สิ่งที่ควรรู้ก่อนบริโภคสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
สมุนไพรมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งในรูปแบบของยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และอาหาร โดยสมุนไพรบางชนิดมีสรรพคุณทางยาที่สามารถช่วยรักษาโรคหรือบรรเทาอาการต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบันอาจทำให้เกิดอันตรกิริยาระหว่างยาทั้งสองชนิด ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาหรือทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น จึงควรระมัดระวังในการบริโภคสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
อันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน
อันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน หมายถึง ปฏิกิริยาระหว่างสมุนไพรและยาแผนปัจจุบันที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาหรือทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยอันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. การเสริมฤทธิ์ (Synergistic interaction) คือ สมุนไพรและยาแผนปัจจุบันมีฤทธิ์เดียวกันหรือคล้ายกัน เมื่อรับประทานร่วมกันจะส่งผลให้ฤทธิ์ของยาทั้งสองชนิดเพิ่มสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การรับประทานโสมเกาหลีร่วมกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำเกินไป
2. การต้านฤทธิ์ (Antagonistic interaction) คือ สมุนไพรและยาแผนปัจจุบันมีฤทธิ์ที่ขัดแย้งกัน เมื่อรับประทานร่วมกันจะส่งผลให้ฤทธิ์ของยาทั้งสองชนิดลดลงหรือไม่ได้ผล ตัวอย่างเช่น การรับประทานชะเอมเทศร่วมกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง อาจทำให้การรักษาด้วยยาไม่ได้ผล เนื่องจากชะเอมเทศมีผลทำให้โซเดียมและน้ำในร่างกายสูงขึ้น จนทำให้ความดันโลหิตไม่ลดลง
ตัวอย่างของอันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน
1. สมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท เช่น ใบแปะก๊วย โกจิเบอร์รี่ อาจเพิ่มผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบันที่กระตุ้นประสาท เช่น ยาแก้ซึมเศร้า ยาต้านความวิตกกังวล ยานอนหลับ
2. สมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ฟ้าทะลายโจร กระเทียม ใบบัวบก อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออกในผู้ที่ใช้ยาแผนปัจจุบันต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ยาต้านเกล็ดเลือด
3. สมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด เช่น ชาเขียว หญ้าหวาน สารสกัดจากพริกไทยดำ อาจเพิ่มฤทธิ์ของยาแผนปัจจุบันที่ลดน้ำตาลในเลือด เช่น ยาลดน้ำตาลในเลือดชนิดรับประทาน ยาอินซูลิน
ข้อควรปฏิบัติในการบริโภคสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
1. แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งว่ากำลังใช้สมุนไพรอยู่ เพื่อให้แพทย์หรือเภสัชกรสามารถประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ในการใช้สมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม
2. ไม่ควรซื้อสมุนไพรมารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดอาจมีฤทธิ์แรงหรือมีสารปนเปื้อน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้
3. ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างละเอียดก่อนรับประทาน เพื่อทราบถึงสรรพคุณ ปริมาณการใช้ และข้อควรระวัง
4. ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างเคร่งครัด
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
อ้างอิงจาก จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยมหิดล
รู้ก่อนบริโภคสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
สมุนไพรมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งในรูปแบบของยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และอาหาร โดยสมุนไพรบางชนิดมีสรรพคุณทางยาที่สามารถช่วยรักษาโรคหรือบรรเทาอาการต่างๆ ได้ อย่างไรก็ตาม การใช้สมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบันอาจทำให้เกิดอันตรกิริยาระหว่างยาทั้งสองชนิด ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาหรือทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น จึงควรระมัดระวังในการบริโภคสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
อันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน
อันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน หมายถึง ปฏิกิริยาระหว่างสมุนไพรและยาแผนปัจจุบันที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาหรือทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยอันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1. การเสริมฤทธิ์ (Synergistic interaction) คือ สมุนไพรและยาแผนปัจจุบันมีฤทธิ์เดียวกันหรือคล้ายกัน เมื่อรับประทานร่วมกันจะส่งผลให้ฤทธิ์ของยาทั้งสองชนิดเพิ่มสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น การรับประทานโสมเกาหลีร่วมกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคเบาหวาน อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำเกินไป
2. การต้านฤทธิ์ (Antagonistic interaction) คือ สมุนไพรและยาแผนปัจจุบันมีฤทธิ์ที่ขัดแย้งกัน เมื่อรับประทานร่วมกันจะส่งผลให้ฤทธิ์ของยาทั้งสองชนิดลดลงหรือไม่ได้ผล ตัวอย่างเช่น การรับประทานชะเอมเทศร่วมกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง อาจทำให้การรักษาด้วยยาไม่ได้ผล เนื่องจากชะเอมเทศมีผลทำให้โซเดียมและน้ำในร่างกายสูงขึ้น จนทำให้ความดันโลหิตไม่ลดลง
ตัวอย่างของอันตรกิริยาระหว่างสมุนไพรกับยาแผนปัจจุบัน
1. สมุนไพรที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท เช่น ใบแปะก๊วย โกจิเบอร์รี่ อาจเพิ่มผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบันที่กระตุ้นประสาท เช่น ยาแก้ซึมเศร้า ยาต้านความวิตกกังวล ยานอนหลับ
2. สมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ฟ้าทะลายโจร กระเทียม ใบบัวบก อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออกในผู้ที่ใช้ยาแผนปัจจุบันต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน ยาต้านเกล็ดเลือด
3. สมุนไพรที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด เช่น ชาเขียว หญ้าหวาน สารสกัดจากพริกไทยดำ อาจเพิ่มฤทธิ์ของยาแผนปัจจุบันที่ลดน้ำตาลในเลือด เช่น ยาลดน้ำตาลในเลือดชนิดรับประทาน ยาอินซูลิน
ข้อควรปฏิบัติในการบริโภคสมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
1. แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งว่ากำลังใช้สมุนไพรอยู่ เพื่อให้แพทย์หรือเภสัชกรสามารถประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ในการใช้สมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม
2. ไม่ควรซื้อสมุนไพรมารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดอาจมีฤทธิ์แรงหรือมีสารปนเปื้อน ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้
3. ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างละเอียดก่อนรับประทาน เพื่อทราบถึงสรรพคุณ ปริมาณการใช้ และข้อควรระวัง
4. ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรอย่างเคร่งครัด
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
อ้างอิงจาก จากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยมหิดล