ทำพิธีเปลี่ยนแปลงดวงชะตา จากร้ายกลายเป็นดี (逢凶化吉; feng xiong hua ji จีนแต๊จิ๋ว ฮวงย้วงห่วยเก็ก, จีนกลาง เฟิงเชี่ยวฮวาจี๋)
บัวที่รู้จักทำความสะอาด ชำระล้างตนเองและปกป้องตนเองนี้ จึงเปรียบเสมือนกับพระพุทธเจ้า ท่านมีปัญญา เข้าใจซึ้งประจักษ์อย่างถ่องแท้ในกิเลส ตัณหา อัตตา และไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำ ไม่ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา พระพุทธเจ้ารู้จักใช้กิเลสตัณหา ไม่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ ไม่ถูกเหนี่ยวรั้ง ชีวิตย่อมเป็นอิสรภาพ สันติสุข
ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน ควรเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ยึดถือพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่าง เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่อาศัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธเจ้า
เราจะไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำได้อย่างไร?
เราต้องฝึกฝนในการใช้ สติสัมปชัญญะ โยนิโสมนสิการ และการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
๑. บัวก็เปรียบเสมือนว่า ให้เราเป็นที่ระลึก เราจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดี ให้เป็นพฤติกรรมที่ดี เราต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีได้
ข้อนี้เป็นนิมิตหมายว่าจะเปลี่ยนแปลง จากร้ายเปลี่ยนแปลงเป็นดี จากการเป็นผู้ร้าย จะไม่เป็นผู้ร้ายแล้ว จะหันกลับมาทำดีแล้ว
๒. พลังเจ้าแม่กวนอิมจึงจะเข้ามาสนับสนุน อุ้มชูเรา
พลังแห่งบัว ก็คือ จากร้ายให้กลายเป็นดี เราจะต้องเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนพฤติกรรม สิ่งไหนไม่ดีเราต้องเปลี่ยนใหม่ ก็เหมือนกับบัว ถึงจะมีพลังได้ ถ้าเราทำได้อย่างนี้ก็เหมือนกับเรามีพลังธรรมเหมือนบัว
พลังธรรมเหมือนบัว ไม่ใช่บัวมาคุ้มครองเรา
ถ้าเราเปลี่ยนแปลงนิสัยเราก็จะมีพลังของบัว เป็นพลังของธรรม เพราะว่าบัวเป็นมีลักษณะเป็นอย่างนี้บัวจึงได้รับพลังจากธรรมในการเปลี่ยนแปลง เราทำอย่างนี้ เราเอาแบบอย่างของบัว เราจึงได้รับพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นพลังของธรรม
เราจะต้องสร้างเหตุดี ก็จะได้รับความคุ้มครอง บัวจึงจะให้คุ้มครอง
ฉะนั้น เราจะต้องสร้างความดี สร้างเหตุดี เราจึงจะมีสิทธิการิยะได้รับความคุ้มครองจากธรรมได้ ถ้าเราไม่มีสิทธิการิยะ แม้จะไปอ้อนวอนขอโน้นขอนี่จากสิ่งศักดิ์ิสิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้ไม่ได้
แต่ถ้าเราไปขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ เราจะ
ต้องทำเหตุดี สร้างเหตุดีอะไรบางอย่างเพื่อน้อมถวายบูชาท่านบ้าง เราถึงจะสำเร็จ
ทำพิธีเปลี่ยนแปลงดวงชะตา จากร้ายกลายเป็นดี 逢凶化吉; feng xiong hua ji จีนแต๊จิ๋ว ฮวงย้วงห่วยเก็ก, จีนกลาง เฟิงเชี่ยวฮวาจี
บัวที่รู้จักทำความสะอาด ชำระล้างตนเองและปกป้องตนเองนี้ จึงเปรียบเสมือนกับพระพุทธเจ้า ท่านมีปัญญา เข้าใจซึ้งประจักษ์อย่างถ่องแท้ในกิเลส ตัณหา อัตตา และไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำ ไม่ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา พระพุทธเจ้ารู้จักใช้กิเลสตัณหา ไม่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ ไม่ถูกเหนี่ยวรั้ง ชีวิตย่อมเป็นอิสรภาพ สันติสุข
ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน ควรเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า ยึดถือพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่าง เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่อาศัย เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ เป็นหนึ่งเดียวกับพระพุทธเจ้า
เราจะไม่ให้กิเลสตัณหาครอบงำได้อย่างไร?
เราต้องฝึกฝนในการใช้ สติสัมปชัญญะ โยนิโสมนสิการ และการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
๑. บัวก็เปรียบเสมือนว่า ให้เราเป็นที่ระลึก เราจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดี ให้เป็นพฤติกรรมที่ดี เราต้องเปลี่ยนแปลง ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงก็ไม่สามารถเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีได้
ข้อนี้เป็นนิมิตหมายว่าจะเปลี่ยนแปลง จากร้ายเปลี่ยนแปลงเป็นดี จากการเป็นผู้ร้าย จะไม่เป็นผู้ร้ายแล้ว จะหันกลับมาทำดีแล้ว
๒. พลังเจ้าแม่กวนอิมจึงจะเข้ามาสนับสนุน อุ้มชูเรา
พลังแห่งบัว ก็คือ จากร้ายให้กลายเป็นดี เราจะต้องเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนพฤติกรรม สิ่งไหนไม่ดีเราต้องเปลี่ยนใหม่ ก็เหมือนกับบัว ถึงจะมีพลังได้ ถ้าเราทำได้อย่างนี้ก็เหมือนกับเรามีพลังธรรมเหมือนบัว
พลังธรรมเหมือนบัว ไม่ใช่บัวมาคุ้มครองเรา
ถ้าเราเปลี่ยนแปลงนิสัยเราก็จะมีพลังของบัว เป็นพลังของธรรม เพราะว่าบัวเป็นมีลักษณะเป็นอย่างนี้บัวจึงได้รับพลังจากธรรมในการเปลี่ยนแปลง เราทำอย่างนี้ เราเอาแบบอย่างของบัว เราจึงได้รับพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นพลังของธรรม
เราจะต้องสร้างเหตุดี ก็จะได้รับความคุ้มครอง บัวจึงจะให้คุ้มครอง
ฉะนั้น เราจะต้องสร้างความดี สร้างเหตุดี เราจึงจะมีสิทธิการิยะได้รับความคุ้มครองจากธรรมได้ ถ้าเราไม่มีสิทธิการิยะ แม้จะไปอ้อนวอนขอโน้นขอนี่จากสิ่งศักดิ์ิสิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ให้ไม่ได้
แต่ถ้าเราไปขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือ เราจะ
ต้องทำเหตุดี สร้างเหตุดีอะไรบางอย่างเพื่อน้อมถวายบูชาท่านบ้าง เราถึงจะสำเร็จ