JJNY : 5in1 กังวล‘โผ’รมว.เกษตร│เสียงครวญ‘รถรับจ้าง’│“วิโรจน์”เดือด│"พท."ขออภัยปชช.สภาล่ม│ลีเซียนลุงต่อสายยินดี‘เศรษฐา’

ชาวนาเมืองเก่า กังวล เห็น ‘โผ’ รมว.เกษตร ไม่มั่นใจว่าจะมาช่วยเกษตรกรยังไง
https://www.matichon.co.th/region/news_4156298
 
 
ชาวนาเมืองเก่า กังวล เห็น ‘โผ’ รมว.เกษตร ไม่มั่นใจว่าจะมาช่วยเกษตรกรยังไง
 
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายฐิติวัฒน์ ชาวนา ใน อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้แสดงความคิดเห็นกรณีการแบ่งสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ของรัฐบาลเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยเฉพาะในตำแหน่ง “รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ
 
นายฐิติวัฒน์กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวนาเชื่อมั่นและมั่นใจในนโยบายการเกษตรของพรรคเพื่อไทย ที่เคยมีผลงานดี ทำแล้วได้ผลจริง แก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้ ชาวนาติดตามข่าวสารจับกลุ่มพูดคุยกันมาตลอดระยะเวลาของการจัดตั้งรัฐบาล และการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร พอเห็นรายชื่อแล้วหลายคนมีความกังวลไม่มั่นใจ ว่าชาวเกษตรกร ชาวนา จะไปทิศทางไหน จะเข้ามาแก้ไข ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องราคาพืชผล การควบคุมราคาปุ๋ย ราคาข้าวเปลือก ราคาต้นทุนการผลิตที่ปัจจุบันมีราคาแพงมาก ชาวนาคงต้องพึ่งตนเองแน่ๆ
 
ตอนนี้ชาวนาก็รอดูว่าจะมีการแถลงนโยบายในเรื่องของการเกษตร ว่าจะไปในทิศทางไหน
 
แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตนได้รับการประสานงานจากทางทีมงาน เศรษฐกิจ ทีมงานภาคเกษตร จากพรรคเพื่อไทย ในการมารับฟังปัญหาแนวคิด สอบถามปัญหาด้านต่างๆ ของเกษตรกร ซึ่งทางพรรคได้นำไปใช้แก้ไขปัญหาช่วยเหลือเกษตรกรได้เป็นอย่างดี
 
จึงอยากฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร จะบริหารช่วยเหลือเกษตรกรในแนวทางไหน เรื่องหลักๆ สำคัญ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ การควบคุมราคาต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง น้ำมัน เมล็ดพันธุ์ ที่ราคาแพงสะสมต่อเนื่องมาหลายปี จนชาวนาเป็นหนี้สิน



เสียงครวญ ‘รถรับจ้าง’ น้ำมันขึ้นราคา แต่ขึ้น ‘ค่าโดยสาร’ ไม่ได้ จะเลิกวิ่งก็เสียดายคิว
https://www.matichon.co.th/region/news_4156341

จังหวัดอุทัยธานี เสียงสะท้อนกลุ่มคนขับรถรับจ้าง หลังราคาน้ำมันแต่ขึ้นราคาลูกค้าไม่ได้ ต้องทำเรื่องขอขนส่ง ทุกวันนี้เหลือกำไรแค่วันละ 100 กว่าบาท
 
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พูดคุยสอบถามกับประชาชนกลุ่มอาชีพขับรถรับจ้างทั่วไป ที่ขับรถมาจอดรอลูกค้า ยังสถานีขนส่งผู้โดยสาร หรือ บขส. อุทัยธานี เกี่ยวกับเรื่องผลกระทบของราคาน้ำ หลังจากที่ช่วงนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์นั้นแตะราคาลิตรละ 40 บาทแล้ว ส่วนน้ำมันชนิดอื่นๆก็ยังคงขยับขึ้นอีกเช่นกัน
 
