เริ่มต้นกระทู้แรกของเรากับเรื่องคนบางกลุ่มในหน่วยงานของรัฐที่มีผลต่อสภาพจิตใจ
ตอนนี้เราอายุ 20 กลางๆ เรียนจบ ป.ตรี มอรัฐบาลดังแห่งหนึ่ง เราเริ่มทำงานครั้งแรกในชีวิตที่ที่ว่าการอำเภอแห่งหนึ่ง ต้องยอมรับว่าประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต้องพบเจอคนหลายรูปแบบนิสัย เช่น คนไม่จริงใจ คนหักหลัง นินทา ใส่ร้าย เราไม่ได้มากเลย แต่เราก็มันจะเจอพี่หรือเพื่อนที่ดีจริงๆเต็มที่1-3 คนจาก10กว่าคน ที่เขาเป็นกำลังใจ คอยสั่งสอนเรา รักเราเหมือนน้องเหมือนลูก ทำให้เราได้เรียนรู้ ก้าวผ่านความไม่จริงใจของคน การกลั่นแกล้ง การหักหลังของคนมาได้ เราคิดว่าก็มีความเข้มแข็งขึ้นมาได้ประมาณ 50% จนกระทั้งเราสิ้นสุดสัญญาจ้างตามโครงการ
จุดเริ่มต้นความอ่อนแอ หดหู่ รู้สึกแย่ ผิดหวัง โทษตัวเองต่างๆ นานาเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่จำความได้ เราอยู่กับแม่และน้องซึ่งน้องเราเป็นเด็กที่พัฒนาการช้า หรือหลายๆคนเรียกกันว่าเด็กปัญญาอ่อน เราเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียนดีมาตลอด เป็นเด็กกิจกรรม เป็นเด็กที่มีความสุข ร่าเริง แม่เรารักเรา ซัพพอร์ตเรา ดูแลคัดเลือกโรงเรียน พยายามเลือกสังคมที่ดีที่สุดให้เรา เรามักจะทำอะไรก็สำเร็จแต่โดยพื้นฐานเราเป็นคนตั้งใจในเป้าหมายมาก
ในความสำเร็จมาตลอดของเรานั่นแหละ พอเริ่มต้นชีวิตเรียนจบจะต้องหางานทำ บวกกับสังคมญาติพี่น้องที่ชอบแข่งขัน อวดกัน หน้าอย่างหลับหลังอย่างก็เกิดขึ้น เรียนมอดังก็หาว่าเราหัวสูง ว่าร้ายมากมายหลับหลัง แต่เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเลยเพราะเราเองมักต้องไปเรียนต่างถิ่น ไม่ได้ใช้ชีวิตใกล้ญาติพี่น้อง ขอโทษนะที่เราเกริ่นอะไรมากไปไม่เข้าเรื่องสักทีแต่ก็ขอบคุณที่อ่านนะคะ
เริ่มเรื่องเลยแล้วกัน มีรุ่นพี่ที่เคยทำงานที่เก่าของเราคนหนึ่งซึ่งหมดสัญญาจ้างเหมือนกันกับเรามันก็มีนโครงการจ้างงานของรัฐจ้างเด็กนศ.จบใหม่ คนว่างงานขึ้นระยะสั้นๆ เงินเดือน15,000บาท เราก็สมัคร สัมภาษณ์อะไรเรียบร้อยประกาศผลมาเราไม่ผ่าน เราก็ไม่ได้เสียใจอะไรเราก็ทำเต็มที่ ถึงแม่จะมีน้อยใจบ้างคือรายชื่อและมหาลัยที่ได้ก็เป็นมหาลัยหนึ่งที่คน สังคม มักชอบเปรียบเที่ยบกับมอดังๆ คือเด็กมอนั้นได้กันทุกคน ส่วนคนที่จบมหาวิทยาลัยอื่นนอกจากมอนี้คือไม่มีคนได้ที่เราพูดแบบนี้คือตอนประกาศรายชื่อเขาแสดงรายละเอียดว่าใครจบจากไหนมาบ้าง และคนที่สัมภาษณ์ก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้นเราก็มีนอยบ้างเป็นธรรมดา เราเข้าใจดีว่าการทำงานมันก็มีเรื่องของเส้นสาย
