บก.คอมเฟิร์ม จนท.รัฐ มีส่วนละเมิดเสรีภาพสื่อ ‘ส.ส.ลิซ่า’ รับปาก แก้ปมฟ้องปิดปาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4558988
บก.ประชาไทอิงลิช ยัน จนท.รัฐ มีส่วนละเมิดเสรีภาพสื่อ ต้องแก้กฎหมาย ‘ส.ส.ลิซ่า’ รับปาก ร่วมก้าวไกลแก้ปมฟ้องปิดปาก-คุ้มครองสื่อ
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก สำนักข่าวประชาไทร่วมกับยูเนสโก จัดงาน ‘
สถานการณ์เสรีภาพสื่อหลังระบอบ คสช. และก้าวต่อไปเพื่อการปกป้องคุ้มครอง’ นำกล่าวปาฐกถาโดย
Aleksandra Bielakowska ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ จาก นักข่าวไร้พรมแดน สาขาเอเชียแปซิฟิก
พร้อมด้วย น.ส.
อันนา หล่อวัฒนตระกูล บก.ประชาไทอิงลิช/PFMSea, นายฐิติพันธ์ พัฒนมงคล บรรณาธิการ หนังสือ SLAPP ‘หนึ่งความฝัน’ กับการถูกฟ้องปิดปาก, น.ส.
สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจากคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) และ น.ส
.ภคมน หนุนอนันต์ กรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวาระวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก
ในตอนหนึ่ง น.ส.
อันนา หล่อวัฒนตระกูล บก.ประชาไทอิงลิช กล่าวว่า การละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อในไทย ไม่ว่าจะเป็นการฟ้อง ดำเนินคดี สั่งจำคุก หรือการทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าว ที่มีการบันทึกข้อมูลไว้ เกือบครึ่งของชุดข้อมูลนั้น พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิของสื่อมวลชนเป็นส่วนมาก และตลอดหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะแย่ลงมากกว่าที่จะดีขึ้น
“
ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอิสระมากมายต่างตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้ และมองว่าในการที่จะทำกฏหมายที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรสื่อขนาดใหญ่ หรือองค์กรสื่ออิสระ เพราะการร่างตัวบทกฏหมายอาจมีการใช้คำที่ไม่ได้ครอบคลุมในการปกป้องสื่อมวลชนทุกองค์กร และในส่วนของกฏหมายคดีหมิ่นประมาท ส่วนตัวมีความเห็นว่า ควรมีการแก้ไขไม่ให้มีการใช้กฏหมายนี้ในการฟ้อง SLAPP หรือเพื่อกลั่นแกล้ง ข่มขู่ คู่กรณี” น.ส.
อันนาชี้
ด้าน น.ส.
ภคมน หนุนอนันต์ หรือ
ลิซ่า รองโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ถึงแม้ปัจจุบันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนนั้นมีการพัฒนาขึ้นมาจากอดีต แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้สื่อมวลชนบางคนที่ถูกละเมิดนั้นกล้าที่จะออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่สื่อมวลชนต้องการเรียกร้องหลังถูกละเมิดสิทธิจากผู้มีอำนาจอาจ ทำให้องค์กรของตนเองมีปัญหาตามมาในภายหลังได้
ดังนั้น ทางกมธ.จึงต้องการให้มีกฏหมายที่ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ที่ทำอาชีพสื่อมวลชน เพื่อที่จะให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของตนเองหากถูกละเมิด และได้มีการหารือกับคณะการทำงานด้านกฏหมายแรงงานของพรรคก้าวไกล ให้เสนอร่างกฏหมายที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
“
แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ทางรัฐบาลนั้นปัดตกกฏหมายนี้ไป และสำหรับเรา ปัญหาหลักของเรื่องนี้คือ ‘การที่สื่อมวลชนยังถูกมองว่าเป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่ง’ ซึ่งควรเปลี่ยนแนวคิดนี้ และมองว่าการปกป้องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนก็คือการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนเช่นกัน
“และอีกเรื่องที่เป็นปัญหาที่สำคัญที่ไม่แพ้กัน คือ ‘ความร่วมมือจากฝั่งรัฐบาลชุดปัจจุบัน’ ยกตัวอย่างจากกรณีที่ได้เคยยื่นถามกระทู้สดต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในรัฐสภา เรื่องของแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลต่อสื่อมวลชน ซึ่งในวันนั้นมีคุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นมาตอบคำถามแทนแต่กลับกลายเป็นว่าทาง คุณภูมิธรรม ใช้เวทีในวันนั้นในการโจมตีพรรคก้าวไกลแทนที่จะให้คำมั่นสัญญาของรัฐบาลต่อสื่อมวลชน” น.ส.