อย่างกลุ่มผู้ที่ขับสามล้อรับจ้าง หรือที่เรียกกันว่า “สกายแล็บ”
 
โดย นายบุญยัง ครุฑทอง อายุ 59 ปี เล่าว่า ตอนนี้เติมน้ำมัน 100 บาท ได้น้ำมันแค่เพียง 2 ลิตรกว่าเท่านั้น ถึงน้ำมันจะขึ้นราคา แต่เราก็ขึ้นราคากับลูกค้าไม่ได้ เพราะกลัวว่าลูกค้าจะไม่ให้บริการกับเรา ซึ่งหากขืนยังเป็นอยู่อย่างนี้ก็คงอาจจะต้องหยุดวิ่ง แล้วหันไปหารับจ้างทำงานอย่างอื่นแทน ซึ่งก็อยากให้ทางรัฐบาลชุดใหม่ เร่งเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ของชาวบ้านให้เร็วที่สุด
 
ขณะเดียวกัน เจ้าของรถรับส่งผู้โดยสาร ที่มารอคนที่ท่ารถ บขส.อุทัยธานี หรือที่เรียกกันว่า รถแดง ซึ่งจะวิ่งรับส่งลูกค้าแต่ละอำเภอในจังหวัด ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนนี้ลำบากกันมาก อยากจะขึ้นราคาค่าโดยสารแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องขออนุญาตจากทางสำนักงานขนส่งก่อน ซึ่งก็ต้องทำเรื่องอีกนาน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ตอนนี้ก็ต้องรับส่งลูกค้าในราคาเดิม ทั้งที่น้ำมันนั้นแพงมาก
 
ยอมรับว่าแบกภาระนี้มานาน ซ้ำทุกวันนี้คนก็ไม่ค่อยขึ้นรถอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่รถรับส่งหรือรถเมลประจำอำเภอนั้นยังทำรายได้ดีอยู่ เพราะปัจจุบัน คนมีรถส่วนตัวกันมากขึ้น
 
แต่ตอนนี้ก็ยังไม่คิดที่จะเลิกทำอาชีพนี้ เพราะก็ยังมีความหวังว่าสักวันอาจจะดีขึ้น และเสียดายคิวรถที่ทำเรื่องขอทางขนส่งมาจนได้ทำอาชีพนี้มากว่า 20 ปีแล้ว
 
ส่วน กลุ่มคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงหนักมาก แถมราคาข้าวสาร อาหาร ต่างๆก็ยังแพงขึ้นมากกว่าที่เคยซื้ออีกด้วย ทุกนี้เหลือกำไรหลังจากเติมน้ำมันแล้วแค่ 100 กว่าบาท หากเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะได้มากหน่อยประมาณวันละ 200-300 กว่าบาท ซึ่งนับว่าเหลือน้อยมาก เพราะยังต้องซื้อข้าวปลาอาหารไปให้ครอบครัวทุกวัน
  


“วิโรจน์” เดือดระบบการจัดการไฟฟ้า ประชาชนเหมือนโดนบีบคอล้วงกระเป๋า
https://www.matichon.co.th/clips/news_4156442

วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายในการประชุมสภาวาระรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66  ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



"พท." ขออภัย ปชช.สภาล่ม “ก้าวไกล” ซัดพรรคร่วม บีบน้ำตาเห็นปัญหาปชช. แต่หนีกลับบ้าน “ภท.” ย้อนเหมือนเด็กไม่ได้ดั่งใจ
https://ch3plus.com/news/political/morning/364224

วันนี้ (31 ส.ค. 2566) ที่รัฐสภา นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคร่วมรัฐบาล แถลงข่าวว่า การพิจารณาในวันนี้ ไม่ใช่กฎหมาย หรือเป็นญัตติที่รัฐบาลเสนอ เพราะเป็นญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเข้ามา และเป็นปัญประชาชนเช่นกัน จึงไม่ควรนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาประชาชน

ซึ่งตนเองเคยเป็นวิปฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน และเคยชักชวน สส.พรรคก้าวไกล ให้นับองค์ประชุมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในอดีต แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่ทำ แต่ในวันนี้ พรรคก้าวไกล อาจแตกฉานวิชาของฝ่ายค้านแล้ว จึงขอแสดงความยินดีด้วย

แต่ก็ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นกฎหมายที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยก็ชอบธรรมที่จะดำเนินการเช่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง หรือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หากฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ฝ่ายค้านก็จะขอนับองค์ประชุม แต่ในการพิจารณาครั้งนี้ ถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ควรที่จะต้องให้ความเห็นชอบ และให้ข้อคิดเห็นถึงรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาประชาชนโดยเร็ว และยืนยันว่า วิปรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเร่งพิจารณาให้เสร็จ เพื่อให้รัฐบาล นำไปแก้ปัญหาให้เกษตรกรโดยเร็ว พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า ในสมัยการประชุมนี้ จะประมาทให้สภาต้องล่มอีก

นายจุลพันธ์ ยังเชื่อว่า การขอนับองค์ประชุมครั้งนี้ เป็นผลต่อเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) ที่พรรคก้าวไกล เสนอให้มีการเลื่อนวาระการประชุม ขอให้นำญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎร มีมติให้คณะรัฐมนตรี จัดการออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาล ไม่เห็นด้วยให้มีการเลื่อนญัตติ เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศแล้วจะมีมติคณะรัฐมนตรีจัดการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกที่รัฐบาลจะดำเนินการอยู่แล้ว และกลไกที่พรรคก้าวไกลเสนอนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพราะยังต้องขอมติจากวุฒิสภาอีก ซึ่งสมัยสภาชุดที่ผ่านมา ญัตติดังกล่าวก็ถูกวุฒิสภาตีตกไปแล้ว ดังนั้น จึงเชื่อว่า กลไกนี้จะไม่สำเร็จ และขอให้รอมติคณะรัฐมนตรี ที่จะสามารถดำเนินการได้ทันที และเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่า

ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ที่ประกาศตัวเป็นว่าที่ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ  ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (31 ส.ค.) ไม่คิดว่า สส.พรรคก้าวไกล จะใช้วิธีการนับองค์ประชุมในครั้งนี้ ที่เร็วเกินไป และการนับองค์ประชุมส่วนใหญ่ จะเป็นกรณีที่ฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายสำคัญ แต่การพิจารณาญัตติครั้งนี้ ถือเป็นประโยชน์ของเกษตรกรทั้งสิ้น

ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่ขอเข้าร่วมแสดงตน และขอแสดงบทบาทฝ่ายค้านไม่ร่วมในการนับองค์ประชุมครั้งนี้ และยืนยันว่า ไม่ว่าในอนาคตฝ่ายค้านจะมาไม้ใด ตนก็จะรู้ทันเช่นเดียวกัน พร้อมชมเชยพรรคร่วมฝ่ายค้านในการทำหน้าที่วันนี้ (31 ส.ค.) แต่ยืนยันว่า ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล จะปรับปรุงตัวให้ สส.มาประชุม เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเดินหน้าต่อไปได้ จึงขอกราบอภัยประชาชน และขออภัยฝ่ายค้านที่เห็นไม่ตรงกัน พร้อมมั่นใจว่า เมื่อมีวิป 2 ฝ่ายแล้ว จะสามารถประสานงานกันได้ง่ายขึ้น

โดยระหว่างที่พรรคเพื่อไทยกำลังแถลงข่าว ได้มีกลุ่ม สส. จากพรรคก้าวไกลและพรรคภูมิใจไทย มายืนรอต่อคิวแถลงอยู่ในห้อง