เราก็ตั้งใจสอบหางานต่อไปพอมันไม่ผ่านสักที่ก็มีท้อเป็นธรรมดา เราอยากทำงาน เราอยากเรียกดูแม่ น้อง เราอยากปลดหนี้เรียนมหาวิทยาลัยซึ่งมันเป็นจำนวนเงินกว่า 3 แสนกว่า สำหรับเรามันเยอะมาก เรากู้กยศ.ไม่ผ่าน แม่เราก็ไปกู้เงิน ธกส.ให้ ตอนั้นเราก็คุยกับแม่น่ะว่าค่าเทอมแพงมากเราจะไหวหรอแต่ด้วยความเป็นแม่ แม่ทำให้เราได้ทุกอย่าง สนับสนุนเราเสมอ เราเข้าเรียนมอนี้ได้คือเขาภูมิใจมาก ตายายดีใจ เขาก็เอาไปพูดให้คนนู้นคนนี้ฟังหลานเรียนเก่ง เป็นหลานคนแรกที่ทำให้ตระกูลได้ ซึ่งโดยส่วนตัวเราไม่ชอบเรื่องการพูดอวดให้ใครฟังเลย แต่ถึงห้ามแล้วก็ไม่สามารถหยุดสิ่งนั้นๆได้จากปากคนอื่น
มันทำให้เรากลายเป็นสิ่งที่หลายคนจับตามอง บางคนก็ทำเหมือนเราเป็นตัวแทน มันมีความคาดหวังสูงในความที่เราจะต้องทำได้ และต้องทำเท่านั้น มันก็เหนื่อย ท้อน่ะจากที่เราเคยทำอะไรก็สำเร็จไปหมดพอเข้าชีวิตการทำงานจริงนั่นแหละคือชีวิตจริงอีกรูปแบบ
เรานอนเรารู้สึกแย่โทษตัวเองบ่อยครั้งทำไมเราทำไม่ได้สักที เราเรียนมาสูงแต่นั่นแหละมันก็คือชีวิตเรียน แต่คนที่เขาได้งานตรงนั้นที่เราเล่าก่อนหน้านี้เอาจริงเจาก็เป็นพี่ที่ดีมากคนหนึ่งน่ะเราทำงานกับเขามาแค่1ปีก็เหอะ เราเป็นคนที่ให้ใจคนไม่เคยเผื่อ เขาก็ชอบมาเล่าว่า พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลยโครงการนี้ นอนอยู่บ้านเฉยๆก็มีเงินใช้สบายๆ15,000
กเที่ยว กินเหล้าสบาย ต่างๆนานาๆ จนกระทั้งจบโครงการไปพักหนึ่ง เขาก็มาบอกข่าวอีกว่าเดี๋ยวโครงการนี้จะเปิดอีกรอบน่ะ เราก็เลยบอกว่าเราไปสมัครเขาก็ไม่รับเราอีกอยู่ดีส่วนใหญ่เขารับเด็กเก่าด้วยความน้อยใจของเรา แต่พี่เขาก็พูดสวนกลับมาว่าใช่เขาไม่เอาหรอกอยากไปทะเลาะมีเรื่องกับเจา
เราจะเล่าให้ฟังสำหรับประเด็นการมีเรื่องนั้นคืออะไร โดยส่วนตัวของเราเองเราไม่เคยไปมีเรื่องกับเขาเลยเราไม่รู้จัก ไม่ได้อยู่บ้านเกิดตรงนี้เลย กลับมาอยู่อีกทีก็เรียนจบมหาลัยสอบได้งานที่นี่ แต่คนที่ไปมีเรื่องที่พูดถึงคือตัวญาติพี่น้องของเรา แต่ก็ไม่ใช่การมีเรื่องด่า ทำร้ายร่างกายน่ะ มันคือการเรียกร้องให้หน่วยงานมาตรวจสอบดูแล ความเจริญ แก้ไขปัญหาในหมู่บ้านห่างไกลที่ท่านละเลยมานานเอาจริงพวกเขาก็เอาแต่พวกพ้องตัวเองมานาน พอถึงเวลาหาเสียงท่านมายกมือไหว้ทีแล้วจบ มันก็เหนื่อย
