
.
‘พริษฐ์’ ทันควัน! ลั่น ‘ปชน.’ ตั้งทีมรอชำแหละนโยบาย ‘รัฐบาลอนุทิน’ 4 ประเด็น ย้ำ จุดยืนสอบทุกรัฐบาลเหมือนกัน ยัน ไม่อุ้มใคร บอกไม่กังวลรัฐบาลกลายร่างเป็นเสียงข้างมาก ถ้าฝ่ายค้านรักษาเอกภาพสส.ได้ เสียงแข็ง ไม่ยื่นมาตรฐานจริยธรรม แต่ถ้ามีทุจริตยื่นองค์กรอิสระแน่
.
เมื่อวาน 09.30 น. วันที่ 19 กันยายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบหน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า บทบาทของพรรคปชน. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเวทีแรกที่เป็นเวทีสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ คือเวทีการอภิปรายเรื่องคำแถลงนโยบาย โดยทาง พรรคปชน.มีการตั้งทีม และเตรียมผู้อภิปรายในระดับหนึ่งแล้ว แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ได้แก่
.
1. การตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญา ตามเงื่อนไข MOA และตรวจสอบกรอบเวลาการทำงานของรัฐบาลตามเงื่อนไข 4 เดือน รวมถึงรายละเอียดแก้ไขรัฐธรรมนูญ
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า 2. เดินหน้าตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทั้งกรณีฮั้วสว. และที่ดินเขากระโดง ซึ่งขณะนี้มีทีมที่ถูกตั้งขึ้นมานำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน. ได้รวบรวมข้อมูลและเตรียมอภิปรายในเรื่องดังกล่าว
.
3. ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้าที่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำให้คุณภาพชีวิตและปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่งที่มีการแย้มออกมาจะมีเงื่อนไขอย่างไรที่จะสามารถเพิ่มการบริโภคได้จริง ไม่ใช่เป็นการย้ายการบริโภค จากร้านค้าที่อยู่นอกโครงการมาอยู่ในโครงการเท่านั้น รวมถึงการป้องกันไม่ให้มีการใช้งบประมาณปี 69 เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองหรือตนเอง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและประชาชน
.
4. ตรวจสอบความเหมาะสมของรายชื่อครม.ที่ประกาศมา และเมื่อดูจากรายชื่อแล้วก็เป็นไปตามโผ ซึ่งมีทั้งรายชื่อใหม่ที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น กรณีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นอดีตตำรวจในจังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ในทีมหรือภายใต้การบังคับบัญชาของอดีตตำรวจท่านหนึ่งที่เป็นสว.อยู่ และถูกตั้งคำถามคดีฮั้วสว.อยู่ และมีหลายรายชื่อที่เป็นชื่อเดิม เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรายังคงตั้งคำถามถึงความเหมาะสมเรื่องคุณสมบัติ และศักยภาพในการทำงาน
.
เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเรื่องกัญชาด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในหมวดหมู่ที่สองที่สังคมตั้งข้อครหา นอกจากเรื่องเขากระโดงกับฮั้วสว.แล้ว ก็คงจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของพรรคภท.เช่นกัน ทั้งจุดยืนเรื่องนโยบายกัญชาและคดีการเมือง โดยภายหลังจากที่นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนมีความกังวลเพราะจะเห็นว่ามีประชาชนหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการประกันตัว รวมถึงการดำเนินคดีและจำคุกที่มีโทษสูง 10-20 ปี เป็นหลายประเด็นที่ต้องจับตาดูว่าท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นเช่นไร
.
เมื่อถามว่า ให้คะแนนครม.ชุดใหม่เท่าไหร่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเจอคำถามนี้ในฐานะสส.ฝ่ายค้าน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร จึงขอใช้มาตรฐานเดิมคือไม่ให้ตัวเลข เพราะท้ายที่สุดคนที่ให้ตัวเลขได้ดีที่สุดคือประชาชน ย้ำว่าต้องตรวจสอบนโยบายในระยะเวลา 4 เดือนว่าจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ตรงจุดหรือไม่ และมีหลายรายชื่อที่เราตั้งคำถามถึงความเหมาะสมอยู่ และหากเป็นรายชื่อของบุคคลเหล่านั้นก็ให้คะแนนเท่ากัน ประชาชนคิดว่าควรให้คะแนนแบบไหนในสมัยก่อน ในเวลานี้ก็น่าจะเป็นคะแนนพอๆ กัน
.
