แกะรอยการหมกเม็ดสัมปทานดิวตี้ฟรี
17. เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนการให้สัมปทานดิวตี้ฟรีแก่ KPD นั้นฝ่ายบริหาร ทอทมีความพยายามในการหาช่องทางในอันที่จะปรับลดขนาดโครงการนี้ให้เหลือต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทเพื่อจะได้ไม่เข้าข่ายโครงการที่ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ร่วมทุนปี 2535 และเมื่อทอท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาโครงการนี้ (สนง.ทรัพย์สินทางปัญญา จุฬาฯ) ก็มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโครงการ โดยไม่มีการนำเอามูลค่าในส่วนของ “สินค้าคงคลัง”ที่เป็นต้นทุนของภาคเอกชนเข้ามาร่วมคำนวณด้วยตั้งแต่ต้น ทั้งยังประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโครงการ โดยตั้งสมมติฐานเพียง 5 ปี มีพื้นที่ประกอบกิจการเพียง 5,000 ตารางเมตร ขณะที่ในสัญญาประกอบการจริงนั้นสูงกว่า 9,400 ตารางเมตร และยังกำหนดอายุสัญญาถึง 10 ปี
18. ที่สำคัญการคำนวณมูลค่าโครงการประกอบกิจการร้านปลอดอากรข้างต้นของทอท. ยังจำกัดการประเมินเอาไว้เพียงกิจการร้านปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเท่านั้น ไม่ได้รวมเอาพื้นที่ตั้งร้านปลอดอากรในสนามบินภูมิภาคอีก 3 แห่งคือ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ตเข้ามารวมคำนวณไว้ด้วย ทั้งที่เป็นโครงการเดียวกันและสัญญาเดียวกัน ซึ่งตามพรบ.ร่วมทุนปี2535 นั้นถือเป็นโครงการเดียวกันไม่สามารถแยกคำนวณได้
19. ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทอท.และหน่วยงานตรวจสอบอย่างคณะกรรมการ ป.ป.ช./หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบมองข้ามและไม่เคยล้วงลูกลงไปตรวจสอบเลยก็คือ สัมปทานร้านปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมและทสภ.อีก 3แห่ง ที่ ทอท.ดำเนินการไปในปี 2546-47 นั้น ในส่วนของสัมปทานดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้นหาใช่กิจการของ ทอท.แต่อย่างใด เพราะทอท.ไม่ได้เป็นเจ้าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่ได้เป็นบริษัทลูกของทอท.แต่อย่างใด บทม.นั้นมีบอร์ดและฝ่ายบริหารที่แยกเป็นเอกเทศของตนโดยเฉพาะ ทำหน้าที่ในการบริหารการก่อสร้างและพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและกิจการที่เกี่ยวข้อง
20. การที่ทอท. และกระทรวงคมนาคมอนุมัติให้สัมปทานประกอบกิจการร้านปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพ่วงท่าอากาศยานภูมิภาค ซึ่งเป็น “คนละนิติบุคคล” จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ อีกทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ขณะนั้นอยู่ระหว่างก่อสร้าง ก็ไม่เคยมีกิจการร้านปลอดอากรใด ๆ มาก่อน หาก บทม.จะดำเนินการจัดหาเอกชนให้เข้ามารับสัมปทานก็ต้องเป็นการดำเนินการของบทม.โดยตรง ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของทอท.ที่เป็นคนละนิติบุคคล
ทั้ง ทอท.เองยังไม่สามารถจะอนุมัติให้ขยายสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีให้แก่ KPD ได้ด้วย เนื่องจากสัญญาเดิมที่ KPD มีอยู่กับ ทอท.นั้นคือสัมปทานร้านปลอดอากรที่สนามบินดอนเมืองที่กำลังจะสิ้นสุดลง และรัฐบาลมีนโยบายปิดสนามบินดังกล่าวเพื่อโยกย้ายสายการบินและกิจการที่เกี่ยวข้องไปใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน แต่การโยกย้ายฐานการบินและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องไปใช้ท่าอากาศยานดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ บทม.จะเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่ ทอท.
21. กับมติของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่ฝ่ายบริหารทอท.นำมาแอบอ้างกันอยู่นี้ เป็นเรื่องของการไต่สวนกรณีของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคมที่ถูกกล่าวหากระทำการทุจริตตั้งแต่ปี 2549-2550 โดย 1 ในเรื่องที่ถูกกล่าวหานั้นมีกรณีการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนในกรณีสัมปทานคิงเพาเวอร์อยู่ด้วย ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ยกข้อกล่าวหาไป ด้วยเหตุว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและ ทอท.ก็เป็นผู้ให้ข้อมูลกรณีการประกอบกิจการร้านปลอดอากร โดย “ปกปิด” ข้อเท็จจริงข้างต้นเหล่านี้
22. เหนือสิ่งอื่นใด ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะปรากฏขึ้น ต่อเมื่อ ทอท.จะต้องเปิดประมูลหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาดำเนินโครงการดิวตี้ฟรีนี้ ภายใต้การดำเนินการตาม พรบ.พีพีพีปี 2556 ซึ่งจะต้องดำเนินการประมูลมูลค่ากันตามหลักเกณฑ์ที่ สคร.กำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินในโครงการที่ีไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการคำนวณมูลค่าสินค้าคงคลังของภาคเอกชนที่จะต้องนับรวมเอาเป็นมูลค่าทรัพย์สินในโครงการด้วย ทั้งยังจะต้องพิจารณาไปถึงอายุสัญญาโครงการ ถึงเวลานั้น หากผลการประเมินมูลค่าทรัพย์สินโครงการออกมาเกิน 10,000 ล้านบาท จะกลายเป็นหนามยอกอก ย้อนศรีไปยังผู้บริหาร ทอท.ตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า มี่การหมกเม็ดการประเมินมูลค่าโครงการเอาไว้หรือไม่อย่างไร และเชื่อแน่ว่าจะเกิดรายการ "ฟื้นฝอยหาตะเข็บ" ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้!
Time Line ดิวตี้ฟรีบิน “คิง เพาเวอร์” (1) >>
https://pantip.com/topic/36582073
Time Line ดิวตี้ฟรีบิน “คิง เพาเวอร์” (2)
17. เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนการให้สัมปทานดิวตี้ฟรีแก่ KPD นั้นฝ่ายบริหาร ทอทมีความพยายามในการหาช่องทางในอันที่จะปรับลดขนาดโครงการนี้ให้เหลือต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทเพื่อจะได้ไม่เข้าข่ายโครงการที่ต้องปฏิบัติตาม พรบ.ร่วมทุนปี 2535 และเมื่อทอท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาโครงการนี้ (สนง.ทรัพย์สินทางปัญญา จุฬาฯ) ก็มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโครงการ โดยไม่มีการนำเอามูลค่าในส่วนของ “สินค้าคงคลัง”ที่เป็นต้นทุนของภาคเอกชนเข้ามาร่วมคำนวณด้วยตั้งแต่ต้น ทั้งยังประเมินมูลค่าทรัพย์สินในโครงการ โดยตั้งสมมติฐานเพียง 5 ปี มีพื้นที่ประกอบกิจการเพียง 5,000 ตารางเมตร ขณะที่ในสัญญาประกอบการจริงนั้นสูงกว่า 9,400 ตารางเมตร และยังกำหนดอายุสัญญาถึง 10 ปี
18. ที่สำคัญการคำนวณมูลค่าโครงการประกอบกิจการร้านปลอดอากรข้างต้นของทอท. ยังจำกัดการประเมินเอาไว้เพียงกิจการร้านปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเท่านั้น ไม่ได้รวมเอาพื้นที่ตั้งร้านปลอดอากรในสนามบินภูมิภาคอีก 3 แห่งคือ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ตเข้ามารวมคำนวณไว้ด้วย ทั้งที่เป็นโครงการเดียวกันและสัญญาเดียวกัน ซึ่งตามพรบ.ร่วมทุนปี2535 นั้นถือเป็นโครงการเดียวกันไม่สามารถแยกคำนวณได้
19. ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ทอท.และหน่วยงานตรวจสอบอย่างคณะกรรมการ ป.ป.ช./หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบมองข้ามและไม่เคยล้วงลูกลงไปตรวจสอบเลยก็คือ สัมปทานร้านปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมและทสภ.อีก 3แห่ง ที่ ทอท.ดำเนินการไปในปี 2546-47 นั้น ในส่วนของสัมปทานดิวตี้ฟรี ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้นหาใช่กิจการของ ทอท.แต่อย่างใด เพราะทอท.ไม่ได้เป็นเจ้าของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด (บทม.) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไม่ได้เป็นบริษัทลูกของทอท.แต่อย่างใด บทม.นั้นมีบอร์ดและฝ่ายบริหารที่แยกเป็นเอกเทศของตนโดยเฉพาะ ทำหน้าที่ในการบริหารการก่อสร้างและพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและกิจการที่เกี่ยวข้อง
20. การที่ทอท. และกระทรวงคมนาคมอนุมัติให้สัมปทานประกอบกิจการร้านปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพ่วงท่าอากาศยานภูมิภาค ซึ่งเป็น “คนละนิติบุคคล” จึงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถกระทำได้ อีกทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ขณะนั้นอยู่ระหว่างก่อสร้าง ก็ไม่เคยมีกิจการร้านปลอดอากรใด ๆ มาก่อน หาก บทม.จะดำเนินการจัดหาเอกชนให้เข้ามารับสัมปทานก็ต้องเป็นการดำเนินการของบทม.โดยตรง ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของทอท.ที่เป็นคนละนิติบุคคล
ทั้ง ทอท.เองยังไม่สามารถจะอนุมัติให้ขยายสัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีให้แก่ KPD ได้ด้วย เนื่องจากสัญญาเดิมที่ KPD มีอยู่กับ ทอท.นั้นคือสัมปทานร้านปลอดอากรที่สนามบินดอนเมืองที่กำลังจะสิ้นสุดลง และรัฐบาลมีนโยบายปิดสนามบินดังกล่าวเพื่อโยกย้ายสายการบินและกิจการที่เกี่ยวข้องไปใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทน แต่การโยกย้ายฐานการบินและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องไปใช้ท่าอากาศยานดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ บทม.จะเป็นผู้ดำเนินการ ไม่ใช่ ทอท.
21. กับมติของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่ฝ่ายบริหารทอท.นำมาแอบอ้างกันอยู่นี้ เป็นเรื่องของการไต่สวนกรณีของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคมที่ถูกกล่าวหากระทำการทุจริตตั้งแต่ปี 2549-2550 โดย 1 ในเรื่องที่ถูกกล่าวหานั้นมีกรณีการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนในกรณีสัมปทานคิงเพาเวอร์อยู่ด้วย ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ยกข้อกล่าวหาไป ด้วยเหตุว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและ ทอท.ก็เป็นผู้ให้ข้อมูลกรณีการประกอบกิจการร้านปลอดอากร โดย “ปกปิด” ข้อเท็จจริงข้างต้นเหล่านี้
22. เหนือสิ่งอื่นใด ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะปรากฏขึ้น ต่อเมื่อ ทอท.จะต้องเปิดประมูลหาผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาดำเนินโครงการดิวตี้ฟรีนี้ ภายใต้การดำเนินการตาม พรบ.พีพีพีปี 2556 ซึ่งจะต้องดำเนินการประมูลมูลค่ากันตามหลักเกณฑ์ที่ สคร.กำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินในโครงการที่ีไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการคำนวณมูลค่าสินค้าคงคลังของภาคเอกชนที่จะต้องนับรวมเอาเป็นมูลค่าทรัพย์สินในโครงการด้วย ทั้งยังจะต้องพิจารณาไปถึงอายุสัญญาโครงการ ถึงเวลานั้น หากผลการประเมินมูลค่าทรัพย์สินโครงการออกมาเกิน 10,000 ล้านบาท จะกลายเป็นหนามยอกอก ย้อนศรีไปยังผู้บริหาร ทอท.ตลอดช่วงที่ผ่านมาว่า มี่การหมกเม็ดการประเมินมูลค่าโครงการเอาไว้หรือไม่อย่างไร และเชื่อแน่ว่าจะเกิดรายการ "ฟื้นฝอยหาตะเข็บ" ยิ่งกว่าก่อนหน้านี้!
Time Line ดิวตี้ฟรีบิน “คิง เพาเวอร์” (1) >> https://pantip.com/topic/36582073