JJNY : 5in1 ตั้ง 5คณะ│‘ณัฐวุฒิ’ชี้ 8พรรคต้องช่วยกัน│วิโรจน์ชี้ตั๋ว-ส่วยฝังรากลึก│‘หอการค้า’ ชี้ตั้งรบ.ช้า│ยูเครนโวรุกคืบ

พรรคร่วมตั้งอีก5คณะทำงาน-เตรียมสัญจรสุราก้าวหน้าที่อุบลฯ-PM2.5เชียงใหม่
https://www.dailynews.co.th/news/2408314/

พรรคร่วมตั้งเพิ่มอีก 5 คณะทำงาน เตรียมสัญจรสุราก้าวหน้าที่อุบลราชธานี-PM2.5 เชียงใหม่ "พิธา" ปากหวานชม "ช็อกมินต์" ที่เพื่อไทยอร่อยเกินร้อย ชวน "อิ๊งค์" ร่วมดื่มกาแฟส้มที่พรรคก้าวไกล 20 มิ.ย. นี้ 
 
 
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 6 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย​ (พท.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์​ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยตัวแทนทั้ง 7 พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล แถลงข่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านนัดแรก นายพิธากล่าวว่าวันนี้เป็นวาระการประชุมตามงานทั้ง 7 คณะทำงาน ซึ่งมีวาระเกี่ยวกับพลังงานและน้ำมันดีเซลมาอธิบายให้ฟังถึงข้อดีข้อเสีย และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นผลกระทบกับประชาชน เมื่อรัฐบาลปัจจุบันไม่ต่อสัญญาในการลดภาษีสรรพสามิต วาระที่ 2 คือการกำหนดบทบาทและผลที่ต้องการเห็นจากคณะทำงานทั้ง 7 คณะ ให้สามารถทำงานต่อเนื่อง มีเอกภาพและเกิดผลลัพธ์ต่อประชาชนได้จริง

ส่วนวาระที่ 3 คือการกำหนดคณะทำงานเพิ่ม 5 คณะ ที่ประชาชนให้ความสนใจคือ 
1. คณะทำงานเศรษฐกิจและคณะทำงานดิจิทัล 
2. คณะทำงานต่อต้านคอร์รัปชั่นต่อต้านส่วย 
3. คณะทำงานสาธารณสุขเน้นเรื่องการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลที่เกิดประเด็นในสังคมขณะนี้ 
4. คณะทำงานเพื่อความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติของสังคมไทย 
และ 5. คณะทำงานปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ 
 
โดยวันที่ 7 มิ.ย. พรรคร่วมทั้ง 8 พรรค จะประชุมหัวหน้าพรรค และเอาข้อสรุปวันนี้ไปประชุม และคณะทำงานนี้ประชุมอีกครั้ง 20 มิ.ย. ที่พรรคก้าวไกล และจะมีคณะทำงานสัญจรลงพื้นที่ในต่างจังหวัดมากขึ้นในช่วง 2-3 อาทิตย์ที่จะถึงนี้ เช่น สุราก้าวหน้า จ.อุบลราชธานี และฝุ่น PM 2.5 ที่ จ.เชียงใหม่” นายพิธา กล่าว

ส่วนนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค พท. กล่าวว่า พรรค พท. มีข้อเสนอแนะไปยังคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านฯ 5 ข้อ เพื่อเป็นกรอบการทำงานของแต่ละคณะเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ โดยข้อแรกเราเสนอเรื่องความมั่นคงทางการคลัง ทุกนโยบายต้องคิดคำนวณความคุ้มค่าที่ลงทุนไป ต้องมีระบบภาษีที่มีประสิทธิภาพ โดยทำให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ให้รัฐบาลมีรายได้มากขึ้น แต่ไม่ใช่การเก็บภาษีเพิ่ม การออกแบบนโยบายต้องคิดคำนวณการเจริญทางเศษฐกิจควบคู่ความเท่าเทียมการกระจายรายได้ แต่ละคณะต้องวางแผนทำงานระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในด้านต่างๆ และการเปิดให้ประเทศมีการหารายได้เข้ามาจากการต่างประเทศที่สร้างรายได้ได้ 

ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เราต้องวางโรดแม็พในการสร้างสันติภาพใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน และปัญหาที่เป็นรากเง้าคือที่ดินทำกิน เราต้องกระจายการถือครองที่ดินที่เป็นธรรม เราจะไม่แก้เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา เช่นการทวงคืนผืนป่า คณะทำงานเราจึงเสนอทั้งคนของพรรคและผู้เชี่ยวชาญมาร่วมดำเนินการ

ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 8 พรรคเห็นตรงกันว่าเป็นวาระเร่งด่วนที่ควรทำให้เร็วที่สุดหลังการเปลี่ยนผ่าน รวมถึงค่าพลังงานทั้งน้ำมันและค่าไฟฟ้า ทั้ง 8 พรรคจะพิจารณาอย่างรอบคอบและให้ส่งผลกระทบน้อยที่สุดให้ประชาชนได้รับราคาที่เป็นธรรม และคณะความเท่าเทียมด้านเศรษฐกิจและสังคม เราเห็นตรงกันว่าจะไม่ให้ความสำคัญแค่รัฐสวัสดิการเท่านั้น แต่ให้เศรษฐกิจและสังคมเติบโตอย่างเท่าเทียม

เมื่อถามถึงกรณีโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการโอนหุ้นไอทีวี นายพิธา กล่าวว่า ไม่ใช่การขาย แต่โอนให้ทายาทไปเมื่อปลายเดือน พ.ค. 66 ในอดีตตนมั่นใจในข้อกฎหมายและหลักฐาน แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะมีความพยายามฟื้นคืนชีพไอทีวีขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจหรือการเมือง ตนจึงตัดสินใจโอนหุ้นให้ทายาท รวมถึงการโอนหุ้นดังกล่าว เพื่อให้การตั้งรัฐบาลดำเนินการได้สำเร็จ 
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากการประชุมของทั้ง 8 พรรคร่วมเสร็จสิ้น นายพิธาได้ลงมาซื้อเครื่องดื่มช็อกโกแลตมินต์เมนูยอดฮิตตามคำแนะนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. รวมทั้งซื้อเมนูกาแฟส้ม ซึ่งเป็นเมนูโปรดของนายพิธาที่ร้าน Think lab ของพรรค พท. โดยนายพิธาได้ชิมเมนูช็อกมินต์ก่อน โดยระบุว่า “ให้เกียรติเจ้าบ้านก่อน” หลังจากชิมแล้วนายพิธา ระบุว่า “รสชาติดีเกินร้อย” จากนั้นนายพิธาได้ชิมกาแฟส้มโดยระบุว่า “รสชาติดีเหมือนที่ร้าน Sol bar ของพรรคก้าวไกลเลยทั้งนี้ เครื่องดื่มทั้งสองเมนูมีรสชาติที่แตกต่างกัน แต่เมื่อดื่มพร้อมกันแล้วก็กลมกล่อม รวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้

นายพิธา กล่าวว่า ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ ที่จะมีการประชุม 8 พรรคร่วมที่พรรคก้าวไกล ตนจะชวน น.ส.แพทองธาร ไปชิมเมนูช็อกมินต์และกาแฟส้มที่ร้าน Sol bar ของพรรคก้าวไกลด้วย. 
 


‘ณัฐวุฒิ’ ชี้ 8 พรรค ต้องจริงใจช่วยกัน ชี้ ภัยคุกคามมีรอบด้าน ต้องช่วยกันระวังไม่ใช่ระแวง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4015860
 
‘ณัฐวุฒิ’ ชี้ 8 พรรค ต้องจริงใจช่วยกัน ชี้ ภัยคุกคามมีรอบด้าน ต้องช่วยกันระวังไม่ใช่ระแวง 
 
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเพจ “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ระบุว่า 
 
แม้มากด้วยอุปสรรค แต่ถือว่าการจัดตั้งรัฐบาลคืบหน้าเป็นลำดับ มีการตั้งคณะทำงานร่วม เวียนกันเป็นเจ้าภาพการประชุม แถลงความคืบหน้าเป็นระยะ และกองเชียร์วงนอกลดพื้นที่การแสดงความเห็นลง
 
คนใน 2 พรรคหลักต้องหนักแน่น เชื่อมั่น ไว้วางใจกันและกัน เรื่องนี้เป็นงานใหญ่ คนทำใจต้องใหญ่กว่างาน มีความเคลื่อนไหวในสื่อ หรือใครไปสัมภาษณ์ตรงไหน ควรนิ่งดูให้รอบคอบ มีข้อสงสัยคุยกันภายใน ไม่สร้างพื้นที่วิจารณ์กันผ่านสื่อออฟไลน์ออนไลน์
  
