JJNY : 5in1 รพ.ในกาซาหยุดปฏิบัติงาน│เรือจีนไล่เรือฟิลิปปินส์│เอกชนชี้ได้ไม่คุ้มเสีย│เจ๊หน่อยเย้ยนายกฯ│ต้นปี67 ค่าไฟขึ้น

โรงพยาบาลอัล ชีฟาในฉนวนกาซา หยุดปฏิบัติงานหลังเชื้อเพลิงหมด ทำทารกดับคาตู้อบ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4278282
 
 
โรงพยาบาลอัล ชีฟาในฉนวนกาซา หยุดปฏิบัติงานหลังเชื้อเพลิงหมด ทำทารกดับคาตู้อบ 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายอัชราฟ อัล-กีดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซา เผยว่า การดำเนินงานของโรงพยาบาลอัล ชีฟา โรงพยาบาลใหญ่ที่สุดของฉนวนกาซา ต้องถูกระงับในวันที่ 11 พฤศจิกายน หลังเชื้อเพลิงของโรงพยาบาลได้หมดลง 
  
นายอัล-กีดราให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เด็กทารกแรกเกิดคนหนึ่งเสียชีวิตในตู้อบทารก และทำให้เด็กแรกเกิดอีก 39 คน มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตเนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีไฟฟ้า ขาดแคลนออกซิเจนและยารักษาโรค “สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ เราถูกปิดล้อมอยู่ภายในโรงพยาบาลอัล ชีฟาและอิสราเอลได้พุ่งเป้าโจมตีอาคารส่วนใหญ่ของโรงพยาบาล” อัล-กีดรากล่าว
 
นอกจากนั้นแล้ว โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซายังเผยอีกว่ากองทัพอิสราเอลได้ยิงใส่ผู้คนที่เดินอยู่ภายในโรงพยาบาล ทำให้การเดินข้ามระหว่างแผนกของโรงพยาบาลเป็นไปอย่างจำกัด บางคนพยายามหนีออกจากโรงพยาบาลแต่ก็ถูกยิงใส่
 
อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอล ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่กล่าวว่าทำการสู้รบกับนักรบฮามาสทั้งในและรอบกาซา ซิตีตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด กองทัพอิสราเอลระบุว่า กองกำลังฮามาสตั้งศูนย์บัญชาการไว้ใต้โรงพยาบาลอัล ชีฟาและโรงพยาบาลอื่นๆ ในฉนวนกาซา ซึ่งอาจทำให้ถูกพิจารณาว่าเป็นเป้าหมายทางทหารได้ ซึ่งทางกลุ่มฮามาสได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์
 
ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซากล่าวว่า การโจมตีของอิสราเอลที่มากขึ้นใส่โรงพยาบาลและพื้นที่โดยรอบทำให้ผู้ป่วย เจ้าหน้าที่การแพทย์ และผู้อพยพหลายพันคนที่ใช้โรงพยาบาลเป็นที่พักพิงตกอยู่ในความเสี่ยง


 
สื่อเผยแพร่ภาพเรือจีนไล่เรือฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้
https://tna.mcot.net/world-1270935

ทะเลจีนใต้ 11 พ.ย.- สื่อที่อยู่บนเรือของหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์เผยแพร่ภาพเหตุการณ์ขณะที่เรือเร็วของจีน 3 ลำไล่เรือลำดังกล่าวที่จะนำเสบียงไปให้กำลังพลฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้
 
เหตุเกิดขึ้นใกล้แนวสันดอนเซ็กคันด์โทมัส (Second Thomas Shoal) ในหมู่เกาะสแปรตลีย์เมื่อวันศุกร์ ขณะที่มีผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีและสื่อท้องถิ่นฟิลิปปินส์อยู่บนเรือยางของหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ การไล่จบลงเมื่อกองเรือเร็วของกองทัพเรือฟิลิปปินส์แล่นจากซากเรือบีอาร์พี เซียร์รา มาเดร (BRP Sierra Madre) และขวางเรือจีนไว้ จากนั้นเรือหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ไปลอยลำใกล้ซากเรือดังกล่าวที่มีทหารเรือฟิลิปปินส์จำนวนหนึ่งประจำการอยู่ และเป็นด่าน 1 ใน 9 แห่งของฟิลิปปินส์ในหมู่เกาะสแปรตลีย์
 
