หุ้นค้าปลีก น่าห่วง ประชาชน รัดเข็มขัด ฉุดกำลังซื้อลดฮวบ เหลือแค่ #CPALL โตต่อได้

หุ้นค้าปลีก น่าห่วง ประชาชน รัดเข็มขัด ฉุดกำลังซื้อลดฮวบเหลือแค่ #CPALL โตต่อได้

กำลังซื้อของประชาชนกำลังลดลงอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการจับจ่าย โดยเห็นได้จากการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มค้าปลีกและอาหาร ที่มียอดขายสาขาเดิมปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกชะลอตัวลงตามไปด้วย

ในมุมมองของนักวิเคราะห์ กำลังซื้อที่ลดลงจะยังคงส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีกในไตรมาสที่ 2 โดยมีเพียง CPALL เท่านั้นที่คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคำแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้แล้ว

บล.เอเซีย พลัส ชี้ว่า ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ได้แก่ BJC, COM7, CPALL, CPAXT, CRC, HMPRO และ DOHOME รวมอยู่ที่ 1.69 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับตัวลดลง 7% จากไตรมาสที่ 4 แต่เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน

โดยเกือบทุกบริษัทมีกำไรลดลงจากไตรมาสก่อนจากผลของฤดูกาล แต่ยังคงเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน ยกเว้น CPALL และ DOHOME ที่สามารถเติบโตได้ดีทั้งแบบรายไตรมาสและเมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปในอนาคต กำไรในช่วงที่เหลือของปีเริ่มมีความ "ท้าทาย" มากขึ้น เนื่องจากมีหลายปัจจัยลบที่เข้ามากดดัน ทั้งเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตต่ำลง และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง สำหรับงวดไตรมาสที่ 2 หุ้นกลุ่มพาณิชย์ที่ฝ่ายวิจัยศึกษาคาดว่าจะมีกำไรที่ชะลอลงต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 เนื่องจากกำลังซื้อที่อ่อนแอลง

ปัจจัยสำคัญคือภาครัฐไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเหมือนในไตรมาสที่ 1 และยังเป็นช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว ขณะที่ภาพรวมของยอดขายสาขาเดิม หรือ SSSG (Same Store Sales Growth) น่าจะชะลอลงเกือบทุกบริษัท มีเพียง CPALL เท่านั้นที่คาดว่าจะยังคงมี SSSG ที่เติบโตขึ้นได้

โดยกำไรกลุ่มน่าจะยังคงเติบโตได้เฉพาะเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเปิดสาขาใหม่และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น

ฝ่ายวิจัยจึงต้องปรับลดน้ำหนักการลงทุนสำหรับหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ลงจาก "Overweight" เป็น "Neutral" ภายหลังการปรับลดประมาณการกำไรของหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ประมาณการกำไรรวมของกลุ่มสำหรับ ปี พ.ศ. 2568 ลดลงจากเดิม 8% เหลือ 6.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน

บล.เอเซีย พลัส เลือก CPALL เป็นหุ้น Top pick ระยะสั้น คาดว่า CPALL จะมีการเติบโตของกำไรในไตรมาสที่ 2 ที่แข็งแกร่งที่สุด จาก SSSG ที่โดดเด่นและอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากสัดส่วนการขายสินค้าอาหารพร้อมทานที่คาดว่าจะยังคงเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายด้วย PER (Price-to-Earnings Ratio) ปี พ.ศ. 2568 ที่ 16.2 เท่า หรือราว -2.2 S.D. (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) จากค่าเฉลี่ย 3 ปีก่อน ซึ่งถือว่าน่าสนใจ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่