ภคมน กล่าว และว่า
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่ามีการร่วมมือกับทางพรรคก้าวไกลในการแก้ร่างกฏหมายและจะร่วมหารือกับทางกมธ.เพื่อที่จะแก้ปัญหา ในการช่วยสื่อมวลชนที่ถูกฟ้องร้องในเชิงกลั่นแกล้ง หรือการฟ้องปิดปาก (SLAPP) โดยจะเริ่มจากการเชิญชวนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกฟ้อง SLAPP หรือใครก็ตามที่สนใจ ให้เข้ามาร่วมแก้ไขเพิ่มเติมก่อนที่จะนำส่งร่างกฏหมายสู่สภาใหญ่อีกครั้ง
ชาวกระบี่ ช็อก ป่าต้นน้ำถูกบุกรุกไถเตียนโล่งกว่า 70 ไร่ เจ้าหน้าที่เพิ่งเห็น
https://www.thairath.co.th/news/local/south/2782694
ชาวบ้านกระบี่ ช็อก พบ "ป่าต้นน้ำ" ถูกบุกรุกไถเตียนโล่งกว่า 70 ไร่ โซเชียลถล่มยับ เจ้าหน้าที่เพิ่งเห็น ด้าน สส.ก้าวไกล จี้ รมว.ทส.เร่งแก้ปัญหา ตั้งข้อสังเกตปล่อยปละละเลยขนาดนี้ มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ ว่า มีการเผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ของ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ เป็นเอกสารแสดงข้อมูลการเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุก โดยเอกสารระบุว่า พื้นที่ตรวจยึดดังกล่าวมีจำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 77 ไร่ 70 งาน บนเทือกเขาพนมเบญจา หมู่ 4 บ้านห้วยโต้ ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาพนมเบญจา” เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดเมื่อวันที่ 29-30 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด โดยสภาพพื้นที่ตามภาพ จะเห็นว่าพื้นที่ป่าดังกล่าวถูกไถ ตัดโค่นต้นไม้ใหญ่จนโล่งเตียน และยังมีการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ คาดว่าใช้สำหรับลำเลียงไม้ออกมา
หลังมีการเผยแพร่เอกสารดังกล่าวออกสู่สังคมโซเชียลของชาวกระบี่ ชาวบ้านที่เห็นสภาพป่าดังกล่าวถึงกับตกใจ และรับไม่ได้ มีการแสดงความเห็นตั้งคำถามว่า การบุกรุกพื้นที่ป่ามากกว่า 70 ไร่ขนาดนี้ น่าจะใช้เวลาทำกันมานาน แต่เพราะอะไรที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงไม่พบเห็น แต่มาพบและตรวจยึดตอนพื้นที่เตียนโล่งแบบนี้แล้ว บางคนระบุว่า นี่เป็นป่าต้นน้ำของเมืองกระบี่ อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทุกวันนี้เมืองกระบี่ ประสบปัญหาภัยแล้งหรือไม่ เพราะแหล่งต้นน้ำป่าเขาพนมเบญจา จะไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักสำหรับชาวบ้านในเมืองกระบี่ใช้อุปโภค บริโภค ปัจจุบันสภาพน้ำแห้งขอดจนเกิดปัญหาภัยแล้ง
ด้านนาย
ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สภาพป่าเขาที่กระบี่ หลายแห่งถูกบุกรุก แผ้วถาง มากมาย ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับ สนง.ป่าไม้ สำนัก 12, ก่อนหน้านี้เกิดปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนที่เกาะลันตา, ป่าเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ที่ไฟป่าติดเดือนก่อน พบมีการปักเสาปูนรั้วรวดหนามในเขตอุทยาน แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีในฐานะผู้เสียหาย เป็นเจ้าพนักงาน และมีเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปกครองกับเจ้าหน้าที่ที่ดิน ที่ไปแอบออกเอกสารในเขตป่าสงวน ป่าอุทยานอีก