ภัยคุกคามยังมีรอบด้าน ต้องช่วยกันระวัง ไม่ใช่แข่งกันระแวง
 
ทั้ง 8 พรรคมีภาระหน้าที่ต่อประชาชน ในการตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย มี 312 (เพิ่มหรือลดรอกกต.รับรอง) จาก 500 ที่นั่ง ถ้าตั้งไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ทุกพรรคย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบอย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง
  
คำถามเรื่องอุบัติเหตุการเมือง ยังไม่ถึงเวลาของคำตอบ เพราะยังไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร และหากเกิดขึ้น 8 พรรคร่วมต้องหารือกัน โดยพรรคแรกที่ต้องแสดงคำตอบว่าจะเดินต่ออย่างไรคือก้าวไกล
 
หลักคือต้องตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ปล่อยให้ประยุทธ์กับพวกอยู่ต่อไม่ได้ จะบอกว่าพากันไปเป็นฝ่ายค้าน ให้เขาตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือซอยเท้ารอไปเรื่อยๆ จนส.ว.หมดอำนาจโหวตนายกฯเราก็ตั้งได้เอง เกรงจะไม่ง่ายเช่นนั้น
 
ถ้ารวมเสียงส.ส.เพิ่มไม่ได้ เขาไม่จำเป็นต้องตั้งเสียงข้างน้อย แต่จะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ เป็นรัฐบาลเสียงข้างเดียว ถ้า 8 พรรคจะร่วมกันเป็นฝ่ายค้านก็ต้องตีความอีกว่าเป็นฝ่ายค้านของใคร เพราะรัฐบาลที่อยู่ต่อไม่ได้มาจากสภาชุดปัจจุบัน
 
รอจน ส.ว.โหวตนายกฯไม่ได้ ก็ไม่มีหลักประกันว่าให้ประยุทธ์อยู่ต่ออีกเกือบปี แล้วฝ่ายประชาธิปไตยจะยังรักษา 312 เสียงไว้ได้ คนพวกนี้ใช้อำนาจเต็มแน่นอน งบประมาณ แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ฯลฯ ระหว่างนั้นกล้วยกับงูจะเจอกัน ของจริงกับของปลอมมีปนกันอยู่ทุกพรรค ฝ่ายเขาขาดอีก 62 เสียง เชื่อว่าจะเดินเกมรวมเสียงตั้งรัฐบาลแข่ง
 
บ้านเมืองจะวุ่นวาย การเมืองถึงทางตัน ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขากังวล เกมนี้พร้อมไปไกลถึงล้มผลเลือกตั้ง
 
ถูกต้องที่สุดคือให้พิธาเป็นนายกฯ ตามเสียงประชาชน เกมขัดขวางทั้งหลายพอได้แล้ว ใครอยากอยู่ในการเมืองต่อก็สู้กันในเกม ใครยึดอำนาจมาแล้วประชาชนไม่เอาไม่เลือก ควรกลับบ้าน
 
8 พรรคร่วมต้องจริงใจช่วยกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น หากมีเหตุเปลี่ยนแปลง วิธีคิดและการตัดสินใจของพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคอันดับ 1 จะเป็นกุญแจสำคัญในการไขคำตอบของสถานการณ์
 
https://www.facebook.com/Nattawut.UDD/posts/807443530737246
 

 
วิโรจน์ ชี้ระบบตั๋ว-ส่วย ฝังรากลึกทำข้าราชการน้ำดี ไม่มีโอกาสโต เผยมีคนฝากให้ระวังตัว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4015939

‘วิโรจน์’ ชี้ ปัญหาส่วยทำข้าราชน้ำดี ไม่มีโอกาสโต ย้ำ ต้องทำให้องค์กรอิสระยึดโยงกับ ปชช. ชม ผู้ว่าฯ ทำงานดีแต่ พ.ร.บ.กทม. เก่าเกิน
 
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 1 (เสาชิงช้า) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีส่วยและปัญหาของกรุงเทพมหานคร ว่า เราต้องรื้อฟื้นความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งปัญหาที่ถูกซุกอยู่ในวงการข้าราชการในภาพรวม นั่นคือเรื่องซื้อขายตำแหน่ง ที่ทำให้ข้าราชการที่ตั้งใจทำงานไม่มีโอกาสที่จะเติบโต โดยเฉพาะในวงการตำรวจ โดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจก็ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี ที่เคยพูดถึงการซื้อขายตำแหน่ง

