หุ้น AOT ไหลลงต่ออีก 1.65% มาอยู่ที่ 59.50 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,396.68 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.16 น. โดยเปิดตลาดที่ 60.25 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 60.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 59.00 บาท
บล.ทิสโก้ มองว่า 1 ใน 5 มาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้เพื่อมุ่งเป้าส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย คือ มาตรการที่ 3 : การยกเลิกข้อเสนอผลิตภัณฑ์ปลอดภาษีสำหรับผู้โดยสารขาเข้านั้น จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เป็นหลัก เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อรายได้สัมปทานของ คิง เพาเวอร์ ที่มีต่อ AOT ปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ จ่ายเงินให้ AOT ตามยอดใช้จ่ายต่อหัวที่สนามบินของ AOT จำนวน 5 แห่ง (ทุกสนามบินยกเว้น DMK) สำหรับการขายสินค้าปลอดภาษี
การคำนวณการใช้จ่ายต่อหัวจะขึ้นอยู่กับพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่กำหนดให้กับ คิง เพาเวอร์ ตามมาตรการดังกล่าวการลดพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ คิง เพาเวอร์ อาจส่งผลให้ คิง เพาเวอร์ ขอแก้ไขสัญญาเพื่อสะท้อนถึงการลดลงของยอดขายที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการดังกล่าว AOT จึงอาจได้รับผลกระทบต่อรายได้สัมปทาน สำหรับขนาดของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เราสังเกตว่าการใช้จ่ายปลอดภาษีของนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่การเดินทางออกมากกว่าการมาถึง ดังนั้น จึงจำกัดข้อเสียบางประการของ AOT
ขณะที่คาดหวังว่าผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกับที่ คิง เพาเวอร์ นำเสนอจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลัก โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกที่มีไวน์และวิสกี้หลากหลายประเภท (CPALL, CPAXT, BJC และ CRC) เครื่องสำอาง (CPN - ร้านเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า) และของว่างที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC และ CRC)
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ซึ่งมีทั้งหมด 5 มาตรการ ประกอบด้วย
1. มาตรการด้านภาษีและการเงินเพื่อสนับสนุนสินค้าไทยให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว
2. มาตรการปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีอื่นๆ รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ให้สินค้าและบริการบางประเภทมีราคาจูงใจ เช่น การลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม
3. พิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิกการอนุญาตจัดตั้งร้านค้าปลอดภาษี (Duty free) ขาเข้า เพื่อส่งเสริมการใช้สินค้าภายในประเทศ
โดยมาตรการที่เกี่ยวกับด้านภาษีในข้อ 1-3 นี้ กระทรวงการคลังจะไปพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม
4. การผ่อนปรนเวลาเปิด-ปิดของสถานบริการ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายต่อวันของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มมากขึ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทย ไปดำเนินการศึกษา
5. การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว (Visa Free) ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการเดินทางเข้าในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้กระทรวงการต่างประเทศ ไปดำเนินการศึกษา
https://www.infoquest.co.th/2023/355091
ถ้าทำจริงพื้นฐานเปลี่ยนแน่นอน
มาตรการภาครัฐเลิกหนุนช้อปดิวตี้ฟรีขาเข้า Aot ไหล
บล.ทิสโก้ มองว่า 1 ใน 5 มาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้เพื่อมุ่งเป้าส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย คือ มาตรการที่ 3 : การยกเลิกข้อเสนอผลิตภัณฑ์ปลอดภาษีสำหรับผู้โดยสารขาเข้านั้น จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เป็นหลัก เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อรายได้สัมปทานของ คิง เพาเวอร์ ที่มีต่อ AOT ปัจจุบัน คิง เพาเวอร์ จ่ายเงินให้ AOT ตามยอดใช้จ่ายต่อหัวที่สนามบินของ AOT จำนวน 5 แห่ง (ทุกสนามบินยกเว้น DMK) สำหรับการขายสินค้าปลอดภาษี
การคำนวณการใช้จ่ายต่อหัวจะขึ้นอยู่กับพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่กำหนดให้กับ คิง เพาเวอร์ ตามมาตรการดังกล่าวการลดพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ คิง เพาเวอร์ อาจส่งผลให้ คิง เพาเวอร์ ขอแก้ไขสัญญาเพื่อสะท้อนถึงการลดลงของยอดขายที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการดังกล่าว AOT จึงอาจได้รับผลกระทบต่อรายได้สัมปทาน สำหรับขนาดของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เราสังเกตว่าการใช้จ่ายปลอดภาษีของนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่การเดินทางออกมากกว่าการมาถึง ดังนั้น จึงจำกัดข้อเสียบางประการของ AOT
ขณะที่คาดหวังว่าผู้ค้าปลีกที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกับที่ คิง เพาเวอร์ นำเสนอจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลัก โดยเฉพาะผู้ค้าปลีกที่มีไวน์และวิสกี้หลากหลายประเภท (CPALL, CPAXT, BJC และ CRC) เครื่องสำอาง (CPN - ร้านเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า) และของว่างที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC และ CRC)
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ให้ที่ประชุม ครม.พิจารณามาตรการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการใช้จ่าย ซึ่งมีทั้งหมด 5 มาตรการ ประกอบด้วย
1. มาตรการด้านภาษีและการเงินเพื่อสนับสนุนสินค้าไทยให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว
2. มาตรการปรับปรุงโครงสร้างอัตราภาษีสรรพสามิต และภาษีอื่นๆ รวมทั้งปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ให้สินค้าและบริการบางประเภทมีราคาจูงใจ เช่น การลดภาษีสินค้าแบรนด์เนม
3. พิจารณาความเหมาะสมในการยกเลิกการอนุญาตจัดตั้งร้านค้าปลอดภาษี (Duty free) ขาเข้า เพื่อส่งเสริมการใช้สินค้าภายในประเทศ
โดยมาตรการที่เกี่ยวกับด้านภาษีในข้อ 1-3 นี้ กระทรวงการคลังจะไปพิจารณาในรายละเอียดเพิ่มเติม
4. การผ่อนปรนเวลาเปิด-ปิดของสถานบริการ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายต่อวันของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มมากขึ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทย ไปดำเนินการศึกษา
5. การยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว (Visa Free) ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการเดินทางเข้าในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้กระทรวงการต่างประเทศ ไปดำเนินการศึกษา
https://www.infoquest.co.th/2023/355091
ถ้าทำจริงพื้นฐานเปลี่ยนแน่นอน