JJNY : พริษฐ์ลั่นอย่ายุบสภาหนี│ไอติมอัดภาพว่อนอนุทิน-เบน สมิธ│2 ส.ส.ปชน.จี้รมว.เร่งไกล่เกลี่ย│ทูตไทยพบเลขาธิการยูเอ็น

พริษฐ์ ปัดตอบยื่นซักฟอกหรือไม่ ขอใช้กลไกอื่นตรวจสอบ ลั่นรัฐบาลอย่ายุบสภาหนี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_10047631
.

.
พริษฐ์ ปัดตอบยื่นซักฟอกหรือไม่ ขอใช้กลไกอื่นตรวจสอบ ลั่นรัฐบาลอย่ายุบสภาหนี เดินหน้าถกแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 หวังองค์ประชุมไม่ล่ม
.
วันที่ 5 ธ.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระ 2 ในวันที่ 10-11 ธ.ค. นี้ ว่า ตนมองใน 2 มิติ คือ มิติแรกเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมาจะสามารถเดินหน้าตามกรอบเวลาที่เรียกร้องไปได้ เพื่อให้ทันพิจารณาวาระ 3 ช่วงใกล้ปีใหม่ เรามีความพร้อมในการเดินหน้าพิจารณาวาระ 2
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า มีบางประเด็นที่สามารถผลักดันได้สำเร็จในชั้นกรรมาธิการฯ และมีบางประเด็นที่ผลักดันไม่สำเร็จแต่สงวนความเห็นเอาไว้ เช่น ก่อนให้รัฐสภาคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน ก็ได้มีการสงวนความเห็นตามร่างหลักของพรรคประชาชน คือ ให้ประชาชนเลือกมาก่อน 70 คน ก่อนส่งรายชื่อให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน
.
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า ในมิติที่สอง การที่รัฐสภากลับมาเปิดประชุมก็จะทำให้พรรคฝ่ายค้าน สามารถใช้กลไกสภาในการตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้นขึ้น ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำท่วม หรือสแกมเมอร์ ที่ประชาชนตั้งคำถามเกี่ยวกับภาพที่เพิ่งปรากฏ เป็นต้น ทั้ง 2 มิตินี้ พอสภากลับมาเปิดเราสามารถเดินหน้าเรื่องรัฐธรรมนูญได้และมีกลไกของสภามากขึ้นในการตรวจสอบรัฐบาล
.
เมื่อถามว่าได้เน้นย้ำเรื่ององค์ประชุมกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาทุกคนควรตระหนักอยู่แล้ว ว่าหน้าที่ขั้นพื้นฐานของตัวเองคือการเข้าร่วมประชุม ก็หวังว่าองค์ประชุมจะไม่มีปัญหา ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการประชุมวิปฝ่ายค้านในวันที่ 9 ธ.ค. เพื่อหารือกันถึงกรอบระยะเวลา และหากมีการอภิปรายเยอะจนเลยวันที่ 11 ธ.ค. ยังมีวันที่ 12 ธ.ค. รองรับอยู่ เชื่อว่าวาระ 2 จะจบภายใน 3 วัน
.
“พรรคประชาชนพร้อมปฏิบัติหน้าที่และหวังว่าสมาชิกรัฐสภาทุกภาคส่วนจะเข้าใจถึงหน้าที่พื้นฐานของตัวเองในการเข้าร่วมประชุม” นายพริษฐ์กล่าว
.
เมื่อถามว่าการใช้กลไกตรวจสอบรัฐบาลหมายถึงการยื่นซักฟอกหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า พอรัฐสภากลับมาเปิดการประชุมในห้องใหญ่ ก็มีการประชุมในกลไกต่างๆ ที่เราสามารถใช้ได้ก็จะนำมาเป็นเรื่องไม้เครื่องมือในการตรวจสอบรัฐบาลมากขึ้น
.
เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจยุบสภาก่อนพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เนื่องจากเจอหลายมรสุม นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่าถ้ารัฐบาลยุบสภาเพื่อหนีการตรวจสอบ ไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชนและตัวนายกรัฐมนตรีแน่นอน
.

.