เรื่องการกวดขันตรวจป่า ต้องเร่งรีบทำด่วน เพราะกระทบกับสภาวะขาดแคลนน้ำดิบ ที่เอามาทำน้ำประปาทั้งเมืองกระบี่ในปัจจุบัน และอาจสืบเนื่องยาวนานไปอีก จึงขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งข้าราชการประจำที่เป็นมืออาชีพ ต้องแสดงฝีมือจัดการด้วย ไม่ใช่มีแต่ข้ออ้าง และความกลัว ซึ่งขอตั้งข้อสังเกตว่า การปล่อยปละละเลยขนาดนี้ มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตลอดจนอยากบอกกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ว่า เรื่องนี้ต้องประกาศเป็นวาระใหญ่ของจังหวัด และปัดกวาดบ้านเราเสียที ในขณะที่กระบี่ กำลังฉลองเมืองครบรอบ 152 ปี แต่ปัญหายังมีมากมายหมักหมมอยู่.
สุดารัตน์ แนะปชช.ตื่นตัว จับตาทุนใหญ่-บ้านใหญ่ ล็อกเลือกส.ว. จัดตั้งคุมองค์กรอิสระ
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4558723
‘สุดารัตน์’ ชี้ ส.ว.เลือกกันเอง เปิดทางพรรคใหญ่ทุนหนา ล็อก ส.ว.จัดตั้ง ควบคุมองค์กรอิสระการ แนะปชช.ตื่นตัว ร่วมจับตาเลือกไขว้
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงกระบวนการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ ซึ่งจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน สมาชิกวุฒิสภาชุดเดิมที่จะหมดวาระในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ว่า กระบวนการและเงื่อนไขที่ถูกกำหนดขึ้น เสมือนเป็นการตัดสิทธิประชาชนค่อนประเทศ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการสมัคร เกณฑ์อายุ ซึ่งจงใจตัดวัย ที่เห็นต่างจากคนรุ่นใหญ่หรือคนรุ่นเก่าออกจากกระบวนการมีส่วนร่วม
สมาชิกวุฒิสภาไม่ยึดโยงกับประชาชน แต่กลับมีอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่สำคัญ โดยเฉพาะการตั้งองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นต้นทางของการรักษาระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และ กสม. รวมถึงการร่วมโหวตเพื่อสนับสนุนรัฐธรรมนูญประชาชนฉบับใหม่ อาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงตามเจตจำนงของประชาชน ส่วนเหตุผลเรื่องการเลือกกันเองเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น แต่เจตนารมณ์ที่แท้จริงคือการตัดประชาชนออกจากการมีส่วนร่วม โดยใช้คำพูดให้สวยหรู
คุณหญิง
สุดารัตน์กล่าวว่า ส.ว.ที่ถูกจัดตั้งโดยกลุ่มทุนใหญ่ กลุ่มบ้านใหญ่หรือพรรคใหญ่ ก็จะเข้าไปใช้อำนาจ และท้ายที่สุด จะไม่สามารถตรวจสอบพวกเดียวกันได้ ซึ่งตนห่วงว่า ส.ว.ชุดใหม่นี้ จะนำพาประเทศ ไปสู่ปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น ต่อกระบวนการนิติรัฐนิติธรรม ความเป็นกลางในการตรวจสอบ อาจแย่กว่า ส.ว.ชุดที่มาจากคณะรัฐประหาร ซึ่งปัญหาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว เพราะหากมีอำนาจมีเงินทุน ก็สามารถมี ส.ว.จัดตั้งเป็นของตัวเองได้ โดยคาดการณ์ว่า ส.ว.หนึ่งคน อาจใช้เงินน้อยกว่าการซื้อเสียง ส.ส.ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ดังนั้น ประชาชนต้องตระหนักรู้ เท่าทันถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศ และเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อป้องกันไม่ให้ ผู้มีอำนาจมีเงินทุนทำคลอด ส.ว.จัดตั้ง โดยต้องไม่ทำให้ตนเองถูกตัดโอกาส ในการร่วมกันรักษาบ้านเมืองให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ซึ่งตนเห็นว่าทางเดียวที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดได้คือ การเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อช่วยกันรักษาระบอบนิติรัฐ นิติธรรมให้เกิดความเที่ยงตรง ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของใคร
ราคาน้ำมันแพง ส่งผลเงินเฟ้อ เม.ย บวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/398345
ราคาน้ำมันแพง ส่งผลเงินเฟ้อเดือนเมษายน บวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยอัตาเงินเฟ้อ เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 108.16 หรือ เพิ่มขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งพลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เนื่องจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก ประกอบกับสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ สินค้าอาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ ออกสู่ตลาดลดลงและราคาสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด อย่างไรก็ดี เฉลี่ย 4 เดือนแรกของปีนี้ เงินเฟ้อยังติดลบ 0.55% และที่ต้องจับตา คือ ในไตรมาส 4 ปีนี้ ที่จะมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงาน 400 บาททั่วประเทศ และโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท จะเป็นมาตรการกระตุกเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ซึ่งทาง กระทรวงพาณิชย์กำลังทำการวิเคราะห์ข้อมูล 2 นโยบายนี้ จะกระทบต่อเงินเฟ้อปลายปีเท่าไหร่
JJNY : 5in1 ‘ลิซ่า’รับปาก แก้ปมฟ้องปิดปาก│ชาวกระบี่ช็อก│สุดารัตน์แนะตื่นตัว│น้ำมันแพงส่งผลเงินเฟ้อ│UAE อ่วม!ฝนตกหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4558988
บก.ประชาไทอิงลิช ยัน จนท.รัฐ มีส่วนละเมิดเสรีภาพสื่อ ต้องแก้กฎหมาย ‘ส.ส.ลิซ่า’ รับปาก ร่วมก้าวไกลแก้ปมฟ้องปิดปาก-คุ้มครองสื่อ
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 13.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ (FCCT) เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก สำนักข่าวประชาไทร่วมกับยูเนสโก จัดงาน ‘สถานการณ์เสรีภาพสื่อหลังระบอบ คสช. และก้าวต่อไปเพื่อการปกป้องคุ้มครอง’ นำกล่าวปาฐกถาโดย Aleksandra Bielakowska ผู้จัดการฝ่ายรณรงค์ จาก นักข่าวไร้พรมแดน สาขาเอเชียแปซิฟิก
พร้อมด้วย น.ส.อันนา หล่อวัฒนตระกูล บก.ประชาไทอิงลิช/PFMSea, นายฐิติพันธ์ พัฒนมงคล บรรณาธิการ หนังสือ SLAPP ‘หนึ่งความฝัน’ กับการถูกฟ้องปิดปาก, น.ส.สัณหวรรณ ศรีสด นักกฎหมายจากคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) และ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ กรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน ของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวาระวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก
ในตอนหนึ่ง น.ส.อันนา หล่อวัฒนตระกูล บก.ประชาไทอิงลิช กล่าวว่า การละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อในไทย ไม่ว่าจะเป็นการฟ้อง ดำเนินคดี สั่งจำคุก หรือการทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าว ที่มีการบันทึกข้อมูลไว้ เกือบครึ่งของชุดข้อมูลนั้น พบว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดสิทธิของสื่อมวลชนเป็นส่วนมาก และตลอดหลายปีที่ผ่านมา สถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะแย่ลงมากกว่าที่จะดีขึ้น
“ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวอิสระมากมายต่างตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้ และมองว่าในการที่จะทำกฏหมายที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของทุกสื่อ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรสื่อขนาดใหญ่ หรือองค์กรสื่ออิสระ เพราะการร่างตัวบทกฏหมายอาจมีการใช้คำที่ไม่ได้ครอบคลุมในการปกป้องสื่อมวลชนทุกองค์กร และในส่วนของกฏหมายคดีหมิ่นประมาท ส่วนตัวมีความเห็นว่า ควรมีการแก้ไขไม่ให้มีการใช้กฏหมายนี้ในการฟ้อง SLAPP หรือเพื่อกลั่นแกล้ง ข่มขู่ คู่กรณี” น.ส.อันนาชี้
ด้าน น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ หรือ ลิซ่า รองโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะ กมธ.พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฏร กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ถึงแม้ปัจจุบันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนนั้นมีการพัฒนาขึ้นมาจากอดีต แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้สื่อมวลชนบางคนที่ถูกละเมิดนั้นกล้าที่จะออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่สื่อมวลชนต้องการเรียกร้องหลังถูกละเมิดสิทธิจากผู้มีอำนาจอาจ ทำให้องค์กรของตนเองมีปัญหาตามมาในภายหลังได้
ดังนั้น ทางกมธ.จึงต้องการให้มีกฏหมายที่ปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ที่ทำอาชีพสื่อมวลชน เพื่อที่จะให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของตนเองหากถูกละเมิด และได้มีการหารือกับคณะการทำงานด้านกฏหมายแรงงานของพรรคก้าวไกล ให้เสนอร่างกฏหมายที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
“แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ทางรัฐบาลนั้นปัดตกกฏหมายนี้ไป และสำหรับเรา ปัญหาหลักของเรื่องนี้คือ ‘การที่สื่อมวลชนยังถูกมองว่าเป็นเพียงคนกลุ่มหนึ่ง’ ซึ่งควรเปลี่ยนแนวคิดนี้ และมองว่าการปกป้องสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนก็คือการปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนเช่นกัน
“และอีกเรื่องที่เป็นปัญหาที่สำคัญที่ไม่แพ้กัน คือ ‘ความร่วมมือจากฝั่งรัฐบาลชุดปัจจุบัน’ ยกตัวอย่างจากกรณีที่ได้เคยยื่นถามกระทู้สดต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในรัฐสภา เรื่องของแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลต่อสื่อมวลชน ซึ่งในวันนั้นมีคุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นมาตอบคำถามแทนแต่กลับกลายเป็นว่าทาง คุณภูมิธรรม ใช้เวทีในวันนั้นในการโจมตีพรรคก้าวไกลแทนที่จะให้คำมั่นสัญญาของรัฐบาลต่อสื่อมวลชน” น.ส.ภคมน กล่าว และว่า
นอกจากนี้ ยังยืนยันว่ามีการร่วมมือกับทางพรรคก้าวไกลในการแก้ร่างกฏหมายและจะร่วมหารือกับทางกมธ.เพื่อที่จะแก้ปัญหา ในการช่วยสื่อมวลชนที่ถูกฟ้องร้องในเชิงกลั่นแกล้ง หรือการฟ้องปิดปาก (SLAPP) โดยจะเริ่มจากการเชิญชวนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกฟ้อง SLAPP หรือใครก็ตามที่สนใจ ให้เข้ามาร่วมแก้ไขเพิ่มเติมก่อนที่จะนำส่งร่างกฏหมายสู่สภาใหญ่อีกครั้ง
ชาวกระบี่ ช็อก ป่าต้นน้ำถูกบุกรุกไถเตียนโล่งกว่า 70 ไร่ เจ้าหน้าที่เพิ่งเห็น
https://www.thairath.co.th/news/local/south/2782694
