Time Line ดิวตี้ฟรีบิน “คิง เพาเวอร์” (1)

หลัง กจญ. AOT นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ออกมาตอบโต้อนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ออกมาแฉ กรณีสัมปทาน “ดิวตี้ฟรี” ของบริษัท คิงเพาเวอร์ว่าไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 และเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.ใช้อำนาจยกเลิกสัญญาสัมปทาน พร้อมเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

โดย กจญ. AOT ยืนยันว่าการให้สัมปทานกับบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) และบริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด (KPS) เพื่อประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรและร้านค้าเชิงพาณิชย์ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ทอท. นั้น ทอท.ได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

โดยระบุว่าการประเมินมูลค่าการลงทุนเป็นหน้าที่ของภาครัฐ โดย ทอท.ได้จ้างที่ปรึกษาประเมินมูลค่าการลงทุนทั้งสัญญาร้านค้าปลอดอากรของ KPD และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของKPS โดยอิงราคาก่อสร้างของกิจการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งผลการศึกษาทั้ง 2 โครงการต่างมีมูลค่าการลงทุนไม่เกินหนึ่งพันล้านบาทและที่ผ่านมา ทอท.ได้เคร่งครัดในการบริหารสัญญามาโดยตลอด โดยหากมีการขยายพื้นที่ประกอบการ หรือมีการต่ออายุสัญญาสัมปทาน ทอท.จะคำนวณเม็ดเงินลงทุนส่วนเพิ่มเพื่อให้มั่นใจได้ว่า เมื่อรวมขอบเขตสัญญาเดิมแล้วจะยังคงไม่เกินวงเงิน

ทั้งยังอ้างผลไต่สวนคณะกรรมการป.ป.ช.ที่มีต่อผู้เกี่ยวข้องในกรณี “ทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เพื่อช่วยเหลือกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัดให้เป็นผู้ประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและภูมิภาค และได้รับสิทธิในการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสาร ทสภ.เมื่อเดือนธันวาคม54 โดย ป.ป.ช. ได้มีมติว่า “จากการไต่สวนข้อเท็จจริงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่า ได้มีการร่วมกันหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 และกีดกันให้ผู้เสนอราคารายอื่นตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาเป็นอันตกไป”

เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าการให้สัมปทานแก่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ทั้งกรณีสัมปทานร้านปลอดภาษีและกิจกรรมในเชิงพาณิชย์นั้นได้รับการการันตี ตรวจสอบจาก ป.ป.ช.มาแล้ว

Time Line Duty Free SB Airport

อย่างไรก็ตามเมื่อย้อนรอยกลับไปพิจารณาที่มาที่ไปโครงการจัดหาเอกชนเข้ารับสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานภูมิภาค (ทสภ.) ของ ทอท.ข้างต้น รวมทั้งเอกสารตอบโต้ระหว่าง ทอท.กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว กลับพบว่าตรงกันกับสิ่งที่บอร์ดและผู้บริหาร ทอท.ชี้แจง โดยหากพิจารณา Time Lime โครงการนี้แต่แรกจะพบความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรก ดังนี้ :

1. ทอท.โดย พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์ มีหนังสือทอท 217/2546 ลงวันที่ 10 ม.ค.2546 ถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อหารือข้อกฎหมาย กรณีโครงการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากร ณ สนามบินสุวรรณภูมิ (แต่ในรายละเอียดข้อหารือนั้น ได้สอบถามแนวทางการประเมินมูลค่าทรัพย์สินโครงการ หมายความรวมถึงทรัพย์สินหมุนเวียนที่เป็น “ต้นทุนขาย”ในส่วนสินค้าคงคลังด้วยหรือไม่)

2. น.ส.พรทิพย์ จาละ รองเลขาธิการฯรักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาในขณะนั้น มีหนังสือที่ นร 0901/0564 ลงวันที่ 6 มิ.ย.2546 ส่งบันทึกสำนักงานฯเรื่องการบังคับใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 กรณีโครงการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากร ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยให้รวมเอาทรัพย์สินคงคลังของร้านค้าปลอดอากรของเอกชนและการลงทุนในที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ เป็นเงินลงทุนที่ต้องรวมคำนวณไว้ตามมาตรา 5 พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535

3. วันที่ 28 กรกฎาคม 2546 ทอท.มีหนังสือที่ ทอท.4706/2546 ลว. 28 ก.ค. 2546 ถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาขอให้พิจารณาทบทวนการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโครงการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อีกครั้ง