ไอติม อัดภาพว่อนอนุทิน-เบน สมิธ สะท้อนชัดหลักสูตรสร้างคอนเน็กชั่น เป็นทำเลทองเข้าถึงผู้มีอำนาจ
.
“ไอติม” สอน “อนุทิน” ถ้าอยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ ต้องไปสื่อสารกับนานาชาติ ปกป้องผลประโยชน์คนไทยจาก “สแกมเมอร์” มองภาพร่วมเฟรม “เบน สมิธ” พิสูจน์ชัดเจนที่สุด รบ.จริงจังหรือไม่ บอกแถลงอายัดทรัพย์แค่นับหนึ่งเท่านั้น ซัด ตลกร้าย หลักสูตร วปอ. เอาไว้ป้องกันประเทศ แต่กลายเป็นทำเลทองเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกวงการ
.
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพที่ปรากฏ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมเฟรมกับนายเบญจมิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายอนุทินได้ชี้แจง ตนคิดว่า สิ่งที่จะพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนที่สุดว่า รัฐบาลมีความจริงใจจริงจังในการแก้ปัญหาสแกมเมอร์หรือไม่ รัฐบาลมีความเกรงใจบุคคลใดที่มีความเชื่อมโยงเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ไม่ใช่คำพูดของนายกฯ แต่เป็นการกระทำของนายกฯและรัฐบาล
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นสิ่งที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ออกมาแถลงตนมองว่าเป็นการนับหนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้ตนอยากเชิญชวนทุกภาคส่วนรวมถึงประชาชนทุกคนจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าหลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าขยายผลจากการแถลงข่าวของ ปปง. อย่างไร
.
ผมมองว่า การกระทำนั้นต่างหากที่จะเป็นตัวพิสูจน์ว่ารัฐบาลมีความจริงใจแก้เรื่องนี้มากแค่ไหน จะพ้นข้อครหาของการมีภาพปรากฏกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ซึ่งตัวอย่างรูปธรรม เช่น การยึดทรัพย์ในเวลานี้เป็นการยึดทรัพย์ชั่วคราวภายในกรอบเวลา 90 วัน ที่เปิดให้ผู้ที่ถูกยึดทรัพย์มาชี้แจงและติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ผ่าน 90 วันไปแล้วการยึดทรัพย์จะเกิดขึ้นจริงต่อหรือไม่” นายพริษฐ์ กล่าว
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เราจะเห็นการขยายผลในการออกหมายจับหรือว่าในการยึดทรัพย์บุคคลอื่นๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่มีฐานอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าหลายคนตั้งข้อสังเกตว่า มูลค่าที่ถูกยึดทรัพย์เบื้องต้นครอบคลุมมูลค่าทั้งหมดที่เป็นทรัพย์สินที่มาจากเงินการหลอกลวงประชาชน โดยทางเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่ ตัวอย่างของรูปธรรมและการทำงานของรัฐบาลจะเป็นตัวพิสูจน์
.
เมื่อวานนี้(4 ธันวาคม) ผมเห็นนายอนุทิน มีการชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษบางคำ ผมมองว่า หากนายอนุทินอยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ สิ่งสำคัญตอนนี้คือการพยายามประสานความร่วมมือกับเวทีนานาชาติเพราะ เรื่องสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่ไม่ได้กระทบแค่คนไทยเท่านั้น แต่กระทบถึงชีวิตและทรัพย์สินของคนในหลายประเทศ ซึ่งหลายประเทศรู้ดีว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ต้องอาศัยประเทศไทยเพราะประเทศไทยมีเชิงภูมิศาสตร์อยู่ระหว่างสองชายแดนที่ถูกมองว่าเป็นฐานของศูนย์สแกมเมอร์
.
จึงคิดว่าประเทศไทยต้องใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในระดับนานาชาติด้วยเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้และปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลการแลกเปลี่ยนทรัพยากร รวมถึงการพูดคุยการวางมาตรฐานในเรื่องของการฟอกเงินที่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกประเทศ รวมถึงการอาศัยความร่วมมือในการดำเนินคดีของผู้กระทำความผิดที่อาจจะมีการเดินทางไประหว่างประเทศเป็นต้น” นายพริษฐ์ กล่าว
.
นายพริษฐ์ ยังกล่าวว่า ตนได้ตั้งข้อสังเกตหลังจากได้ฟังคำชี้แจงของผู้มีอำนาจที่ปรากฏภาพกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ ก็จะเห็นว่าคำชี้แจงหลายครั้งคือเจอกันตามหลักสูตรต่าง ๆ ทั้ง วปอ. หรือ การร่วมงานเลี้ยงในหลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาทบทวนหรือพิจารณายกเลิกหลักสูตรดังกล่าว ของหน่วยงานภาครัฐ ที่จัดโดยหลายหน่วยงานมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.) ของศาลรัฐธรรมนูญ หลักสูตร ผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บยส.) ของศาลยุติธรรม หลักสูตร นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นปยส.) ของ ปปช. เป็นต้น
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนเคยตรวจสอบผ่านกลไกของกรรมาธิการว่าการมีหลักสูตรเหล่านี้ได้คุ้มเสียหรือไม่ ตอนเชิญหน่วยงานมาชี้แจง ก็ให้เหตุผลว่าเป็นความพยายามเพื่อสร้างความเรียนรู้ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนรวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ แต่เราตั้งคำถามถึงประโยชน์ว่าได้ประโยชน์จริงหรือไม่และคุ้มค่าหรือไม่กับข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นในเชิงงบประมาณภาษีประชาชนที่ใช้อุดหนุน หรือความเสี่ยงเรื่องการไปหล่อเลี้ยงระบบอุปถัมภ์ เนื่องจากผู้เข้าร่วมหลักสูตรเหล่านี้หลายครั้งก็มักจะมาจากหน่วยงานหรือภาคส่วนที่ต้องตรวจสอบกันและกัน ผมคิดว่าเวลานี้เป็นเวลาที่สมควรที่เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาและยกเลิกหลักสูตรดังกล่าว
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งคำถามว่า หากหลักสูตรเหล่านี้สร้างประโยชน์ได้จริงเรื่องการเรียนรู้ ไม่ได้มีไว้เพื่อการสร้างคอนเนกชั่นเป็นหลัก ทำไมไม่ค่อยเห็นผลงานความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมจากผู้เข้าเรียน ถ้าหลักสูตรเหล่านี้มีประโยชน์ในการเรียนรู้จริงไม่ได้มีไว้เพื่อคอนเนกชั่นทำไมถึงไม่เห็น ความพยายามในการปรับรูปแบบหลักสูตรในการลดความเสี่ยงหล่อเลี้ยงรูปแบบอุปถัมภ์ เช่น ปรับการเรียนการสอนเป็นรูปแบบออนไลน์ หรือการรับคนเป็นรุ่น ๆ หรือ การเผยแพร่องค์ความรู้จากหลักสูตรในโลกออนไลน์
.
ผมจึงตั้งคำถามว่า ประโยชน์ในเรื่องการเรียนรู้มีจริงหรือไม่และอีกมุมหนึ่งสิ่งที่เห็นชัดคือข้อเสียหรือความเสี่ยงเรื่องระบบอุปถัมภ์ เพราะกลายเป็นว่า หลักสูตรเหล่านี้รวมตัวแทนรัฐจากหลายหน่วยงานและภาคเอกชนก็อาจมีความเสี่ยงในการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นทำเลทอง หรือศูนย์บริการครบวงจร One Stop Service ให้เขาสามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกแวดวงในประเทศได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความมั่นคงของประเทศ กลับถูกตั้งคำถามว่า หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นการสร้างพื้นที่ให้บุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์เข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐหรือไม่ ทั้งที่สแกมเมอร์เป็นหนึ่งในภัยความมั่นคงของประเทศ” นายพริษฐ์กล่าว
.
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนดำเนินเรื่องการปราบสแกมเมอร์มาสักระยะหนึ่งแล้ว และตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็นำหลักฐานสแกมเมอร์ไปยื่นร้องหน่วยงาน ทำให้หลายคนวิจารณ์ว่าเป็นการเคลมผลงานกันหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องของสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่กระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งตอนนี้มีหลายภาคส่วนเข้ามาเอาจริงเอาจังเข้ามาร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่