JJNY : ประจักษ์ชี้รากปัญหา‘กระบวนการยุติธรรม’│สภาไฟเขียวแถลง2วัน│“วิโรจน์”บอก“เศรษฐา”อย่าว้าวุ่น│อุตุฯโลกชี้ 3ด.ร้อนสุด

ประจักษ์ ชี้รากปัญหา ‘กระบวนการยุติธรรม’ หลายมาตรฐาน ถ้าไม่ ‘ปฏิรูป’ ปท.ก็ไม่เดินหน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4168079
 
 
ประจักษ์ ชี้ถ้าไม่ ‘ปฏิรูป’ กระบวนการยุติธรรม สลายความขัดแย้งยาก ปท.ก็ไม่เดินหน้า

เมื่อวันที่ 7 กันยายน รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ได้เผยแพร่ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม x หรือทวิตเตอร์ ระบุว่า
 
กระบวนการยุติธรรมที่มีหลายมาตรฐานและขาดความเสมอภาค คือ 
สาเหตุรากฐานของความขัดแย้งทางสังคม 
ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง 
ความล้มเหลวในการขจัดคอร์รัปชั่น 
และกระทบความน่าเชื่อถือของประเทศในสายตานานาชาติ
 
หากไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมก็ยากที่จะคลี่คลายความขัดแย้งและเดินหน้าประเทศ
 
https://twitter.com/bkksnow/status/1699660217515196893
 

 
สภาไฟเขียว แถลงนโยบาย 2 วัน รวม 30 ชั่วโมง ‘ก้าวไกล’ ยันไม่ใช้เป็นเวทีซักฟอก
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7854388

สภา ไฟเขียว ถกแถลงนโยบาย 2 วัน รวม 30 ชั่วโมง ให้ฝ่ายค้านถล่ม 14 ชม. วันนอร์ เผย ‘ก้าวไกล’ ยันเอง ไม่ใช้เป็นเวทีซักฟอก ไม่กังวลม็อบ แนะให้ดูถ่ายทอดสด
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 7 ก.ย.2566 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วม 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฏร เป็นประธานการประชุม มีตัวแทนจากสว. สส. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาทิ นายสมคิด เชื้อคง ตัวแทน ครม. นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย

ตัวแทนพรรคฝ่ายค้าน มีนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ นายประมวล พงษ์ถาวราเดช สส.ประจวบคีรีขันธ์ และประธานสส. พรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนสว. นายมหรรณพ เดชพิทักษ์ สว. เป็นต้น เพื่อหารือวางกรอบเวลาการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา และแบ่งสัดส่วนเวลาของแต่ละฝ่าย ซึ่งใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง 30 นาที
 
จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ ให้สัมภาษณ์ว่า บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นผ่อนปรนไปมา เพื่อให้การประชุมเรียบร้อย โดยการประชุมเพื่อแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 ก.ย.-12 ก.ย. รวมทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง แบ่งเป็น ประธานรัฐสภา 1 ชั่วโมง ฝ่ายครม. แถลงและชี้แจง 5 ชั่วโมง สว. 5 ชั่วโมง รัฐบาล 5 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง
 
ทั้งนี้ คิดว่าคงเพียงพอที่ทุกฝ่ายจะปรับเวลาที่ชัดเจนให้เป็นไปตามจำนวนคน คาดว่าคงไม่เกินในเวลาที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้การประชุมจบด้วยดี ไม่มีใครไม่ยอม แม้ทุกฝ่ายจะอยากได้เวลา แต่เมื่อทราบข้อจำกัดของเวลา และความสนใจของประชาชนแล้ว จึงตกลงกันเช่นนี้
 
การประชุมทั้ง 2 วัน คาดว่าในวันแรกอาจเลิกดึก แต่คงไม่เกินเที่ยงคืน และวันที่สอง คงไม่เกิน 23.00 น. แม้บางฝ่ายจะบอกว่าไม่อยากให้เกิน 21.00 น. แต่เพื่อให้การอภิปรายในวันถัดมา มีคุณภาพมากขึ้น และความสนใจของประชาชน รวมถึงครม. แจ้งว่า ในวันที่ 13 ก.ย.จะประชุมครม. ทุกฝ่ายจึงบอกว่าจะกลับไปเตรียมทั้งตัวบุคคลและเนื้อหาสาระให้ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์มากที่สุด” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
 
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึงฝ่ายค้านหรือไม่ เนื่องจากฝ่ายค้านอยากใช้เวทีนี้ซักฟอกรัฐบาล นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านยืนยันเองว่า จะอยู่ในกรอบเรื่องนโยบายและความเป็นไปได้ในการปฏิบัติตามนโยบายนั้น แต่ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนคิดว่าฝ่ายค้านตอนนี้ เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ มีข้อมูลพร้อมอภิปรายในกรอบกฎหมายและข้อบังคับ รวมถึงความสนใจของประชาชน
 
ต่อข้อถามถึงการรักษาความปลอดภัยในวันประชุม จะเป็นไปตามกฎระเบียบ หรือต้องเข้มเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากอาจมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาในบางวัน นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า คิดว่าคงไม่มีกลุ่มผู้ชุมนุม หรือมีการกดดันสภา เพราะประชาชนติดตามการประชุมผ่านการถ่ายทอดสดในหลายช่องทาง และทุกฝ่ายคงอยากให้การอภิปราย เรียบร้อยและมีคุณภาพ ไม่มีแรงกดดันใดๆ นอกจากเนื้อหาที่จะพูดอย่างเต็มที่
 
หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาที่สภาฯ คงไม่เกิดประโยชน์ ไม่ได้หมายความว่าสภาฯจะรังเกียจ การมีผู้ชุมนุมหรือผู้สนับสนุนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ช่วงอภิปรายต้องใช้เวลา หากมาคงเสียทั้งค่าใช้จ่าย และเวลามาก



“วิโรจน์” บอก “เศรษฐา” เป็นนายกฯครั้งแรกอย่าว้าวุ่น เตรียมตัวมาตอบคำถามตรงไปตรงมาดีกว่า อย่ากังวลถูกถล่มหนัก "ก.ก." ไม่ฟาดฟันทุกวาระ จ้องทวงถามสัญญารัฐบาลก่อนเลือกตั้ง
https://siamrath.co.th/n/475505

วันที่ 7 ก.ย.2566 เวลา 12.20 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปส.ส.พรรคก้าวไกล  ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมวิป 3 ฝ่ายกำหนดวันแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 11 ก.ย.ว่า การประชุมเป็นบรรยากาศกระชับมิตร ทุกคนพูดสอดคล้องกัน โดยจะมีการประชุม 2 วัน คือวันที่ 11-12 ก.ย. ฝ่ายค้านได้เวลา 14 ชม. วุฒิสภา 5 ชั่วโมง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 5 ชม. ครม. 5 ชม. และจะพยายามไม่ให้เลิกดึกมากเกินไป เนื่องจากในช่วงเช้าวันที่ 13 ก.ย.จะมีการประชุมครม.
 
เมื่อถามถึงไม้เด็ดของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลครั้งนี้มีอะไรบ้าง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ใช่ไม้เด็ดอะไร เพราะการแถลงนโยบายของครม.ต่อสภาฯเป็นวาระที่สำคัญมาก เป็นการให้สัญญาต่อประชาคม ว่า 4 ปีหลังจากนี้รัฐบาลจะทำอะไรบ้าง พรรคก้าวไกลจะสอบถามในเรื่องนโยบายต่าง ๆและจะตั้งข้อสงสัย รวมถึงทวงถามคำสัญญาที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง ว่าจะดำเนินการเรื่องต่าง ๆอย่างไร โดยพรรคก้าวไกลได้เตรียมบุคคลที่จะอภิปรายไว้แล้ว
 
เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลได้หารือกับพรรคประชาธิปัตย์ในการแบ่งคนอภิปรายอย่างไรบ้าง นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ได้พูดคุยเบื้องต้นกับประมวล พงศ์ถาวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ แต่นายประมวลขอนำไปหารือกับส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก่อน และในช่วงบ่ายสองจะพูดคุยกันอีกรอบ เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
 
เมื่อถามว่ามีเรื่องอะไรที่พรรคก้าวไกลจะเน้นอภิปรายเป็นพิเศษหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เราให้ความสำคัญหลายเรื่องทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง สังคม ความเท่าเทียม เรื่องสุราก้าวหน้า การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แต่เรื่องหลักคือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทางแกนนำรัฐบาลได้เคยให้สัญญาไว้ รวมถึงเราจะทวงถามในรายละเอียดในแต่ละนโยบาย จะดำเนินการอย่างไรและผลระยะยาวจะเป็นอย่างไร
 
เมื่อถามว่าฝ่ายรัฐบาลขอว่าการแถลงนโยบายครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ทุกคนน่าจะเห็นจากสมัยที่แล้วว่าพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ไม่ได้จะมาฟาดฟันกันทุกวาระ แต่การแถลงนโยบายประชาชนจะได้ประโยชน์มาก ถ้าครม.ได้ตอบคำถามของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้อย่างชัดเจนทั้งหมดถือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นของสังคมและประชาชนในการเริ่มต้นทำงานของรัฐบาล
 
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นนายกฯครั้งแรก ทีนีก็เลยว้าวุ่น ขอให้สบายๆเริ่มต้นด้วยความมั่นใจดีกว่าอย่าเริ่มต้นด้วยความกลัว ส่วนที่เห็นจะมีการตั้งองครักษ์จะตั้งทำไม ก็ตอบตรงไปตรงมาก็จบแล้ว สบาย ๆ
 
เมื่อถามว่าคาดหวังว่ารัฐบาลชุดนี้จะให้ความสำคัญกับรัฐสภามากกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า คาดหวังอยู่แล้ว ในฐานะส.ส.ก็หวังอย่างยิ่งว่าเพราะพรรคเพื่อไทยก็เคยเป็นฝ่ายค้านร่วมกันมาก่อน เคยรู้ถึงความบอบช้ำที่รัฐบาลชุดที่แล้วไม่ให้ความสำคัญมาตอบคำถาม ก็ขอให้สมานฉันท์ สมานแปลว่าร่วมกัน ฉันท์แปลว่ากินหรือเปล่า
 
"เราก็อภิปรายตามเนื้อหาอยู่แล้ว ทำไมฝากเยอะจัง กลัวหรือเปล่า อย่าพึ่งกลัวเลย นายเศรษฐาเป็นนายกฯครั้งแรก พึ่งมาร่วมกับลุงที่นี่ก็เลยว้าวุ่นเลย อย่าว้าวุ่น เตรียมสมาธิดีกว่า" นายวิโรจน์ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่