4. วันที่13 พฤศจิกายน 2546 ทอท.มีหนังสือที่ทอท.7090/2546 ถึงนายวิษณุ เครืองาม รอง นรม. (กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการกฤษฎีกา) เพื่อขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาทบทวนความเห็น กรณีการวินิจฉัยการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินในโครงการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อีกครั้ง

5. วันที่ 5 มกราคม 2547 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีหนังสือตอบกลับที่ นร 0901/0013ลงนามโดย น.ส.พวงเพชร สารคุณ รองเลขาธิการฯรักษาราชการการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา

6. วันที่ 13 มกราคม 2547 วิชัย รักศรีอักษร กรรมการผู้จัดการ บ.คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด มีหนังสือถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคมเรื่องขอต่ออายุสัญญาประกอบกิจการร้านปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานภูเก็ต

7. สถาบันทรัพย์สิน จุฬาฯที่ทอท.ได้ว่าจ้างให้ทำการศึกษา ประเมินโครงการได้จัดส่งรายงานผลการประเมินมูลค่าลงทุนโครงการจัดตั้งร้านค่าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีมูลค่าลงทุนรวม 813,838,443 บาท แยกเป็น ส่วนของรัฐ 405,197,464 บาท และส่วนของเอกชน 408,640,979 บาท โดยใช้สมมติฐานอายุสัญญา 5 ปี และใช้พื้นที่ประกอบการ 5,000 ตารางเมตร

8. วันที่ 29 ม.ค.2547 คณะกรรมการทอท.ในการประชุมบอร์ดครั้งที่ 1/2547 มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณารายละเอียดการต่อต่อสัญญาประกอบกิจการร้านปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานภูมิภาค ของทอท. โดยมี นายวุฒิพันธ์ วิชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและกรรมการทอท.เป็นประธาน

9. วันที่ 2 เม.ย.2547 ที่ประชุมคณะกรรมการทอท.ครั้งที่ 3/2547 มีมติเห็นชอบให้บริษัทคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัดเข้าประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานเชียงใหม่ หาดใหญ่และภูเก็ต

10. วันที่ 20 เม.ย.2547 ทอท.ลงนามในสัญญาอนุญาตประกอบกิจการร้านดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานภูมิภาค ที่ ทสภ.1-07/2547 ลงวันที่ 20 เม.ย.2547 ระยะเวลาประกอบกิจการ 10 ปี โดยบริษัทจ่ายผลตอบแทนแก่รัฐในสัดส่วน 15%ในปีที่ 1-ปีที่ 5 และ 16-20% ในปีที่ 6-10 รวมผลตอบแทนขั้นต่ำทั้งสิ้น 16,736 ล้านบาทและบริษัทยังพร้อมชำระค่าตอบแทนล่วงหน้า 2 ปี ในวันลงนามในสัญญาจำนวน 2,460 ล้านบาท

11.วันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2548 ทอท.เปิดขายซองประมูลโครงการจัดหาเอกชนเข้ามาบริหารจัดการพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื้อที่ 20,000 ตร.เมตร สัมปทาน 10 ปี กำหนดเงื่อนไข เอกชนที่จะเสนอตัวต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า50 ล้านบาท มีประสบการณ์เคยบริหารพื้นที่หรือร้านค้าไม่ต่ำกว่า 4,000 ตร.เมตร มียอดขายในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท

12. วันที่25 กุมภาพันธ์ 2548 2 สัปดาห์หลังขายซองประกวดราคา ทอท.ได้กำหนดให้เอกชนยื่นซองข้อเสนอ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากระยะเวลาที่กำหนดนั้นกระชั้นชิด และที่ผ่านมาสนามบินสุวรรณภูมิยังอยู่ระหว่างก่อสร้างไม่อนุญาตให้ใครได้เข้าพื้นที่มาก่อน จึงไม่มีเอกชนรายใดได้สิทธิ์ในการเข้าสำรวจพื้นที่ที่จะดำเนินการวาง Lay out และ Perspective Image ตามข้อกำหนดเงื่อนไข TOR ได้
อย่างไรก็ตามมีกลุ่มบริษัทเอกชนเข้าซื้อซองและยื่นข้อเสนอรวม 5 กลุ่มด้วยกัน แต่ผลการพิจารณามีผู้ผ่านคุณสมบัติเพียง 2 รายเท่านั้นคือ บริษัทคิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดและ บริษัทมาสเตอร์มายด์คอนซัลแตนท์-เซ็นทรัล ซึ่งผลการพิจารณาเปิดซองราคาปรากฏว่ากลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฯ เป็นผู้ชนะประมูลได้สัมปทานไปโดยเสนอจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำแก่ ทอท. 1,431 ล้านบาท

13. หลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศเมื่อ 19 กันยายน 2549 และมีการจัดตั้งรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาบริหารประเทศ ในส่วนของ ทอท.ก็ได้ปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ที่มี พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ผบ.ทบ.ในขณะนั้นเป็นประธาน โครงการสัมปทานร้านค้าปลอดอากรของบริษัทคิงเพาเวอร์ และโครงการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์ได้ถูกตรวจสอบอีกครั้ง

โดยบอร์ด ทอท.ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นตรวจสอบโครงการทั้งสอง โดยมี พลเอกปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ เป็นประธานซึ่งได้สรุปผลออกมาชัดเจนว่ามีการให้สัมปทานออกไปไม่ถูกต้องสอดคล้องกฎหมาย โดยเฉพาะขัด พรบ.ร่วมทุนปี 2535 อีกทั้งยังมีการใช้พื้นที่เกินไปจากสัญญาถึง 9,400 ตร.เมตร (จากสัญญา 5,000 ตร.เมตร)

14. 2 มีนาคม 2550 ทอท.มีหนังสือด่วนที่ 1348/2550 ลงวันที่ 2 มีนาคม 2550 ถึงเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อสอบถามถึงการคำนวณมูลค่าลงทุนในโครงการตั้งร้านค้าปลอดอากร และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งทอท.มีการลงนามในสัญญากับกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ไปก่อนหน้า และที่บริษัทที่ปรึกษาโครงการได้ประเมินและคำนวณมูลค่าลงทุนของทั้งสองโครงการไปสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 หรือไม่ และหากการทำสัญญาทั้งสองฉบับมิได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดแล้วจะทำให้สัญญาทั้งสองฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้หรือไม่เพียงใด

15. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มีหนังสือตอบกลับที่ นร. 0901/ 1293ลงวันที่ 16 มี.ค.2550 แต่ไม่ได้ตอบข้อหารือใดๆ มายัง ทอท.เพียงแต่ชี้แจงหลักเกณฑ์การพิจารณาและคำนวณโครงการที่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายฉบับนี้ ส่วนการจะพิจารณาว่าโครงการดังกล่าวอยู่ภายในบังคับกฎหมายหรือไม่เป็นหน้าที่ของ ทอท.ที่ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเอง พร้อมระบุว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยส่งผลการตีความโครงการจัดตั้งร้านค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมายัง ทอท.แล้วว่าการประเมินว่าโครงการใดเข้าข่ายเป็นการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐหรือไม่นั้น นอกจากจะต้องพิจารณาประเมินจากวงเงินลงทุนแล้ว ยังต้องนำวงเงินลงทุนในการซื้อสินค้าคงคลังที่เป็นต้นทุนของเอกชน มารวมกับมูลค่าที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมาร่วมคำนวณด้วย โดยไม่ต้องนำค่าเสื่อมราคาของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์มาคำนวณ

16. ที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.วันที่ 22 มี.ค.2550 มีการหยิบยกหนังสือตอบข้อหารือของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ นร. 0901/ 1293 ลงวันที่ 16 มี.ค.2550 ที่เห็นว่า การคำนวณมูลค่าลงทุนของทั้ง 2 โครงการยังไม่ครบถ้วน โดยที่ประชุมบอร์ดทอท.เห็นว่า การประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร และพื้นที่เชิงพาณิชย์มีมูลค่าโครงการเกิน 1,000 ล้านบาท สัญญาของ ทอท. กับ คิง เพาเวอร์ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะ และไม่มีผลผูกพันคู่สัญญาจึงให้ ทอท.บอกเลิกสัญญา

กรณีนี้ทำให้ คิง เพาเวอร์ ยื่นฟ้องศาลแพ่งในวันที่ 31 ม.ค.2551 และศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ขณะที่บอร์ด ทอท. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาอิสระที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.คือ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด มาประเมินมูลค่าการลงทุนทั้ง 2 โครงการอีกครั้ง ผลการศึกษาสรุปว่าทั้ง 2 โครงการมีมูลค่าการลงทุนต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทจึงไม่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพ.ร.บ. ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมงานฯ คิง เพาเวอร์ จึงได้ขอถอนฟ้อง ทอท. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2551 และ ทอท.ไม่คัดค้านใดๆ...ศาลแพ่งอนุญาตให้ คิง เพาเวอร์ ถอนฟ้องเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2551

Time Line ดิวตี้ฟรีบิน “คิง เพาเวอร์” (2) >> https://pantip.com/topic/36582077
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่