เมื่อถามถึง การวางตัวรัฐมนตรีชุดใหม่ที่สังคม กังวลและตั้งข้อสังเกตโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคดีความของแกนนำรัฐบาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคปชน. ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือตรวจสอบรัฐบาลก่อนหน้าอย่างไรก็จะตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทินเช่นนั้น และคิดว่าให้การกระทำในช่วง 4 เดือนข้างหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงความจริงใจของพรรคปชน.
.
เมื่อถามว่า หน้าตาของครม.ชุดใหม่ที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต จะนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในการไม่ปฏิบัติตาม MOA หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า MOA ไม่ได้พูดถึงเรื่องของรายละเอียดครม. เพราะเราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบครม.อนุทิน จะไม่น้อยไปกว่าครม. ชุดก่อน กลไกที่ผ่านมาเราใช้กลไกของสภา ในการตรวจสอบทั้งการตั้งกระทู้ถามสด การยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาหรือกลไกกรรมาธิการ ไปจนถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น เรายังคงใช้มาตรฐานเดิมในการตรวจสอบการทำหน้าที่ครม.นายอนุทิน
.
ถามย้ำว่า การทำงานการเมืองของพรรคปชน.ในขณะนี้ไม่ได้อุ้มพรรค ภท.อยู่ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้อุ้มใครอยู่ทั้งนั้น และความจริงแล้วตนอยากชวนให้คิดว่าเราทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือครม.ของนายอนุทิน มีเสียงในสภาน้อยกว่าครม.ชุดก่อน ดังนั้น หากพรรคฝ่ายค้านแม้จะมีความเห็นที่ต่างกันในบางประเด็น แต่ถ้าจุดที่เรามีร่วมกันในการตรวจสอบรัฐบาล จะทำให้ฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตรวจสอบครม.นายอนุทินมากกว่าที่เราเคยมีในครม.ชุดก่อนด้วยซ้ำ
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกฎหมายในสภามีการพิจารณากฎหมายหลายฉบับในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาจากพรรคปชน. หรือพรรคอื่นที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลในเวลานี้เยอะเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เรามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย
.
“ลองจินตนาการหากครม. เสนอกฎหมายอะไรมา แล้วพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยไม่เห็นชอบ กฎหมายก็จะผ่านไม่ได้ ผมเข้าใจในความรู้สึกของพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะมีคำถามหรือมีความเห็นต่างกับพรรคประชาชนในบางประเด็น แต่ก็อยากจะเชิญชวนด้วยความจริงใจว่าอะไรที่เห็นตรงกัน ให้มาร่วมกันตรวจสอบจะทำให้ฝ่ายค้านมีพลัง” นายพริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามถึง กรณีที่มีความกังวลว่าจะมีการแปลงร่างจากเสียงรัฐบาลข้างน้อยไปเป็นเสียงข้างมากนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ลองเอาคณิตศาสตร์มากางกันดู ถ้าพรรคปชน.และพรรคเพื่อไทย (พท.) สามารถรักษาความเป็นเอกภาพของสส.พรรคตัวเองได้ เอาแค่สองพรรครวมกันเป็น 280 เสียง หรือหากบวกพรรคประชาชาติอีก 10 เสียง ได้ประมาณ 290 เสียง บวกลบคูณหารแล้วรัฐบาลรวมกันได้มากสุดแค่ 210-220 เสียง ดังนั้น ตราบใดที่พรรคปชน.และพรรค พท.ทำหน้าที่ของตัวเอง ในการรักษาเอกภาพของสส.ตัวเองได้ เราก็ไม่มีความกังวล เรื่องรัฐบาลเสียงข้างมากจากคณิตศาสตร์ที่เป็นอยู่ในวันนี้
.
