ยกหลัก UNPO ย้ำปชช.ปาตานีมีสิทธิกำหนดชะตากรรมตนเอง หนุนไทย-BRN แก้ปัญหาทางการเมือง
https://prachatai.com/journal/2023/06/104722
ชมรมหนุนสันติภาพปาตานี ยกหลักการ UNPO องค์กรตัวแทนรัฐที่ไม่ได้รับการรับรองและถูกควบคุม ให้สิทธิประชาชนชาติมลายูปาตานีกำหนดชะตากรรมตนเอง สนับสนุนไทย-BRN แก้ไขความเป็นปรปักษ์กันตามวิธีการทางการเมือง
24 มิ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพจชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี หรือ
Kelab Penyokong Perdamaian Patani DS.ซึ่งเชื่อว่า เป็นกลุ่มที่แสดงถึงจุดยืนของปีกทหารของ แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี หรือ ขบวนการ BRN โพสต์แถลงการณ์สนับสนุนการแก้ไขความขัดแย้งหรือความเป็นปรปักษ์กันระหว่างชาติมลายูปาตานีกับชาติสยามกรุงเทพฯ โดยอาศัยวิธีการทางการเมืองที่ไม่ใช่โดยอาวุธ
พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงประเด็น “
สิทธิกำหนดชะตากรรมตนเอง” (Right to self-determination : RSD) โดยระบุว่า ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นชาติที่มีสิทธิเพื่อกำหนดชะตากรรมด้วยตนเอง และมีสิทธิเพื่อสร้างระบบการเมืองเพื่อปกครองตนเองตามกฎหมาย เพื่อบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมตนเอง
เพจชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี ยังกล่าวถึง “
องค์กรแห่งชาติและประชาชนที่ไม่เป็นที่รู้จัก (หรือ องค์การชาติและประชาชนที่ไม่มีผู้แทน Unrepresented Nations and Peoples Organization; UNPO) ที่มีสมาชิกบางส่วนเป็นรัฐบาลหรือตัวแทนรัฐบาลของรัฐที่ไม่ได้รับการรับรอง สมาชิกประกอบด้วยชนพื้นเมือง ชนกลุ่มน้อย และรัฐที่ไม่ได้รับการรับรองหรือถูกควบคุม
โดยระบุว่า “
ขบวนการทางการเมืองของประชาชนชาติมลายูปาตานีที่ไม่มีรัฐ (ตกเป็นอาณานิคม) เป็นสมาชิกของ UNPO และจะเป็นตัวแทนของประชาชนมลายูปาตานีอย่างต่อเนื่อง ส่วนหลักการสิทธิกำหนดชะตากรรมด้วยตนเองเป็นหลักการแรกในห้าหลักการที่ UNPO กำลังรณรงค์อยู่”
เพจชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี ได้ระบุจุดยืน 5 ข้อของกลุ่มด้วยดังนี้
1. ประชาชนชาติมลายูปาตานีที่ไม่มีรัฐ (ตกเป็นอาณานิคม) เป็นชนพื้นเมืองของรัฐปาตานี ดารุสสลาม (Patani Darussalam) และปัจจุบันนี้ รัฐและชาติของพวกเขาถูกปกครองภายใต้อาณานิคมโดยชาติสยามกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ค.ศ. 1785 (พ.ศ.2328) จนถึงทุกวันนี้
2. ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นชาติที่มีสิทธิเพื่อกำหนดชะตากรรมด้วยตนเอง
3. ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นชาติที่ไม่มีตัวแทน แต่มีสิทธิเพื่อสร้างระบบการเมืองเพื่อปกครองตนเองตามกฎหมาย เพื่อบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมตนเอง
4. ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นกลุ่มมนุษย์ที่มีบรรพบุรุษที่ถูกสร้างโดยอัลลอฮฺ และไม่มีใครที่มีสิทธิเพื่อปฏิเสธความพิเศษของชาติอื่น รวมไปถึงชาติพันธุ์ รูปแบบการปกครอง และ