ญาติพี่น้องบางคนจึงใช้โซเชียลในการตัดพ้อ
ท่านก็ไม่พอใจ แถมข่มขู่ เวลามีข่าวสารจะต้องแจ้งต้องลงมติพัฒนาต่างๆก็ไม่เคยแจ้งพวกเราเอาแต่ให้พวกตัวเอง ยิ่งเห็นเรายิ่งท้อ หดหู่
เราตั้งใจเรียนตรงนี้มาเพื่อพัฒนาบ้านเกิดเรามากๆน่ะ แต่ก็โดนผู้ใหญ่หน่วยงานรัฐท้องถิ่นแกล้ง ได้แต่แอบร้องไห้ บางครั้งมันก็มืดมน ด้วยภาระทางการเงินเอาจริงก็จนเลยน่ะฐานะ การตกงาน ความคาดหวัดมากมาย เครียดอยากฆ่าตัวตาย แต่ทำไม่ได้ เพราะเราตายจะทำให้คนที่รักเรา แม่ น้อง เสียใจ แต่มันหดหู่มากเลยเราไม่ได้ก่อเรื่องแต่เขาเกลียดเราเหมารวม พูดจาให้คนไม่รับเราได้งาน ทั้งที่คนที่จะรับเราเขาทำงานเขาก็บอกอยากได้เราเข้าทำงาน เรามีคุณสมบัติที่ตรงความต้องการน่ะ แต่สังคมมันบังคับ เราก็ได้แต่ทำใจ เกลียดตัวเองทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราที่เคยเข้มแข็ง คนเก่งคนนั้นมันหายไปไหน ตั้งคำถามคุยกับตัวเองทำไม ทำไมๆๆๆ เมื่อไรวงจรอุบาตจะหมดไป นอยกับสิ่งที่คนไม่ต้องพยายาม แค่มีเงิน มีเส้นสายชีวิตก็ง่ายไปหมดแล้วมาพูดทับถมเรา ถึงเราจะพยายามไม่ให้ค่าคำเหล่านั้น แต่ยังไงก็เสียใจและรู้สึกแย่โทษตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ
ประสบการณ์ชีวิตน้อยกับวงจรอุบาตราชการบางแห่ง
ท้อ หดหู่ วงจรอุบาตหน่วยงานรัฐ ท้องถิ่น แห่งหนึ่ง
ตอนนี้เราอายุ 20 กลางๆ เรียนจบ ป.ตรี มอรัฐบาลดังแห่งหนึ่ง เราเริ่มทำงานครั้งแรกในชีวิตที่ที่ว่าการอำเภอแห่งหนึ่ง ต้องยอมรับว่าประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต้องพบเจอคนหลายรูปแบบนิสัย เช่น คนไม่จริงใจ คนหักหลัง นินทา ใส่ร้าย เราไม่ได้มากเลย แต่เราก็มันจะเจอพี่หรือเพื่อนที่ดีจริงๆเต็มที่1-3 คนจาก10กว่าคน ที่เขาเป็นกำลังใจ คอยสั่งสอนเรา รักเราเหมือนน้องเหมือนลูก ทำให้เราได้เรียนรู้ ก้าวผ่านความไม่จริงใจของคน การกลั่นแกล้ง การหักหลังของคนมาได้ เราคิดว่าก็มีความเข้มแข็งขึ้นมาได้ประมาณ 50% จนกระทั้งเราสิ้นสุดสัญญาจ้างตามโครงการ
จุดเริ่มต้นความอ่อนแอ หดหู่ รู้สึกแย่ ผิดหวัง โทษตัวเองต่างๆ นานาเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่จำความได้ เราอยู่กับแม่และน้องซึ่งน้องเราเป็นเด็กที่พัฒนาการช้า หรือหลายๆคนเรียกกันว่าเด็กปัญญาอ่อน เราเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียนดีมาตลอด เป็นเด็กกิจกรรม เป็นเด็กที่มีความสุข ร่าเริง แม่เรารักเรา ซัพพอร์ตเรา ดูแลคัดเลือกโรงเรียน พยายามเลือกสังคมที่ดีที่สุดให้เรา เรามักจะทำอะไรก็สำเร็จแต่โดยพื้นฐานเราเป็นคนตั้งใจในเป้าหมายมาก