เมื่อถามว่า พรรคปชน.ไม่เห็นด้วยกับนิติสงครามมาตลอด แต่เมื่อดูรายชื่อครม.ชุดใหม่แล้ว มีคนที่เป็นสายล่อฟ้ารวมถึงอาจจะมีการยื่นองค์กรอิสระ เพื่อตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติ นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืนพรรคปชน.เหมือนเดิม เราตรวจสอบรัฐบาลก่อนอย่างไร ก็จะตรวจสอบรัฐบาลนี้เช่นนั้น และเรื่องการใช้องค์กรอิสระในการตรวจสอบ ก็ยังเหมือนเดิมคือหากมีการกระทำใดที่เป็นการทุจริต เรามองว่าเรื่องการทุจริตเป็นเรื่องที่มีนิยามชัดเจน สามารถใช้มาตรการทางกฎหมายได้ ทั้งกลไกขององค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก็มีการดำเนินการมาตลอด ย้อนไปตั้งแต่สมัยของพรรคก้าวไกล ในกรณีการตรวจสอบของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หรือกรณีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของสภาฯ ในกรณีของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เราก็มีการใช้กลไกองค์กรอิสระในการตรวจสอบการทุจริต แต่สิ่งที่เรามีจุดยืนแตกต่างกันออกไป คือมาตรฐานจริยธรรม เพราะเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างนิยามไม่เหมือนกัน และอาจนำไปสู่การใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจได้ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เรามีมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และเป็นจุดยืนเดิมที่เราจะใช้ในการตรวจสอบทุกรัฐบาล ไม่ว่าหน้าตานายกรัฐมนตรีหรือครม. เป็นอย่างไร.
.
.
วันนอร์ ยันแถลงนโยบายไม่ทัน 25-26 ก.ย. โยนวิป 3 ฝ่ายเคาะ ขีดเส้นห้ามเกิน 15 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5374236
.
วันนอร์ บอก แถลงนโยบายรัฐบาล ไม่ทัน 25-26 ก.ย. ด้าน ‘โฆษกภูมิใจไทย’ ชี้ ประธานฯจะบรรจุวาระต้องแจ้งล่วงหน้า 5 วัน คาดได้ข้อสรุปหลังวิป 3 ฝ่ายหารือ วางคร่าวๆ 29 ก.ย. ไม่เกิน 1 ต.ค.นี้
.
เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ว่าต้องรอรัฐบาลแจ้งมาที่สภาว่าพร้อมจะแถลงนโยบายช่วงไหน จากนั้นวิป 3 ฝ่าย จะประชุมเพื่อกำหนดวันและเวลา ซึ่งตนติดตามอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาล ซึ่งการแถลงนโยบายจะต้องดำเนินการหลังจากที่นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ
.
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายรัฐบาล ในวันที่ 25-26 กันยายนนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยัง ต้องรอรัฐบาลพร้อมและแจ้งต่อสภาว่าจะแถลงนโยบายช่วงไหน ซึ่งมีกรอบระยะเวลาอยู่แล้ว ว่าหลังถวายสัตย์ปฏิญาณจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่เกิน 15 วัน แต่ยืนยันว่าทางสภาจะรีบดำเนินการให้โดยเร็ว
.
ขณะที่ น.ส.
แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 25 กันยายนนี้ เนื่องจากตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา กำหนดว่าการบรรจุวาระจะต้องแจ้งล่วงหน้า 5 วัน ดังนั้น หากนับจากวันที่ 24 กันยายน คาดว่าจะแถลงนโยบายได้วันที่ 29-30 กันยายน หรือ 30 กันยายน – 1 ตุลาคม โดยวิป 3 ฝ่ายจะมีการหารือวันที่ 25 – 26 กันยายนนี้ ซึ่งจะได้ข้อสรุปว่าจะแถลงนโยบายรัฐบาลวันใด
.
.
ชาวบ้านชายแดน หวั่นเกิดปะทะรอบ 2 ขอ "แม่ทัพภาคที่ 2" จัดการก่อนเกษียณ
.
ชาวบ้านชายแดนใกล้ปราสาทตาเมือนธม หวั่นเกิดปะทะรอบ 2 พร้อมขอ "แม่ทัพภาคที่ 2" จัดการก่อนเกษียณ
.
วันที่ 19 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่หมู่บ้านตาเมียง ม.1 หมู่บ้านหนองคันนา ม.8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม พบว่าชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิต ออกไปทำไร่ทำนา กรีดยาง นำวัวควายออกไปผูก และค้าขายกันตามปกติ
.