5. ประชาชนชาติมลายูปาตานีสนับสนุนการแก้ไขความเป็นปรปักษ์กันระหว่างปาตานี –กรุงเทพฯ ตามวิธีการทางการเมือง และตัวแทนของคู่กรณีหลัก (BRN-RTG หรือรัฐบาลไทย) ควรรับผิดชอบในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับชาติและนานานชาติ และควรมีเจตจำนงทางการเมือง (political will) เพื่อสันติภาพที่มีศักดิ์ศรี ยุติธรรม และยั่งยืน
ชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี ยังระบุด้วยว่า ประชาชนมลายูปาตานีต้องใช้ชีวิตภายใต้กฎอัยการศึกที่มีอายุ 119 ปีแล้ว กฎหมายฉบับนี้ต้องยุติการบังคับใช้ที่ปาตานีก่อนจะมีกระบวนการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ สงครามเป็นทางเลือกสุดท้าย และอาจจะเกิดขึ้นอีกในเมื่อความพยายามเพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขทุกรูปแบบประสบความล้มเลว
อนึ่ง ข้อมูลจาก
วิกิพีเดียระบุว่า องค์การชาติและประชาชนที่ไม่มีผู้แทน หรือ Unrepresented Nations and Peoples Organization (UNPO) เป็นองค์กรระดับนานาชาติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 11 ก.พ. 2534 ที่ กรุงเฮก, เนเธอร์แลนด์ วัตถุประสงค์คือเพื่อเป็นเสียงของชาติและประชาชนที่ไม่เป็นที่รู้จักทั่วโลก องค์นี้ไม่ใช่องค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล (non-governmental organisation; NGO) โดยสมาชิกบางส่วนเป็นรัฐบาลหรือตัวแทนรัฐบาลของรัฐที่ไม่ได้รับการรับรอง สมาชิกประกอบด้วยชนพื้นเมือง ชนกลุ่มน้อย และรัฐที่ไม่ได้รับการรับรองหรือถูกควบคุมโดยกองทัพ UNPO จะฝึกฝนให้แต่ละกลุ่มแก้ปัญหาของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อดีตสมาชิกบางชาติ เช่น อาร์มีเนีย ติมอร์ตะวันออก เอสโตเนีย ลัตเวีย ประเทศจอร์เจีย และปาเลา ได้รับเอกราชโดยสมบูรณ์และเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เว็บไซต์องค์การ
https://unpo.org/
“จาตุรนต์” ชี้ฝ่ายปชต.ต้องจับมือไม่สลับขั้วย้ายข้าง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_572629/
“จาตุรนต์” มอง ฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือ มีจุดยืนมั่นคง ไม่สลับขั้วย้ายข้าง ไม่เปิดโอกาสให้เผด็จการกลับมาได้อีก
ในเสวนา “
เราจะรักษาชัยชนะก้าวแรกของประชาชน (และก้าวต่อๆไป) ไว้ได้อย่างไร” ซึ่งจัดโดยสถาบัน
ปรีดี พนมยงค์ ในวาระ 91 ปี แห่งการอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 – พ.ศ. 2566 การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย
นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้วยการกระทำรัฐประหาร ในปี 2549 รวมถึงปี 2557 จนได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ถือเป็นรัฐธรรมนูญที่บิดเบือนจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมากที่สุด โดยเป็นรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นเพื่อไม่ให้ประชาธิปไตยอยู่ในมือประชาชนมากที่สุด โดยมีการกำหนดกติกาที่ซับซ้อน
ทำให้ผู้มีอำนาจสามารถสืบทอดและใช้อำนาจในการควบคุมองค์กรอิสระได้แบบเบ็ดเสร็จ ทำให้ประเทศไทยก้าวถอยหลัง การต่อสู้ของประชาชนยากขึ้น แต่จากการเลือกตั้งล่าสุดสะท้อนว่าประชาชนตื่นตัว มีความรู้กว้างขวางและลึกซึ้งในระบบรัฐสภามากขึ้น แสดงออกด้วยการสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ยึดอำนาจสามารถกลับมาได้อีก
แต่ต้องยอมรับว่าจากรัฐธรรมนูญที่มีความบิดเบี้ยวให้อำนาจ สว. 250 เสียง มีบทบาทในรัฐสภาทำให้เสียงฝ่าย ประชาธิปไตยซึ่งประชาชนเป็นคนเลือก ทำงานยากขึ้น การจะรักษาชัยชนะในครั้งนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องมีจุดยืนที่มั่นคง จะต้องไม่ทำให้เกิดการสลับขั้วย้ายข้าง ทำให้เสียง 313 เสียงสามารถเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากประชาชนให้ได้ และจะต้องทำให้ประชาชนไม่ยอมรับการกลับมาของฝ่ายเผด็จการอีก ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องมีเอกภาพ มีจุดยืนในการทำงานที่มั่นคง แก้ไขความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้รัฐธรรมนูญกลับมาเป็นของประชาชนให้ได้อีกครั้ง ซึ่งต้องยอมรับว่าทำยากหากยังมีสว. 250 เสียง
ด้านนายสัตวแพทย์
ปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารฯ และ ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พักก้าวไกลยังคงมีจุดยืนที่ชัดเจน ถึงแม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่จะเป็นพรรคการเมืองของประชาชนให้ได้มากที่สุดโดยยังมุ่งในการแก้ไข 3 เรื่อง คือ การเอากองทัพออกจากการเมืองให้ได้ กระจายอำนาจออกจากศูนย์กลาง และยุติเศรษฐกิจแบบทุนผูกขาดให้ได้
หากทำได้จะถือเป็นชัยชนะระยะยาวของประชาชน ซึ่งจิ๊กซอว์ของชัยชนะคือประชาชนจะต้องกลับมาเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาให้ได้ทำให้มั่นใจว่าพรรคการเมือง เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ทำให้การเลือกตั้งชนะได้ด้วยการไม่ซื้อเสียงเพื่อ ทำให้ชนชั้นนำไม่มีเงื่อนไขกับประชาชน และผู้แทนในรัฐสภาจะต้องกลับมาเป็นผู้แทนที่ทรงเกียรติเกรงใจประชาชนมากกว่าเกรงใจผู้มีอำนาจหรือนายทุน
โดยมองว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องใช้ความอดทนและความพยายามเพราะเกมการเมืองในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นเกมยาว ต้องอดทนกับแรงยั่วยุ อดทนกับการใช้ความรุนแรง และอดทนกับการถูกบีบจากผู้มีอำนาจเก่า และความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคการเมืองถูกยุบ ได้ง่าย ทั้งที่
โรมถาม รอบนี้พอได้ยัง? คาดหวังความปกติ ยันประยุทธ์ต้องติดคุก ถึงเวลาฟ้าใหม่ เตรียม ‘ฉลองวันชาติ’ ถ้านายกชื่อพิธา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4046246
โรมถาม รอบนี้พอได้ยัง? คาดหวังความปกติ ยันประยุทธ์ต้องติดคุก ถึงเวลาฟ้าใหม่ เตรียม ‘ฉลองวันชาติ’ ถ้านายกชื่อพิธา
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ร่วมกับชมรมโดมรวมใจ และวิทยาลัยนานาชาติ
ปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ จัดงานอภิปรายสาธารณะ
บรรยากาศเวลา 14.00 น. มีการอภิปรายในหัวข้อ “
ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ” โดยมี นาย
อดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นาย
รังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.), รศ.ดร.
ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต, นาย
พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำราษฎร, ผศ.ดร.
ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมถ่ายทอดมุมมอง ดำเนินรายการโดย นาย
สมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง นาย
รังสิมันต์กล่าวอภิปรายว่า เราต้องการจดจำให้วันนี้ ให้เป็นวันสำคัญและมีคุณค่า น่าเสียดายที่สุดท้ายการเฉลิมฉลองวันชาติ ถูกบ่อนเซาะทำลายในหลายครา มีความพยายามรื้อฟื้นหลายครา แต่ยังห่างไกลการสร้างความเป็นวันชาติจริงๆ
“
แม้วันนี้ในทางการจะไม่ใช่วันชาติ แต่ตลอดประสบการณ์การได้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมันยากจริงๆ ทำให้เราระลึกอยู่ในหัวใจ ว่าประชาธิปไตยมีความหมายสำหรับพวกเรามากขนาดไหน และนี่คือความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้เราจะยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่อย่างน้อยที่สุดเราได้รู้ว่ามันมีความหมายต่อสิทธิ การพูด แสดงออกขนาดไหน
ก็หวังว่าวันที่ 24 มิถุนายนหลังจากนี้ไปจะกลายเป็นวันชาติ ที่เรามาร่วมเฉลิมฉลอง แต่เราสัญญาว่าจะไม่กลับถอยหลังไปสู่ยุคเผด็จการอีกต่อไป” นาย
รังสิมันต์กล่าว
นาย
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า จากนี้ต่อไปหลังเลือกตั้งคือกระบวนการเลือกประธานสภา สัปดาห์ถัดไปมีการเลือกนายกฯ สิ่งที่เราคาดหวังมากที่สุดคือความปกติ
“
เราไม่ได้คาดหวังอย่างอื่นเลย บทเรียนตลอด 91 ปี นำไปสู่ 3 คำถาม ถ้าตอบได้และมีวิธีแก้จะนำไปสู่สิ่งเดียวคือความเป็นปกติของสังคม
1. เราจะทำอย่างไรให้ระยะสั้นที่สุดที่จะถึงนี้เราจะมีรัฐบาล ประธานสภา ที่สะท้อนเจตจำนงให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายกฯที่เรารู้กันอยู่ว่าจารีต ธรรมเนียมการปกครอง เขาต้องการให้ใครเป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาล ถ้าวิถีทางแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติ เราจะมีรัฐบาลที่ทำหน้าที่รับผิดชอบประชาชนโดยตรง
2. เราจะมีรัฐธรรมนูญที่จะออกจากมรดก ซากเดน คสช.ได้อย่างไร เราต่างรู้ดีว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความเป็นธรรม การทำประชามติมีคนจำนวนมาก รวมถึงพี่น้องเสื้อแดงถูกจับดำเนินคดี ไม่สามารถเรียกได้ว่านี่คือรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนได้ เพราะเริ่มต้นจากการจับกุมประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง
3. ทำอย่างไรให้ประเทศของเราไม่กลับไปสู่การเผชิญรัฐประหารอีกแล้ว
ถ้าเราตอบ 3 คำถามนี้ได้ ไทยยังไม่พัฒนาหรอก เพราะเราจะทำอย่างกับสังคมสูงวัย การศึกษา ความเหลื่อมล้ำหายไป แต่ 3 คำถามนี้ ‘ถ้าสังคมปกติ’ อะไรที่รอคอยอยู่ ประเทศนี้พร้อม เดินไปข้างหน้าอย่างไม่ต้องกังวลอีกแล้ว มันคือความปกติที่เราถวิลหามาตลอด 91 ปี มันเป็นของเรา อำนาจเป็นของเรา” นาย
รังสิมันต์กล่าว
นาย
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า เชื่อว่าจะไม่สามารถทำลายตัวแทนของประชาชนได้ เพราะจะก่อเกิดขึ้นมาต่อสู้ขึ้นอีกมาก เหมือนกรณียุคพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีทางทำลายล้างเจตจำนงของประชาชนได้สำเร็จ
“
ถ้าหยุดรั้งไม่ได้ รอบนี้พอได้ยัง ราคามันแพง” นาย
รังสิมันต์กล่าว และว่า
JJNY : 5in1 ยกหลัก UNPO│“จาตุรนต์”ชี้ฝ่ายปชต.ต้องจับมือ│โรมยันประยุทธ์ต้องติดคุก│ส.อ.ท.โอด│สู้กันเอง!หมีขาวถล่มวากเนอร์
https://prachatai.com/journal/2023/06/104722
24 มิ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพจชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี หรือ Kelab Penyokong Perdamaian Patani DS.ซึ่งเชื่อว่า เป็นกลุ่มที่แสดงถึงจุดยืนของปีกทหารของ แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี หรือ ขบวนการ BRN โพสต์แถลงการณ์สนับสนุนการแก้ไขความขัดแย้งหรือความเป็นปรปักษ์กันระหว่างชาติมลายูปาตานีกับชาติสยามกรุงเทพฯ โดยอาศัยวิธีการทางการเมืองที่ไม่ใช่โดยอาวุธ
พร้อมกันนี้ยังกล่าวถึงประเด็น “สิทธิกำหนดชะตากรรมตนเอง” (Right to self-determination : RSD) โดยระบุว่า ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นชาติที่มีสิทธิเพื่อกำหนดชะตากรรมด้วยตนเอง และมีสิทธิเพื่อสร้างระบบการเมืองเพื่อปกครองตนเองตามกฎหมาย เพื่อบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมตนเอง
เพจชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี ยังกล่าวถึง “องค์กรแห่งชาติและประชาชนที่ไม่เป็นที่รู้จัก (หรือ องค์การชาติและประชาชนที่ไม่มีผู้แทน Unrepresented Nations and Peoples Organization; UNPO) ที่มีสมาชิกบางส่วนเป็นรัฐบาลหรือตัวแทนรัฐบาลของรัฐที่ไม่ได้รับการรับรอง สมาชิกประกอบด้วยชนพื้นเมือง ชนกลุ่มน้อย และรัฐที่ไม่ได้รับการรับรองหรือถูกควบคุม
โดยระบุว่า “ขบวนการทางการเมืองของประชาชนชาติมลายูปาตานีที่ไม่มีรัฐ (ตกเป็นอาณานิคม) เป็นสมาชิกของ UNPO และจะเป็นตัวแทนของประชาชนมลายูปาตานีอย่างต่อเนื่อง ส่วนหลักการสิทธิกำหนดชะตากรรมด้วยตนเองเป็นหลักการแรกในห้าหลักการที่ UNPO กำลังรณรงค์อยู่”
เพจชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี ได้ระบุจุดยืน 5 ข้อของกลุ่มด้วยดังนี้
1. ประชาชนชาติมลายูปาตานีที่ไม่มีรัฐ (ตกเป็นอาณานิคม) เป็นชนพื้นเมืองของรัฐปาตานี ดารุสสลาม (Patani Darussalam) และปัจจุบันนี้ รัฐและชาติของพวกเขาถูกปกครองภายใต้อาณานิคมโดยชาติสยามกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ค.ศ. 1785 (พ.ศ.2328) จนถึงทุกวันนี้
2. ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นชาติที่มีสิทธิเพื่อกำหนดชะตากรรมด้วยตนเอง
3. ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นชาติที่ไม่มีตัวแทน แต่มีสิทธิเพื่อสร้างระบบการเมืองเพื่อปกครองตนเองตามกฎหมาย เพื่อบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมตนเอง
4. ประชาชนชาติมลายูปาตานีเป็นกลุ่มมนุษย์ที่มีบรรพบุรุษที่ถูกสร้างโดยอัลลอฮฺ และไม่มีใครที่มีสิทธิเพื่อปฏิเสธความพิเศษของชาติอื่น รวมไปถึงชาติพันธุ์ รูปแบบการปกครอง และ
5. ประชาชนชาติมลายูปาตานีสนับสนุนการแก้ไขความเป็นปรปักษ์กันระหว่างปาตานี –กรุงเทพฯ ตามวิธีการทางการเมือง และตัวแทนของคู่กรณีหลัก (BRN-RTG หรือรัฐบาลไทย) ควรรับผิดชอบในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนทั้งในระดับชาติและนานานชาติ และควรมีเจตจำนงทางการเมือง (political will) เพื่อสันติภาพที่มีศักดิ์ศรี ยุติธรรม และยั่งยืน
ชมรมผู้สนับสนุนสันติภาพปาตานี ยังระบุด้วยว่า ประชาชนมลายูปาตานีต้องใช้ชีวิตภายใต้กฎอัยการศึกที่มีอายุ 119 ปีแล้ว กฎหมายฉบับนี้ต้องยุติการบังคับใช้ที่ปาตานีก่อนจะมีกระบวนการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ สงครามเป็นทางเลือกสุดท้าย และอาจจะเกิดขึ้นอีกในเมื่อความพยายามเพื่อแสวงหาแนวทางแก้ไขทุกรูปแบบประสบความล้มเลว
อนึ่ง ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า องค์การชาติและประชาชนที่ไม่มีผู้แทน หรือ Unrepresented Nations and Peoples Organization (UNPO) เป็นองค์กรระดับนานาชาติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 11 ก.พ. 2534 ที่ กรุงเฮก, เนเธอร์แลนด์ วัตถุประสงค์คือเพื่อเป็นเสียงของชาติและประชาชนที่ไม่เป็นที่รู้จักทั่วโลก องค์นี้ไม่ใช่องค์กรที่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล (non-governmental organisation; NGO) โดยสมาชิกบางส่วนเป็นรัฐบาลหรือตัวแทนรัฐบาลของรัฐที่ไม่ได้รับการรับรอง สมาชิกประกอบด้วยชนพื้นเมือง ชนกลุ่มน้อย และรัฐที่ไม่ได้รับการรับรองหรือถูกควบคุมโดยกองทัพ UNPO จะฝึกฝนให้แต่ละกลุ่มแก้ปัญหาของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อดีตสมาชิกบางชาติ เช่น อาร์มีเนีย ติมอร์ตะวันออก เอสโตเนีย ลัตเวีย ประเทศจอร์เจีย และปาเลา ได้รับเอกราชโดยสมบูรณ์และเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ เว็บไซต์องค์การ https://unpo.org/
“จาตุรนต์” ชี้ฝ่ายปชต.ต้องจับมือไม่สลับขั้วย้ายข้าง
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_572629/
“จาตุรนต์” มอง ฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือ มีจุดยืนมั่นคง ไม่สลับขั้วย้ายข้าง ไม่เปิดโอกาสให้เผด็จการกลับมาได้อีก
ในเสวนา “เราจะรักษาชัยชนะก้าวแรกของประชาชน (และก้าวต่อๆไป) ไว้ได้อย่างไร” ซึ่งจัดโดยสถาบันปรีดี พนมยงค์ ในวาระ 91 ปี แห่งการอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 – พ.ศ. 2566 การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ด้วยการกระทำรัฐประหาร ในปี 2549 รวมถึงปี 2557 จนได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ถือเป็นรัฐธรรมนูญที่บิดเบือนจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมากที่สุด โดยเป็นรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นเพื่อไม่ให้ประชาธิปไตยอยู่ในมือประชาชนมากที่สุด โดยมีการกำหนดกติกาที่ซับซ้อน
ทำให้ผู้มีอำนาจสามารถสืบทอดและใช้อำนาจในการควบคุมองค์กรอิสระได้แบบเบ็ดเสร็จ ทำให้ประเทศไทยก้าวถอยหลัง การต่อสู้ของประชาชนยากขึ้น แต่จากการเลือกตั้งล่าสุดสะท้อนว่าประชาชนตื่นตัว มีความรู้กว้างขวางและลึกซึ้งในระบบรัฐสภามากขึ้น แสดงออกด้วยการสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ที่ยึดอำนาจสามารถกลับมาได้อีก
แต่ต้องยอมรับว่าจากรัฐธรรมนูญที่มีความบิดเบี้ยวให้อำนาจ สว. 250 เสียง มีบทบาทในรัฐสภาทำให้เสียงฝ่าย ประชาธิปไตยซึ่งประชาชนเป็นคนเลือก ทำงานยากขึ้น การจะรักษาชัยชนะในครั้งนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องมีจุดยืนที่มั่นคง จะต้องไม่ทำให้เกิดการสลับขั้วย้ายข้าง ทำให้เสียง 313 เสียงสามารถเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากประชาชนให้ได้ และจะต้องทำให้ประชาชนไม่ยอมรับการกลับมาของฝ่ายเผด็จการอีก ฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องมีเอกภาพ มีจุดยืนในการทำงานที่มั่นคง แก้ไขความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้รัฐธรรมนูญกลับมาเป็นของประชาชนให้ได้อีกครั้ง ซึ่งต้องยอมรับว่าทำยากหากยังมีสว. 250 เสียง
ด้านนายสัตวแพทย์ ปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารฯ และ ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พักก้าวไกลยังคงมีจุดยืนที่ชัดเจน ถึงแม้จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ แต่จะเป็นพรรคการเมืองของประชาชนให้ได้มากที่สุดโดยยังมุ่งในการแก้ไข 3 เรื่อง คือ การเอากองทัพออกจากการเมืองให้ได้ กระจายอำนาจออกจากศูนย์กลาง และยุติเศรษฐกิจแบบทุนผูกขาดให้ได้
หากทำได้จะถือเป็นชัยชนะระยะยาวของประชาชน ซึ่งจิ๊กซอว์ของชัยชนะคือประชาชนจะต้องกลับมาเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาให้ได้ทำให้มั่นใจว่าพรรคการเมือง เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ทำให้การเลือกตั้งชนะได้ด้วยการไม่ซื้อเสียงเพื่อ ทำให้ชนชั้นนำไม่มีเงื่อนไขกับประชาชน และผู้แทนในรัฐสภาจะต้องกลับมาเป็นผู้แทนที่ทรงเกียรติเกรงใจประชาชนมากกว่าเกรงใจผู้มีอำนาจหรือนายทุน
โดยมองว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะต้องใช้ความอดทนและความพยายามเพราะเกมการเมืองในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นเกมยาว ต้องอดทนกับแรงยั่วยุ อดทนกับการใช้ความรุนแรง และอดทนกับการถูกบีบจากผู้มีอำนาจเก่า และความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคการเมืองถูกยุบ ได้ง่าย ทั้งที่
โรมถาม รอบนี้พอได้ยัง? คาดหวังความปกติ ยันประยุทธ์ต้องติดคุก ถึงเวลาฟ้าใหม่ เตรียม ‘ฉลองวันชาติ’ ถ้านายกชื่อพิธา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4046246
โรมถาม รอบนี้พอได้ยัง? คาดหวังความปกติ ยันประยุทธ์ต้องติดคุก ถึงเวลาฟ้าใหม่ เตรียม ‘ฉลองวันชาติ’ ถ้านายกชื่อพิธา
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ร่วมกับชมรมโดมรวมใจ และวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์ จัดงานอภิปรายสาธารณะ
บรรยากาศเวลา 14.00 น. มีการอภิปรายในหัวข้อ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ” โดยมี นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.), รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำราษฎร, ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมถ่ายทอดมุมมอง ดำเนินรายการโดย นายสมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ชื่อดัง
ในตอนหนึ่ง นายรังสิมันต์กล่าวอภิปรายว่า เราต้องการจดจำให้วันนี้ ให้เป็นวันสำคัญและมีคุณค่า น่าเสียดายที่สุดท้ายการเฉลิมฉลองวันชาติ ถูกบ่อนเซาะทำลายในหลายครา มีความพยายามรื้อฟื้นหลายครา แต่ยังห่างไกลการสร้างความเป็นวันชาติจริงๆ
“แม้วันนี้ในทางการจะไม่ใช่วันชาติ แต่ตลอดประสบการณ์การได้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมันยากจริงๆ ทำให้เราระลึกอยู่ในหัวใจ ว่าประชาธิปไตยมีความหมายสำหรับพวกเรามากขนาดไหน และนี่คือความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แม้เราจะยังไม่ถึงฝั่งฝัน แต่อย่างน้อยที่สุดเราได้รู้ว่ามันมีความหมายต่อสิทธิ การพูด แสดงออกขนาดไหน
ก็หวังว่าวันที่ 24 มิถุนายนหลังจากนี้ไปจะกลายเป็นวันชาติ ที่เรามาร่วมเฉลิมฉลอง แต่เราสัญญาว่าจะไม่กลับถอยหลังไปสู่ยุคเผด็จการอีกต่อไป” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า จากนี้ต่อไปหลังเลือกตั้งคือกระบวนการเลือกประธานสภา สัปดาห์ถัดไปมีการเลือกนายกฯ สิ่งที่เราคาดหวังมากที่สุดคือความปกติ
“เราไม่ได้คาดหวังอย่างอื่นเลย บทเรียนตลอด 91 ปี นำไปสู่ 3 คำถาม ถ้าตอบได้และมีวิธีแก้จะนำไปสู่สิ่งเดียวคือความเป็นปกติของสังคม
1. เราจะทำอย่างไรให้ระยะสั้นที่สุดที่จะถึงนี้เราจะมีรัฐบาล ประธานสภา ที่สะท้อนเจตจำนงให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายกฯที่เรารู้กันอยู่ว่าจารีต ธรรมเนียมการปกครอง เขาต้องการให้ใครเป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาล ถ้าวิถีทางแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติ เราจะมีรัฐบาลที่ทำหน้าที่รับผิดชอบประชาชนโดยตรง
2. เราจะมีรัฐธรรมนูญที่จะออกจากมรดก ซากเดน คสช.ได้อย่างไร เราต่างรู้ดีว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่มีความเป็นธรรม การทำประชามติมีคนจำนวนมาก รวมถึงพี่น้องเสื้อแดงถูกจับดำเนินคดี ไม่สามารถเรียกได้ว่านี่คือรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนได้ เพราะเริ่มต้นจากการจับกุมประชาชนที่เห็นต่างทางการเมือง
3. ทำอย่างไรให้ประเทศของเราไม่กลับไปสู่การเผชิญรัฐประหารอีกแล้ว
ถ้าเราตอบ 3 คำถามนี้ได้ ไทยยังไม่พัฒนาหรอก เพราะเราจะทำอย่างกับสังคมสูงวัย การศึกษา ความเหลื่อมล้ำหายไป แต่ 3 คำถามนี้ ‘ถ้าสังคมปกติ’ อะไรที่รอคอยอยู่ ประเทศนี้พร้อม เดินไปข้างหน้าอย่างไม่ต้องกังวลอีกแล้ว มันคือความปกติที่เราถวิลหามาตลอด 91 ปี มันเป็นของเรา อำนาจเป็นของเรา” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า เชื่อว่าจะไม่สามารถทำลายตัวแทนของประชาชนได้ เพราะจะก่อเกิดขึ้นมาต่อสู้ขึ้นอีกมาก เหมือนกรณียุคพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีทางทำลายล้างเจตจำนงของประชาชนได้สำเร็จ
“ถ้าหยุดรั้งไม่ได้ รอบนี้พอได้ยัง ราคามันแพง” นายรังสิมันต์กล่าว และว่า