นว่า เธอสวยและฉลาดเหมาะสมกับลูกชายเศรษฐี 
 
“อาเมดวันนี้ฉันต้องอยู่คุยได้เท่านี้นะ แต่หลังจากเลิกเรียนแล้วฉันอยากปรึกษาเรื่องการซ้อมเชียร์กับชมรมฟุตบอลจ๊ะ” 
 
“วันนี้เหรอ ได้สิ”  
 
“โอเคแล้วเจอกัน” จีน่ารู้ดีเธอไม่อยากให้เอเมดรำคาญกับการตามตื้อของเธอ 
 
หลังจากพวกชมรมเชียร์เดินจากไป อับดุลล่าผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่ส่ายหน้าทันที ‘ผู้หญิงนี้ช่างร้ายชะมัด’ 
 
ถึงมันเป็นการพูดบ่นด้วยเสียงอันเบาแต่มิสซูได้ยิน เธอหันมองแฟนหนุ่มด้วยอารมณ์สีแดง 
 
“เออ...ผมหมายถึงผู้หญิงอื่นยกเว้นเธอนะ” 
 
มิสซูยังมองไม่หยุด  
“เออ...ยกเว้นเธอและซาร่า” 
 
มิสซูยังคงมองต่อไป 
“ผมหมายถึงเฉพาะคนในชมรมเชียร์” 
 
มิสซูยิ้มออกมาพร้อมพยักหน้าอย่างพอใจ 
 
“เฮ...พวกนายเป็นอะไร ผมเห็นพวกนายระบำกันและกระโดดนอนบนสนามหญ้า” 
 
“55555 ไม่มีอะไรหรอกอาเมด พวกเราแค่ซ้อมอะไรกันนิดหน่อย” อับดุลเฮดเขยิบตาให้ซาร่าและมิสซู 
 
“มันมีประโยชน์นะ ถ้าพวกเธอรู้จักออกกำลังกาย”  
 
“พวกผู้ชายชอบเสียเหงื่อมากเกินไปหรือเปล่า” ซาร่าถาม 
 
“ผู้ชายรู้สึกดีหากพวกเขารู้สึกเสียเหงื่อ” อาเมดตอบ 
 
“มันจำเป็นต้องเสียเกือบทุกวันเหรอ คนเราออกกำลังกายวันหนึ่งครึ่งชั่วโมง สักสามวันต่ออาทิตย์ก็พอแล้ว” 
 
“ซาร่า เธอต้องลองเป็นผู้ชายสิ แล้วเธอจะรู้สึกดีเมื่อได้ออกกำลังกายเป็นประจำ” 
 
“เฮ…ซาร่าทำพูดได้เหรอ ไอ้สามวันต่ออาทิตย์” อับดุลเฮดสงสัย  
 
“ฉันมีบางสิ่งที่สำคัญกว่า มีหนังสือเยอะแยะที่กำลังรอฉันอยู่”  
 
“คนเก่งอย่างเธอคงรู้นะ การนอนป่วยทำให้มีเวลานอนอ่านมากเหมือนกัน” อาเมดกล่าว 
 
“ซาร่าต้องลองเป็นแบบพวกเรา แล้วจะรู้ ทำไมผู้ชายถึงชอบออกกำลังกาย” อับดุลเฮดแนะนำ 
 
“ไปเหอะเพื่อน ผู้จัดการเรียกประชุมก่อนเข้าเรียน” อาเมดเร่งเพื่อน 
 
ทั้งชมรมเชียร์และชมรมฟุตบอลเดินจากไป เหลือเพียงซาร่าและมิสซูที่ยืนอยู่ 
 
มิสซูเรียก “ซาร่า” 
 
“ซาร่า”  หนนี้กลับดังขึ้นกว่าเดิมมาก 
 
“ว่าไง เธอชอบเสียงดังนะ”   
 
“วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ปกติเธอไม่เคยเหม่อขนาดนี้” 
 
“ฉันกำลังคิดอะไรเพลินหนะ เธอเข้าห้องเรียนก่อน เดี๋ยวตามไป”  
 
ซาร่าพูดจบ เธอรีบวิ่งออกจากบริเวณสนาม มุ่งตรงไปยังเส้นเขตแดนของคนไร้สีและคนมีสี เธอมองเส้นแบ่งเขตแดน  
“มีสี ไร้สี มีสี ไร้สี” เธอนึกคำพูดของจอร์นและขากางออก อยู่ระหว่างเส้นเขตแดน  
“เธอต้องลองเป็นพวกเรา ถึงรู้ว่าเสียเหงื่อดียังไง” ตอนนี้เธอนึกถึงคำพูดอาเมด  
“พี่ฮะ แบบนี้ผมอยู่เขตไหน” เธอกำลังวกนึกถึงคำพูดจอร์นอีกครั้ง  
 ซาร่ากำลังทวนคำที่เคยพูดกับจอร์น “นั้นอยู่ที่จอร์นเลือก”  
 
 “ใช่...มันอยู่ที่เราเลือก” ซาร่าเผลอหลุดคำพูดออกมาในสิ่งที่คิด  
 
 
กรี๊งงงงงง  [เสียงออดดัง]   
ซาร่าได้สติรีบวิ่งกลับไปยังห้องเรียน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่