ขณะที่ผู้สูงอายุ ได้พากันนำใบมะพร้าวอ่อนมาเตรียมห่อข้าวต้มมัดใบมะพร้าว เพื่อเตรียมจัดพิธี แซนโฎนตา (แซน-โดน-ตา) หรือที่เรียกว่า พิธีเซ่นไหว้บูชาบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นประเพณีของชาวเขมรท้องถิ่นอีสานใต้ คล้ายกับ วันสารทไทย หรือสารทจีน นั่นเอง ที่ถือปฏิบัติสืบทอดกันมา ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิบ ของทุกปี จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ประเพณีสารทเดือนสิบ"
JJNY : พริษฐ์ลั่นไม่อุ้มใคร│วันนอร์โยนวิป 3 ฝ่ายเคาะ│ชาวบ้านชายแดนหวั่นเกิดปะทะรอบ 2│ทัพภาคที่ 2 พบโดรนกัมพูชา 28 ลำ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5374100
.
‘พริษฐ์’ ทันควัน! ลั่น ‘ปชน.’ ตั้งทีมรอชำแหละนโยบาย ‘รัฐบาลอนุทิน’ 4 ประเด็น ย้ำ จุดยืนสอบทุกรัฐบาลเหมือนกัน ยัน ไม่อุ้มใคร บอกไม่กังวลรัฐบาลกลายร่างเป็นเสียงข้างมาก ถ้าฝ่ายค้านรักษาเอกภาพสส.ได้ เสียงแข็ง ไม่ยื่นมาตรฐานจริยธรรม แต่ถ้ามีทุจริตยื่นองค์กรอิสระแน่
.
เมื่อวาน 09.30 น. วันที่ 19 กันยายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบหน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า บทบาทของพรรคปชน. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเวทีแรกที่เป็นเวทีสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ คือเวทีการอภิปรายเรื่องคำแถลงนโยบาย โดยทาง พรรคปชน.มีการตั้งทีม และเตรียมผู้อภิปรายในระดับหนึ่งแล้ว แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ได้แก่
.
1. การตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญา ตามเงื่อนไข MOA และตรวจสอบกรอบเวลาการทำงานของรัฐบาลตามเงื่อนไข 4 เดือน รวมถึงรายละเอียดแก้ไขรัฐธรรมนูญ
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า 2. เดินหน้าตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทั้งกรณีฮั้วสว. และที่ดินเขากระโดง ซึ่งขณะนี้มีทีมที่ถูกตั้งขึ้นมานำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน. ได้รวบรวมข้อมูลและเตรียมอภิปรายในเรื่องดังกล่าว
.
3. ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้าที่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำให้คุณภาพชีวิตและปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่งที่มีการแย้มออกมาจะมีเงื่อนไขอย่างไรที่จะสามารถเพิ่มการบริโภคได้จริง ไม่ใช่เป็นการย้ายการบริโภค จากร้านค้าที่อยู่นอกโครงการมาอยู่ในโครงการเท่านั้น รวมถึงการป้องกันไม่ให้มีการใช้งบประมาณปี 69 เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองหรือตนเอง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและประชาชน
.
4. ตรวจสอบความเหมาะสมของรายชื่อครม.ที่ประกาศมา และเมื่อดูจากรายชื่อแล้วก็เป็นไปตามโผ ซึ่งมีทั้งรายชื่อใหม่ที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น กรณีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นอดีตตำรวจในจังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ในทีมหรือภายใต้การบังคับบัญชาของอดีตตำรวจท่านหนึ่งที่เป็นสว.อยู่ และถูกตั้งคำถามคดีฮั้วสว.อยู่ และมีหลายรายชื่อที่เป็นชื่อเดิม เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรายังคงตั้งคำถามถึงความเหมาะสมเรื่องคุณสมบัติ และศักยภาพในการทำงาน
.
เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเรื่องกัญชาด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในหมวดหมู่ที่สองที่สังคมตั้งข้อครหา นอกจากเรื่องเขากระโดงกับฮั้วสว.แล้ว ก็คงจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของพรรคภท.เช่นกัน ทั้งจุดยืนเรื่องนโยบายกัญชาและคดีการเมือง โดยภายหลังจากที่นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนมีความกังวลเพราะจะเห็นว่ามีประชาชนหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการประกันตัว รวมถึงการดำเนินคดีและจำคุกที่มีโทษสูง 10-20 ปี เป็นหลายประเด็นที่ต้องจับตาดูว่าท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นเช่นไร
.
เมื่อถามว่า ให้คะแนนครม.ชุดใหม่เท่าไหร่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเจอคำถามนี้ในฐานะสส.ฝ่ายค้าน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร จึงขอใช้มาตรฐานเดิมคือไม่ให้ตัวเลข เพราะท้ายที่สุดคนที่ให้ตัวเลขได้ดีที่สุดคือประชาชน ย้ำว่าต้องตรวจสอบนโยบายในระยะเวลา 4 เดือนว่าจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ตรงจุดหรือไม่ และมีหลายรายชื่อที่เราตั้งคำถามถึงความเหมาะสมอยู่ และหากเป็นรายชื่อของบุคคลเหล่านั้นก็ให้คะแนนเท่ากัน ประชาชนคิดว่าควรให้คะแนนแบบไหนในสมัยก่อน ในเวลานี้ก็น่าจะเป็นคะแนนพอๆ กัน
.
เมื่อถามถึง การวางตัวรัฐมนตรีชุดใหม่ที่สังคม กังวลและตั้งข้อสังเกตโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคดีความของแกนนำรัฐบาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคปชน. ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือตรวจสอบรัฐบาลก่อนหน้าอย่างไรก็จะตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทินเช่นนั้น และคิดว่าให้การกระทำในช่วง 4 เดือนข้างหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงความจริงใจของพรรคปชน.
.
เมื่อถามว่า หน้าตาของครม.ชุดใหม่ที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต จะนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในการไม่ปฏิบัติตาม MOA หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า MOA ไม่ได้พูดถึงเรื่องของรายละเอียดครม. เพราะเราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบครม.อนุทิน จะไม่น้อยไปกว่าครม. ชุดก่อน กลไกที่ผ่านมาเราใช้กลไกของสภา ในการตรวจสอบทั้งการตั้งกระทู้ถามสด การยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาหรือกลไกกรรมาธิการ ไปจนถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น เรายังคงใช้มาตรฐานเดิมในการตรวจสอบการทำหน้าที่ครม.นายอนุทิน
.
ถามย้ำว่า การทำงานการเมืองของพรรคปชน.ในขณะนี้ไม่ได้อุ้มพรรค ภท.อยู่ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้อุ้มใครอยู่ทั้งนั้น และความจริงแล้วตนอยากชวนให้คิดว่าเราทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือครม.ของนายอนุทิน มีเสียงในสภาน้อยกว่าครม.ชุดก่อน ดังนั้น หากพรรคฝ่ายค้านแม้จะมีความเห็นที่ต่างกันในบางประเด็น แต่ถ้าจุดที่เรามีร่วมกันในการตรวจสอบรัฐบาล จะทำให้ฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตรวจสอบครม.นายอนุทินมากกว่าที่เราเคยมีในครม.ชุดก่อนด้วยซ้ำ
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกฎหมายในสภามีการพิจารณากฎหมายหลายฉบับในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาจากพรรคปชน. หรือพรรคอื่นที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลในเวลานี้เยอะเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เรามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย
.
“ลองจินตนาการหากครม. เสนอกฎหมายอะไรมา แล้วพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยไม่เห็นชอบ กฎหมายก็จะผ่านไม่ได้ ผมเข้าใจในความรู้สึกของพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะมีคำถามหรือมีความเห็นต่างกับพรรคประชาชนในบางประเด็น แต่ก็อยากจะเชิญชวนด้วยความจริงใจว่าอะไรที่เห็นตรงกัน ให้มาร่วมกันตรวจสอบจะทำให้ฝ่ายค้านมีพลัง” นายพริษฐ์ กล่าว
.
เมื่อถามถึง กรณีที่มีความกังวลว่าจะมีการแปลงร่างจากเสียงรัฐบาลข้างน้อยไปเป็นเสียงข้างมากนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ลองเอาคณิตศาสตร์มากางกันดู ถ้าพรรคปชน.และพรรคเพื่อไทย (พท.) สามารถรักษาความเป็นเอกภาพของสส.พรรคตัวเองได้ เอาแค่สองพรรครวมกันเป็น 280 เสียง หรือหากบวกพรรคประชาชาติอีก 10 เสียง ได้ประมาณ 290 เสียง บวกลบคูณหารแล้วรัฐบาลรวมกันได้มากสุดแค่ 210-220 เสียง ดังนั้น ตราบใดที่พรรคปชน.และพรรค พท.ทำหน้าที่ของตัวเอง ในการรักษาเอกภาพของสส.ตัวเองได้ เราก็ไม่มีความกังวล เรื่องรัฐบาลเสียงข้างมากจากคณิตศาสตร์ที่เป็นอยู่ในวันนี้
.