ชาวบ้านกระบี่ ช็อก พบ "ป่าต้นน้ำ" ถูกบุกรุกไถเตียนโล่งกว่า 70 ไร่ โซเชียลถล่มยับ เจ้าหน้าที่เพิ่งเห็น ด้าน สส.ก้าวไกล จี้ รมว.ทส.เร่งแก้ปัญหา ตั้งข้อสังเกตปล่อยปละละเลยขนาดนี้ มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ ว่า มีการเผยแพร่เอกสารประชาสัมพันธ์ของ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ เป็นเอกสารแสดงข้อมูลการเข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าถูกบุกรุก โดยเอกสารระบุว่า พื้นที่ตรวจยึดดังกล่าวมีจำนวน 2 แปลง รวมเนื้อที่ 77 ไร่ 70 งาน บนเทือกเขาพนมเบญจา หมู่ 4 บ้านห้วยโต้ ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ เป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าเขาพนมเบญจา” เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดเมื่อวันที่ 29-30 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด โดยสภาพพื้นที่ตามภาพ จะเห็นว่าพื้นที่ป่าดังกล่าวถูกไถ ตัดโค่นต้นไม้ใหญ่จนโล่งเตียน และยังมีการตัดถนนเข้าไปในพื้นที่ คาดว่าใช้สำหรับลำเลียงไม้ออกมา
หลังมีการเผยแพร่เอกสารดังกล่าวออกสู่สังคมโซเชียลของชาวกระบี่ ชาวบ้านที่เห็นสภาพป่าดังกล่าวถึงกับตกใจ และรับไม่ได้ มีการแสดงความเห็นตั้งคำถามว่า การบุกรุกพื้นที่ป่ามากกว่า 70 ไร่ขนาดนี้ น่าจะใช้เวลาทำกันมานาน แต่เพราะอะไรที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงไม่พบเห็น แต่มาพบและตรวจยึดตอนพื้นที่เตียนโล่งแบบนี้แล้ว บางคนระบุว่า นี่เป็นป่าต้นน้ำของเมืองกระบี่ อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทุกวันนี้เมืองกระบี่ ประสบปัญหาภัยแล้งหรือไม่ เพราะแหล่งต้นน้ำป่าเขาพนมเบญจา จะไหลลงสู่คลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักสำหรับชาวบ้านในเมืองกระบี่ใช้อุปโภค บริโภค ปัจจุบันสภาพน้ำแห้งขอดจนเกิดปัญหาภัยแล้ง
ด้านนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า สภาพป่าเขาที่กระบี่ หลายแห่งถูกบุกรุก แผ้วถาง มากมาย ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับ สนง.ป่าไม้ สำนัก 12, ก่อนหน้านี้เกิดปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนที่เกาะลันตา, ป่าเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ที่ไฟป่าติดเดือนก่อน พบมีการปักเสาปูนรั้วรวดหนามในเขตอุทยาน แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ไปแจ้งความดำเนินคดีในฐานะผู้เสียหาย เป็นเจ้าพนักงาน และมีเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปกครองกับเจ้าหน้าที่ที่ดิน ที่ไปแอบออกเอกสารในเขตป่าสงวน ป่าอุทยานอีก
เรื่องการกวดขันตรวจป่า ต้องเร่งรีบทำด่วน เพราะกระทบกับสภาวะขาดแคลนน้ำดิบ ที่เอามาทำน้ำประปาทั้งเมืองกระบี่ในปัจจุบัน และอาจสืบเนื่องยาวนานไปอีก จึงขอเรียกร้องให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งข้าราชการประจำที่เป็นมืออาชีพ ต้องแสดงฝีมือจัดการด้วย ไม่ใช่มีแต่ข้ออ้าง และความกลัว ซึ่งขอตั้งข้อสังเกตว่า การปล่อยปละละเลยขนาดนี้ มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ตลอดจนอยากบอกกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ว่า เรื่องนี้ต้องประกาศเป็นวาระใหญ่ของจังหวัด และปัดกวาดบ้านเราเสียที ในขณะที่กระบี่ กำลังฉลองเมืองครบรอบ 152 ปี แต่ปัญหายังมีมากมายหมักหมมอยู่.