ในความสำเร็จมาตลอดของเรานั่นแหละ พอเริ่มต้นชีวิตเรียนจบจะต้องหางานทำ บวกกับสังคมญาติพี่น้องที่ชอบแข่งขัน อวดกัน หน้าอย่างหลับหลังอย่างก็เกิดขึ้น เรียนมอดังก็หาว่าเราหัวสูง ว่าร้ายมากมายหลับหลัง แต่เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเลยเพราะเราเองมักต้องไปเรียนต่างถิ่น ไม่ได้ใช้ชีวิตใกล้ญาติพี่น้อง ขอโทษนะที่เราเกริ่นอะไรมากไปไม่เข้าเรื่องสักทีแต่ก็ขอบคุณที่อ่านนะคะ
เริ่มเรื่องเลยแล้วกัน มีรุ่นพี่ที่เคยทำงานที่เก่าของเราคนหนึ่งซึ่งหมดสัญญาจ้างเหมือนกันกับเรามันก็มีนโครงการจ้างงานของรัฐจ้างเด็กนศ.จบใหม่ คนว่างงานขึ้นระยะสั้นๆ เงินเดือน15,000บาท เราก็สมัคร สัมภาษณ์อะไรเรียบร้อยประกาศผลมาเราไม่ผ่าน เราก็ไม่ได้เสียใจอะไรเราก็ทำเต็มที่ ถึงแม่จะมีน้อยใจบ้างคือรายชื่อและมหาลัยที่ได้ก็เป็นมหาลัยหนึ่งที่คน สังคม มักชอบเปรียบเที่ยบกับมอดังๆ คือเด็กมอนั้นได้กันทุกคน ส่วนคนที่จบมหาวิทยาลัยอื่นนอกจากมอนี้คือไม่มีคนได้ที่เราพูดแบบนี้คือตอนประกาศรายชื่อเขาแสดงรายละเอียดว่าใครจบจากไหนมาบ้าง และคนที่สัมภาษณ์ก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนั้นเราก็มีนอยบ้างเป็นธรรมดา เราเข้าใจดีว่าการทำงานมันก็มีเรื่องของเส้นสาย
เราก็ตั้งใจสอบหางานต่อไปพอมันไม่ผ่านสักที่ก็มีท้อเป็นธรรมดา เราอยากทำงาน เราอยากเรียกดูแม่ น้อง เราอยากปลดหนี้เรียนมหาวิทยาลัยซึ่งมันเป็นจำนวนเงินกว่า 3 แสนกว่า สำหรับเรามันเยอะมาก เรากู้กยศ.ไม่ผ่าน แม่เราก็ไปกู้เงิน ธกส.ให้ ตอนั้นเราก็คุยกับแม่น่ะว่าค่าเทอมแพงมากเราจะไหวหรอแต่ด้วยความเป็นแม่ แม่ทำให้เราได้ทุกอย่าง สนับสนุนเราเสมอ เราเข้าเรียนมอนี้ได้คือเขาภูมิใจมาก ตายายดีใจ เขาก็เอาไปพูดให้คนนู้นคนนี้ฟังหลานเรียนเก่ง เป็นหลานคนแรกที่ทำให้ตระกูลได้ ซึ่งโดยส่วนตัวเราไม่ชอบเรื่องการพูดอวดให้ใครฟังเลย แต่ถึงห้ามแล้วก็ไม่สามารถหยุดสิ่งนั้นๆได้จากปากคนอื่น
มันทำให้เรากลายเป็นสิ่งที่หลายคนจับตามอง บางคนก็ทำเหมือนเราเป็นตัวแทน มันมีความคาดหวังสูงในความที่เราจะต้องทำได้ และต้องทำเท่านั้น มันก็เหนื่อย ท้อน่ะจากที่เราเคยทำอะไรก็สำเร็จไปหมดพอเข้าชีวิตการทำงานจริงนั่นแหละคือชีวิตจริงอีกรูปแบบ
เรานอนเรารู้สึกแย่โทษตัวเองบ่อยครั้งทำไมเราทำไม่ได้สักที เราเรียนมาสูงแต่นั่นแหละมันก็คือชีวิตเรียน แต่คนที่เขาได้งานตรงนั้นที่เราเล่าก่อนหน้านี้เอาจริงเจาก็เป็นพี่ที่ดีมากคนหนึ่งน่ะเราทำงานกับเขามาแค่1ปีก็เหอะ เราเป็นคนที่ให้ใจคนไม่เคยเผื่อ เขาก็ชอบมาเล่าว่า พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลยโครงการนี้ นอนอยู่บ้านเฉยๆก็มีเงินใช้สบายๆ15,000
กเที่ยว กินเหล้าสบาย ต่างๆนานาๆ จนกระทั้งจบโครงการไปพักหนึ่ง เขาก็มาบอกข่าวอีกว่าเดี๋ยวโครงการนี้จะเปิดอีกรอบน่ะ เราก็เลยบอกว่าเราไปสมัครเขาก็ไม่รับเราอีกอยู่ดีส่วนใหญ่เขารับเด็กเก่าด้วยความน้อยใจของเรา แต่พี่เขาก็พูดสวนกลับมาว่าใช่เขาไม่เอาหรอกอยากไปทะเลาะมีเรื่องกับเจา
เราจะเล่าให้ฟังสำหรับประเด็นการมีเรื่องนั้นคืออะไร โดยส่วนตัวของเราเองเราไม่เคยไปมีเรื่องกับเขาเลยเราไม่รู้จัก ไม่ได้อยู่บ้านเกิดตรงนี้เลย กลับมาอยู่อีกทีก็เรียนจบมหาลัยสอบได้งานที่นี่ แต่คนที่ไปมีเรื่องที่พูดถึงคือตัวญาติพี่น้องของเรา แต่ก็ไม่ใช่การมีเรื่องด่า ทำร้ายร่างกายน่ะ มันคือการเรียกร้องให้หน่วยงานมาตรวจสอบดูแล ความเจริญ แก้ไขปัญหาในหมู่บ้านห่างไกลที่ท่านละเลยมานานเอาจริงพวกเขาก็เอาแต่พวกพ้องตัวเองมานาน พอถึงเวลาหาเสียงท่านมายกมือไหว้ทีแล้วจบ มันก็เหนื่อย
ญาติพี่น้องบางคนจึงใช้โซเชียลในการตัดพ้อ
ท่านก็ไม่พอใจ แถมข่มขู่ เวลามีข่าวสารจะต้องแจ้งต้องลงมติพัฒนาต่างๆก็ไม่เคยแจ้งพวกเราเอาแต่ให้พวกตัวเอง ยิ่งเห็นเรายิ่งท้อ หดหู่
เราตั้งใจเรียนตรงนี้มาเพื่อพัฒนาบ้านเกิดเรามากๆน่ะ แต่ก็โดนผู้ใหญ่หน่วยงานรัฐท้องถิ่นแกล้ง ได้แต่แอบร้องไห้ บางครั้งมันก็มืดมน ด้วยภาระทางการเงินเอาจริงก็จนเลยน่ะฐานะ การตกงาน ความคาดหวัดมากมาย เครียดอยากฆ่าตัวตาย แต่ทำไม่ได้ เพราะเราตายจะทำให้คนที่รักเรา แม่ น้อง เสียใจ แต่มันหดหู่มากเลยเราไม่ได้ก่อเรื่องแต่เขาเกลียดเราเหมารวม พูดจาให้คนไม่รับเราได้งาน ทั้งที่คนที่จะรับเราเขาทำงานเขาก็บอกอยากได้เราเข้าทำงาน เรามีคุณสมบัติที่ตรงความต้องการน่ะ แต่สังคมมันบังคับ เราก็ได้แต่ทำใจ เกลียดตัวเองทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ เราที่เคยเข้มแข็ง คนเก่งคนนั้นมันหายไปไหน ตั้งคำถามคุยกับตัวเองทำไม ทำไมๆๆๆ เมื่อไรวงจรอุบาตจะหมดไป นอยกับสิ่งที่คนไม่ต้องพยายาม แค่มีเงิน มีเส้นสายชีวิตก็ง่ายไปหมดแล้วมาพูดทับถมเรา ถึงเราจะพยายามไม่ให้ค่าคำเหล่านั้น แต่ยังไงก็เสียใจและรู้สึกแย่โทษตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