จากประวัติศาสตร์ อาจย้อนกลับมาอีก

กระทู้สนทนา
ขอยกเรื่องราวในอดีตมาเกริ่นก่อนจ้า...

        จนถึงเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๐ ก็ได้เกิดรัฐประหาร โดยคณะทหารบกซึ่งมี พลโท ผิน ชุณหะวรรณ เป็นหัวหน้า ได้ทำการยึดอำนาจล้มล้างรัฐบาลและยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับ พ.ศ. ๒๔๘๙ โดยได้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่คณะรัฐประหารร่างขึ้น เรียกกันว่า “รัฐธรรมนูญฉบับใต้ตุ่ม” มาใช้ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๐ และให้นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาคณะรัฐประหารก็ได้บังคับให้นายควง อภัยวงศ์ ลาออกจากตำแหน่งโดยให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน

          นายปรีดี พนมยงค์ ต้องหลบหนีออกจากทำเนียบท่าช้างอันเป็นที่พำนักเพื่อความปลอดภัยของชีวิต เนื่องจากถูกกำลังทหารนำรถถังบุกเข้าทำเนียบและยิงปืนใส่อาคารที่พัก

          หลังจากทำการรัฐประหารยึดอำนาจแล้วคณะรัฐประหารก็ได้พุ่งเป้าหมายไปสู่การทำลายนักการเมืองที่เป็นแกนนำทางการเมืองและสนับสนุนนายปรีดี พนมยงค์ ดังเช่นการจับกุมสังหารสี่อดีตรัฐมนตรี คือ นายทองอินทร์ ภูมิพัฒน์ นายถวิล อุดล นายจำลอง  ดาวเรือง และ ดร. ทองเปลว ชลภูมิ ต่อมาก็มีผู้ถูกสังหารอีกสองคน คือ นายพร มลิทอง และ ดร. ทวี ตะเวทิกุล เป้าหมายต่อไปของคณะรัฐประหารก็ได้แก่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองที่นายปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้ประศาสน์การ รวมถึงนักศึกษาซึ่งคณะรัฐประหารถือว่าเป็นฐานพลังทางการเมืองของนายปรีดี พนมยงค์ คณะรัฐประหารได้ทำการลิดรอนสิทธิของนักศึกษาด้วยวิธีต่างๆ นับตั้งแต่การจำกัดสิทธิผู้ที่ได้รับปริญญาตรีธรรมศาสตร์บัณฑิตในการเข้าเป็นสมาชิกสามัญแห่งเนติบัณฑิตยสภา สิทธิในการเข้ารับราชการในกระทรวงมหาดไทย และสิทธิในการเข้ารับราชการตำรวจ รวมทั้งการส่งกองทหารเข้าควบคุม และถึงที่สุดการยุบเลิกมหาวิทยาลัยด้วยการอนุมัติให้ซื้อมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองด้วยจำนวนเงิน ๕ ล้านบาทเพื่อใช้ประโยชน์ทางราชการทหาร เป็นเหตุให้นักศึกษารวมพลังด้วยการสนับสนุนของประชาชนและนักการเมืองที่รักความเป็นธรรม ชุมนุมเรียกร้องมหาวิทยาลัยคืนจากรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม จนเป็นผลสำเร็จเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๔

          อย่างไรก็ตาม สภาพการณ์ทางการเมืองนับจากยุคนั้นเป็นต้นมาก็ได้เข้าสู่ยุคของอำนาจเผด็จการ มีการจับกุมปราบปรามนักการเมือง นักหนังสือพิมพ์ นักเขียนนักประพันธ์ นักศึกษา กรรมกร ชาวนาชาวไร่ ที่คัดค้านเผด็จการเรียกร้องประชาธิปไตยและสันติภาพ คัดค้านการเข้าร่วมสงคราม เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินนโยบายที่เป็นอิสระเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ในข้อหากบฏเป็นจำนวนนับร้อยคน ในคดีที่เรียกกันว่า กบฏสันติภาพ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๕ และหลังจากการจับกุมในวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๕ รัฐบาลก็ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๕ ขึ้นมาใช้แทนพระราชบัญญัติว่าด้วยคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ที่ได้ถูกยกเลิกไปเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ยุติ มาใช้ปราบปรามประชาชนด้วยข้อหาคอมมิวนิสต์อันเป็นการนำประเทศไปสู่การปกครองด้วยอำนาจเผด็จการยิ่งขึ้น การปราบปรามประชาชนที่คัดค้านอำนาจเผด็จการ คัดค้านรัฐบาล คัดค้านการดำเนินโยบายที่เข้าร่วมเศรษฐกิจและทางทหารกับประเทศมหาอำนาจ ได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีที่ใช้อำนาจเผด็จการปกครองประเทศอย่างสุดขั้ว

          นายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส ต้องลี้ภัยด้วยอำนาจเผด็จการรัฐประหารไปพำนักในต่างประเทศจนถึงแก่อสัญกรรมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๖

          ถามว่า ถ้าตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ แล้ว มีการแก้ไข รัฐธรรมนูญ(คงทำแน่ และทำได้ด้วย) ให้นายกไม่ได้มาจาก สส. และออกกฏหมายบางอย่าง
เพื่อเอาผิดนายกปู จนถึงยึดทรัพย์ และหนีออกนอกประเทศ ประชาชนเสื้อแดงที่ออกมาประท้วง ก็จะถูกจัดฉากไล่ล่าแบบสมัย ท่านปรีดีย์ หรือแบบปี 53
การเลือกตั้ง ไม่ต้องพูดถึง อำนาจอยู่ในมืออีกฝ่ายแล้ว ไม่ยอมให้เกิดง่ายๆแน่
          ตอนนัเหตุการณ์กำลังจะดำเนินไปสู่สิ่งที่กังวล มีแต่ประชาชนเท่านั้นที่จะรักษาประชาธิปไตย ปกป้องนายกปูได้ .....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่