สุดารัตน์ แนะปชช.ตื่นตัว จับตาทุนใหญ่-บ้านใหญ่ ล็อกเลือกส.ว. จัดตั้งคุมองค์กรอิสระ
https://www.matichon.co.th/politics/thai-senate-2024/news_4558723
‘สุดารัตน์’ ชี้ ส.ว.เลือกกันเอง เปิดทางพรรคใหญ่ทุนหนา ล็อก ส.ว.จัดตั้ง ควบคุมองค์กรอิสระการ แนะปชช.ตื่นตัว ร่วมจับตาเลือกไขว้
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงกระบวนการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาชุดใหม่ ซึ่งจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน สมาชิกวุฒิสภาชุดเดิมที่จะหมดวาระในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ว่า กระบวนการและเงื่อนไขที่ถูกกำหนดขึ้น เสมือนเป็นการตัดสิทธิประชาชนค่อนประเทศ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการสมัคร เกณฑ์อายุ ซึ่งจงใจตัดวัย ที่เห็นต่างจากคนรุ่นใหญ่หรือคนรุ่นเก่าออกจากกระบวนการมีส่วนร่วม
สมาชิกวุฒิสภาไม่ยึดโยงกับประชาชน แต่กลับมีอำนาจในการปฏิบัติหน้าที่สำคัญ โดยเฉพาะการตั้งองค์กรอิสระ ซึ่งเป็นต้นทางของการรักษาระบบนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และ กสม. รวมถึงการร่วมโหวตเพื่อสนับสนุนรัฐธรรมนูญประชาชนฉบับใหม่ อาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงตามเจตจำนงของประชาชน ส่วนเหตุผลเรื่องการเลือกกันเองเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น แต่เจตนารมณ์ที่แท้จริงคือการตัดประชาชนออกจากการมีส่วนร่วม โดยใช้คำพูดให้สวยหรู
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ส.ว.ที่ถูกจัดตั้งโดยกลุ่มทุนใหญ่ กลุ่มบ้านใหญ่หรือพรรคใหญ่ ก็จะเข้าไปใช้อำนาจ และท้ายที่สุด จะไม่สามารถตรวจสอบพวกเดียวกันได้ ซึ่งตนห่วงว่า ส.ว.ชุดใหม่นี้ จะนำพาประเทศ ไปสู่ปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น ต่อกระบวนการนิติรัฐนิติธรรม ความเป็นกลางในการตรวจสอบ อาจแย่กว่า ส.ว.ชุดที่มาจากคณะรัฐประหาร ซึ่งปัญหาทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว เพราะหากมีอำนาจมีเงินทุน ก็สามารถมี ส.ว.จัดตั้งเป็นของตัวเองได้ โดยคาดการณ์ว่า ส.ว.หนึ่งคน อาจใช้เงินน้อยกว่าการซื้อเสียง ส.ส.ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ดังนั้น ประชาชนต้องตระหนักรู้ เท่าทันถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศ และเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อป้องกันไม่ให้ ผู้มีอำนาจมีเงินทุนทำคลอด ส.ว.จัดตั้ง โดยต้องไม่ทำให้ตนเองถูกตัดโอกาส ในการร่วมกันรักษาบ้านเมืองให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ซึ่งตนเห็นว่าทางเดียวที่จะแก้ปัญหาทั้งหมดได้คือ การเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อช่วยกันรักษาระบอบนิติรัฐ นิติธรรมให้เกิดความเที่ยงตรง ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของใคร
ราคาน้ำมันแพง ส่งผลเงินเฟ้อ เม.ย บวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/398345
ราคาน้ำมันแพง ส่งผลเงินเฟ้อเดือนเมษายน บวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยอัตาเงินเฟ้อ เดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 108.16 หรือ เพิ่มขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งพลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เนื่องจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก ประกอบกับสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ สินค้าอาหารสด เช่น ผัก ผลไม้ ออกสู่ตลาดลดลงและราคาสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด อย่างไรก็ดี เฉลี่ย 4 เดือนแรกของปีนี้ เงินเฟ้อยังติดลบ 0.55% และที่ต้องจับตา คือ ในไตรมาส 4 ปีนี้ ที่จะมีนโยบายปรับขึ้นค่าแรงงาน 400 บาททั่วประเทศ และโครงการดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท จะเป็นมาตรการกระตุกเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ซึ่งทาง กระทรวงพาณิชย์กำลังทำการวิเคราะห์ข้อมูล 2 นโยบายนี้ จะกระทบต่อเงินเฟ้อปลายปีเท่าไหร่