ฟิลิปปินส์นำซากเรือสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ลำนี้ไปเกยตื้นในปี 2542 เพื่อป้องกันจีนล่วงล้ำน่านน้ำที่ฟิลิปปินส์อ้างกรรมสิทธิ์ทับซ้อนกับจีน ขณะที่จีนอ้างกรรมสิทธิในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และเพิกเฉยต่อคำชี้ขาดสากลที่ว่าการอ้างข้อมูลสมัยประวัติศาสตร์ของจีนไม่มีหลักการทางกฎหมาย จีนส่งกองเรือเร็วและเรือเหล็กไปลาดตระเวนน่านน้ำและแนวปะการังในทะเลจีนใต้อยู่เสมอ รวมทั้งสร้างเกาะเทียมเพื่อตอกย้ำการกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์.-สำนักข่าวไทย



ภาคเอกชนชี้กู้เงิน 5 แสนล้านบาทออกเงินดิจิทัล ได้ไม่คุ้มเสีย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4278158
 
ภาคเอกชนชี้กู้เงิน 5 แสนล้านบาทออกเงินดิจิทัล ได้ไม่คุ้มเสีย
 
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยถึงกรณี ผลสรุปการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่า ส่วนแรกในมุมมองแบบประชาชน ก็ชัดเจนว่าก็จะได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอพพลิเคชัน เป๋าตัง ที่คนไทยคุ้นเคย ซึ่งทำให้มีเงินไปจับจ่ายใช้สอยในครัวเรือนได้

นายธนิต กล่าวว่า ทั้งนี้วงเงินรวมโครงการ 5 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเป็น 2.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ซึ่งก็น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจมีความคึกคักในระยะสั้น จีดีพีก็อาจจะบวกเพิ่ม สัก 1% ถึงแม้เงื่อนไขการใช้จ่ายจะจำกัดอยู่ในเขตอำเภอ ตามทะเบียนบ้าน แต่เชื่อว่าคนก็น่าจะรีบกลับภูมิลำเนาไปใช้จ่ายจนหมดในเวลาไม่นาน
 
นายธนิต กล่าวว่า ขณะที่อีกมุมหนึ่งนั้น รัฐบาลต้องเสียเงิน 5 แสนล้านบาทในการทำโครงการนี้ ซึ่งจะกลายเป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะประเทศ โดยปัจจุบันอยู่ราว 62% ต่อจีดีพี ถ้าเพิ่มอีก 5 แสนล้านบาทก็จะกลายเป็น 64% จีดีพี ซึ่งใกล้เต็มเพดาน 70% และยังเป็นภาระต้นทุนของประเทศ ที่จะหาเงินจากไหนไปชำระหนี้ก้อนนี้คืนในอนาคตที่กำหนดไว้ใน 4 ปี ด้วย
 
นายธนิต กล่าวว่า ดังนั้นการออกโครงการเงินดิจิทัล อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งก็ความคุ้มค่าของโครงการเองก็ไม่ได้มีหน่วยงานรัฐบาลที่ออกประเมิน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งก็เป็นฝ่ายยืนกรานในทางไม่เห็นด้วยกับโครงการ แถมในที่ประชุมยังขอสงวนถ้อยคำที่คัดค้าดไว้ด้วย ซึ่งปกติไม่ค่อยเห็นว่าจะมีการจบประชุมและสรุปแบบไม่ตกผลึกกัน ซึ่งเวลาประชุมผู้บริหาร แม้แต่เอกชน ก็ต้องมีการตกผลึกกันให้ได้ระหว่างผู้ที่ไม่เห็นด้วย ถึงจะบริหารไปในทิศทางเดียวกันได้
 
ส่วนเงินไขผู้ได้รับสิทธิ เป็นประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป และมีเงินเดือนต่ำกว่า 7 หมื่นบาท หรือมีเงินในบัญชีรวมกันน้อยกว่า 5 แสนบาท นั้น สำหรังเงินเดือน 7 หมื่นบาท ถ้าเป็นข้าราชการถือเป็น ระดับอธิบดี หรือเอกชน ก็ระดับผู้จัดการ ซึ่งเป็นกลุ่มคนมีกำลังซื้อ ขณะเดียวกัน คนไทยก็มีเงินฝากเฉลี่ยไม่ถึง 5 แสนบาทอยู่แล้ว ดังนั้น จึงคิดว่า รัฐบาลไปตั้งเพดานเงื่อนไขไว้สูงเกินไป ซึ่งหากรัฐบาลพิจารณาลดเพดานนี้ลง เงินที่ใช้ในโครงการอาจจะไม้ต้องมากขนาดนี้” นายธนิตกล่าว
 
นายธนิต กล่าวว่า ส่วนการใช้จ่ายเงิน 10,000 บาทนั้น ถ้าให้ทีเดียวทั้งก้อน ไม่นานก็ใช้จ่ายหมด ดังนั้นก็มองจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในวูบเดียวเท่านั้น จึงอาจจะไม่คุ้ม ทเหมือนกับที่รัฐบาลมองไว้ว่า เศรษฐกิจไทยจะโตได้ ถ้าจะให้ดีอยากเสนอให้มีการแบ่งเงินออกเป็น 2-3 งวด จะได้มีการแบ่งใช้จ่ายหลายรอบ และการใช้จ่ายในครั้งนี้ก็อาจจะกระจุก ที่ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อของนายทุนใหญ่กเสียหมด ซึ่งเงินเมื่อเข้าไปหาทุนใหญ่แล้ว มันจะไม่เกิดการกระจายต่อ หมุนเวียน ตามทฤษฎีทวีคูณได้ เพราะเงินที่อยู่ในมือนายทุนใหญ่ส่งต่อไปสู่ซัพพลายเชน ที่เป็นอุตสาหกรรมทั้งนั้น
 
นายธนิต กล่าวว่า นอกจากนี้ โครงการคู่ขนานกันอย่าง กองทุนเพิ่มขีดความสามารถ ใช้งบประมาณอีก 1 แสนล้านบาท ก็ยังไม่ชัดเจน อยู่ดีๆก็โผล่ขึ้นมา ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร



เจ๊หน่อย เย้ยนายกฯ ไม่ใช้ฝีมือ กู้มาแจกใครๆก็ทำได้ เรียกร้อง ‘ไม่กู้’ อย่างที่เคยพูด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4278420
 
เจ๊หน่อย เย้ยนายกฯ ไม่ใช้ฝีมือ กู้มาแจกใครๆ ก็ทำได้ เรียกร้องไม่กู้ อย่างที่เคยพูด
 
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเอ็กซ์ แสดงความคิดเห็นกรณีรัฐบาลเตรียมออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท มาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า
 
ดิฉันเห็นด้วยกับการช่วยเหลือประชาชนและการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การกู้มาแจก ทั้งที่นายกฯ ยืนยันมาตลอดมาว่าไม่กู้ จะเป็นความเสี่ยง และภาระที่คนไทยต้องใช้หนี้มหาศาล
 
กู้มาแจก ใครก็ทำได้ ไม่ต้องใช้ฝีมือในการบริหาร
 
เหมือนลดค่าไฟ ค่ารถไฟฟ้า ที่ไม่ได้ปรับโครงสร้างที่แท้จริงค่ะ
 
ดังนั้นจึงเรียกร้องให้นายกฯทำตามคำพูดของตนเอง ว่าจะ ไม่กู้เงินมาแจก
 
จะใช้การตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็น และรายได้จากการเก็บภาษีที่ได้เพิ่ม ซึ่งเป็นหลักการถูกต้อง
ไม่ใช่กู้มาแจก ค่ะ

https://twitter.com/sudaratofficial/status/1723301911125021045
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่