เมื่อถามว่า พรรคปชน.ไม่เห็นด้วยกับนิติสงครามมาตลอด แต่เมื่อดูรายชื่อครม.ชุดใหม่แล้ว มีคนที่เป็นสายล่อฟ้ารวมถึงอาจจะมีการยื่นองค์กรอิสระ เพื่อตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติ นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืนพรรคปชน.เหมือนเดิม เราตรวจสอบรัฐบาลก่อนอย่างไร ก็จะตรวจสอบรัฐบาลนี้เช่นนั้น และเรื่องการใช้องค์กรอิสระในการตรวจสอบ ก็ยังเหมือนเดิมคือหากมีการกระทำใดที่เป็นการทุจริต เรามองว่าเรื่องการทุจริตเป็นเรื่องที่มีนิยามชัดเจน สามารถใช้มาตรการทางกฎหมายได้ ทั้งกลไกขององค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก็มีการดำเนินการมาตลอด ย้อนไปตั้งแต่สมัยของพรรคก้าวไกล ในกรณีการตรวจสอบของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หรือกรณีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของสภาฯ ในกรณีของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เราก็มีการใช้กลไกองค์กรอิสระในการตรวจสอบการทุจริต แต่สิ่งที่เรามีจุดยืนแตกต่างกันออกไป คือมาตรฐานจริยธรรม เพราะเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างนิยามไม่เหมือนกัน และอาจนำไปสู่การใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจได้ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เรามีมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และเป็นจุดยืนเดิมที่เราจะใช้ในการตรวจสอบทุกรัฐบาล ไม่ว่าหน้าตานายกรัฐมนตรีหรือครม. เป็นอย่างไร.
.
.
วันนอร์ ยันแถลงนโยบายไม่ทัน 25-26 ก.ย. โยนวิป 3 ฝ่ายเคาะ ขีดเส้นห้ามเกิน 15 วัน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5374236
.
วันนอร์ บอก แถลงนโยบายรัฐบาล ไม่ทัน 25-26 ก.ย. ด้าน ‘โฆษกภูมิใจไทย’ ชี้ ประธานฯจะบรรจุวาระต้องแจ้งล่วงหน้า 5 วัน คาดได้ข้อสรุปหลังวิป 3 ฝ่ายหารือ วางคร่าวๆ 29 ก.ย. ไม่เกิน 1 ต.ค.นี้
.
เมื่อวันที่ 19 กันยายน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ภายหลังเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ว่าต้องรอรัฐบาลแจ้งมาที่สภาว่าพร้อมจะแถลงนโยบายช่วงไหน จากนั้นวิป 3 ฝ่าย จะประชุมเพื่อกำหนดวันและเวลา ซึ่งตนติดตามอยู่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานจากรัฐบาล ซึ่งการแถลงนโยบายจะต้องดำเนินการหลังจากที่นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ
.
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแถลงนโยบายรัฐบาล ในวันที่ 25-26 กันยายนนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยัง ต้องรอรัฐบาลพร้อมและแจ้งต่อสภาว่าจะแถลงนโยบายช่วงไหน ซึ่งมีกรอบระยะเวลาอยู่แล้ว ว่าหลังถวายสัตย์ปฏิญาณจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไม่เกิน 15 วัน แต่ยืนยันว่าทางสภาจะรีบดำเนินการให้โดยเร็ว
.
ขณะที่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 25 กันยายนนี้ เนื่องจากตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา กำหนดว่าการบรรจุวาระจะต้องแจ้งล่วงหน้า 5 วัน ดังนั้น หากนับจากวันที่ 24 กันยายน คาดว่าจะแถลงนโยบายได้วันที่ 29-30 กันยายน หรือ 30 กันยายน – 1 ตุลาคม โดยวิป 3 ฝ่ายจะมีการหารือวันที่ 25 – 26 กันยายนนี้ ซึ่งจะได้ข้อสรุปว่าจะแถลงนโยบายรัฐบาลวันใด
.
.
วันที่ 19 ก.ย. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่หมู่บ้านตาเมียง ม.1 หมู่บ้านหนองคันนา ม.8 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับปราสาทตาเมือนธม พบว่าชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิต ออกไปทำไร่ทำนา กรีดยาง นำวัวควายออกไปผูก และค้าขายกันตามปกติ