ต่อมานายภราดร ปริศนานันทกุล สส.จ.อ่างทอง ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยสส.ของพรรค แถลงภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่ม ว่า เนื่องจากมีสส. ของพรรคก้าวไกลเสนอให้มีการนับองค์ประชุม โดยระบุว่า ในจำนวน 11 ญัตติที่พรรคการเมืองยื่นเข้ามา มีญัตติของสส. จากพรรคภูมิใจไทยอยู่เกือบครึ่ง ซึ่งสส. ของพรรคได้นั่งรอกันตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ในการที่จะขึ้นอภิปราย เพราะทราบดีว่า กำลังเข้าสู่วาระพิจารณาในเรื่องสำคัญ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลพยายามแทรกคำถามของการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แซงหน้า 11 ญัตติที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน ซึ่งไม่ใช่มารเพียงญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นฝ่ายค้าน ก็เสนอญัตติรวมอยู่ด้วยเช่นกัน โดยสส. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการขอเลื่อนระเบียบวาระ

นายภราดร กล่าวต่อว่า จนถึงวันนี้อภิปรายไปแล้ว 1 ญัตติ ก็ได้มีสส.พรรคก้าวไกลเสนอให้นับองค์ประชุม ก่อนจะมีการกล่าวหาว่า พรรคร่วมรัฐบาลเล่นละคร เรื่องปากท้องของประชาชนสำคัญ แต่เรื่องการทำประชามติไม่สำคัญ ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ก็เคยเห็นชอบกับการเสนอคำถามประชามติ เพียงแต่ตอนนี้เราเห็นว่าปากท้องของประชาชนสำคัญกว่า

แต่สิ่งที่ชัดเจนว่า ใครไม่ให้ความสำคัญ ดูได้จากญัตติทั้ง 11 เรื่อง น่าแปลกใจ ที่เมื่อสักครู่คนที่ลุกขึ้นขอนับองค์ประชุม ผมไม่รู้ชื่อจริงเขา รู้แต่ว่าชื่อโตโต้ บอกว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องกุ้ง เอากุ้งไปช่วยพี่น้องประชาชนขาย แต่น่าแปลกใจที่ 11 ญัตตินี้ ไม่มีญัตติของพรรคก้าวไกล แม้แต่เพียงเรื่องเดียว” นายภราดร กล่าว

นายภราดร กล่าวอีกว่า 150 เสียงที่พรรคก้าวไกลอ้างว่าอยู่ในห้องประชุม บอกจะมาเป็นผู้แทนประชาชน แต่กลับมาเล่นเกม ซึ่งเรื่องที่ท่านต้องการจะอภิปรายเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ไม่สำเร็จ เพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ท่านก็อาละวาด ตีโพยตีพาย เหมือนเด็กๆ ไม่ได้ดั่งใจก็ไม่เอาด้วย ทั้งที่อยู่ในห้องประชุม พร้อมย้ำว่า องค์ประชุมเป็นหน้าที่ของสส. ทั้งหมด ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พรรคก้าวไกล 150 เสียงในห้องประชุม แต่ไม่กดแสดงตนหมายความว่าอย่างไร

นายภราดร กล่าวทิ้งท้ายว่า ให้พี่น้องประชาชนไปถามสส. พรรคก้าวไกล แทนที่จะใช้เวทีสภาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน กลับเอามาใช้เล่นเกมการเมืองเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง ขอใช้โอกาสขอโทษประชาชนแทน 11 ญัตตินี้ด้วย รวมถึง 5 ญัตติของพรรคภูมิใจไทย ที่เราไม่สามารถนำเสนอญัตติได้ เพราะเราพลาดท่าเสียทีให้กับเกมการเมืองของพรรคก้าวไกล

แต่เมื่อสักครู่นี้ พรรคเพื่อไทยได้บอกไปแล้วว่า จะไม่ประมาทกับเกมทางการเมืองของพรรคก้าวไกลแบบนี้อีก ก็ถือโอกาสตรงนี้ขออภัยพี่น้องประชาชน” นายภราดร กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่