ระบบตั๋วที่มันสืบทอดยาวนานมาในแวดวงข้าราชการ 8-9 ปี ทำให้เกิดการถักทอเครือข่ายจากรุ่นสู่รุ่น และกลายเป็นคอร์รัปชั่นระบบการส่งส่วยแบบฝังรากลึก ที่ไม่ใช่แค่การส่งจากล่างขึ้นบน แต่เป็นการส่งข้ามรุ่นด้วย คิดว่ารัฐบาลก้าวไกลจะทำให้ข้าราชการที่มีความสุจริตและตั้งใจทำงานกลับมามีรอยยิ้ม และภาคภูมิใจในความเป็นข้าราชการได้อีกครั้งหนึ่ง” นายวิโรจน์กล่าว
 
นายวิโรจน์กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายต้องมีความเป็นธรรม แต่ก็ต้องทบทวนโครงสร้างของ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) ให้มีความโปร่งใสเป็นธรรม และในส่วนขององค์กรอิสระที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบ การทุจริต ตรงนี้สิ่งที่ต้องแก้คือต้องแก้รัฐธรรมนูญ เช่น คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถาม ว่าในเมื่อที่มาของท่านไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน ประชาชนก็ไว้วางใจท่านให้จัดการ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ ป.ป.ช. มีโครงสร้างที่ยึดโยงกับประชาชน ประชาชนก็สามารถถอดถอนได้
 
การที่องค์กรอิสระต่างๆ มาจากกลไกของเผด็จการ ก็จะเป็นวันที่ท่านต้องมาตรวจกลุ่มเผด็จการ ก็จะเหมือนกับลูกน้องต้องมาตรวจเจ้านาย ซึ่งไม่ควรเป็นแบบนั้น เลยทำให้ความคาดหวังของประชาชนที่มีต่อ ป.ป.ช. และองค์กรอิสระต่างๆ ค่อนข้างจำกัดซึ่งต้องแก้รัฐธรรมนูญให้มีการยึดโยงกับประชาชน คือต้องมีความอิสระแต่ก็ต้องยึดโยงกับประชาชน
 
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการทำงานขององค์กรอิสระในรัฐบาลนี้ ที่ปล่อยให้มีการคอร์รัปชั่นและส่วย นายวิโรจน์กล่าวว่า ก็ทำงานแต่ทำงานภายใต้ข้อจำกัดพอไปแตะก็พบว่าบุคคลนั้นเป็นคนของคนนี้ความไวของพิจารณาคดีก็ถูกตั้งข้อสงสัย เราไม่ได้กล่าวหาแต่ประชาชนก็มีสิทธิที่จะตั้งข้อสงสัย
 
เมื่อถามว่ามายุ่งเรื่องส่วยมีการโดนข่มขู่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า ก็มีสายแปลกๆ ซึ่งเป็นยุคที่แปลกที่คนที่ทำอย่างถูกต้อง ต้องมากลัวแต่บอกเสมอว่าเมื่อมีคอมเมนต์ที่ฝากมาถึงตนหรือพรรคก้าวไกลให้ระวังตัวเอง หรือเป็นห่วงจังเลย ตนคิดว่าอย่าคอมเมนต์แบบนั้นเลย ขอแค่ยินดียืนข้างวิโรจน์เต็มใจที่จะยืนข้างพรรคก้าวไกล และถ้ามีใครทำอะไรวิโรจน์หรือทำอะไรพรรคก้าวไกล ประชาชนจะเป็นเกราะกำบัง ซึ่งก็มีทั้งโทรมาด่าและมีการโทรมาคุยกันสองคนบ้าง คล้ายทำให้เราแอบฟัง
  
เปลี่ยนจากคำว่าเป็นห่วงและระวังตัว คำว่าระวังตัวเป็นคำพูดไปเปิดแต่ไม่มีวิธีแก้ เปลี่ยนเป็นคำพูดที่ว่าคุณทำตามหน้าที่ไปเถอะประชาชนจะปกป้องคุณเองและประชาชนทุกคนส่งสัญญาณเตือนไปยังบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายอยู่ด้วย ว่าไม่ว่าจะนานแค่ไหนถ้าคุณทำอะไรวิโรจน์ ทำอะไรก้าวไกล หรือทำอะไร ส.ส.ที่ทำตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่