สวัสดีครับ ครบปีที่จะมารีวิวเจ้า MG EP plus ว่าหลังจากใช้งานแล้วเจอปัญหาอะไรหรือไม่ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เผื่อเป็นข้อมูลกับคนที่กำลังตัดสินใจใช้รถไฟฟ้าครับ
1. สภาพทั่วๆไป
เป็นทรง wagon หน้าตาอาจมีอายุนิดนึงครับ option ก็น้อย ด้วยราคาไม่ถึงล้าน แต่พอ option น้อย กลายเป็นว่ารถเลยไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนรุ่นอื่นๆ
หน้าจอแรมต่ำมาก มีค้างเป็นพักๆ แต่การใช้งานคือดี ต่อ apple car play ไม่เคยมีปัญหาครับ google maps ออกหน้าจอเลย สะดวกมาก
วิธีแก้เวลาจอค้าง หรือ อะไรก็ตาม --> กดปุ่ม home แช่ 10 วินาที เป็นรีเซทได้
หน้าจอกลางสว่างมาก ปรับลดต่ำสุดก็สว่าง กลางคืนขับแล้วแสบตาได้เลย
วิธีแก้ --> กดปิดหน้าจอได้ครับ มุมล่างขวา
หน้าจอคอนโซลตรงพวงมาลัย สว่างหน่อย อันนี้ปิดไม่ได้ เวลาขับกลางคืน
วิธีแก้--> ติดฟิล์ม หรือ เอาผ้าห่มลูก(ทารก) มาปิดตอนขับ T_T อันนี้ทำจริงๆนะครับไม่ได้มุก
แอร์ หนาวมาก เปิดเบาสุดก็หนาว ด้วยความที่รถไม่มีระบบออโต้ เลยคุมอุณหภูมิไม่ได้
วิธีแก้ --> ปิดช่องแอร์ได้ หรือเปิดแบ่งลงเท้าด้วย
ไม่มีไฟกลางเก๋ง แต่ไม่อยากเดินสายไฟ ไอเดียจากในกลุ่ม MG EP หลังทำแล้วไปโชว์ในกลุ่ม สรุปว่า เวิร์คครับ เป็นแม่เหล็กด้วย เอาออกมาชาร์จได้
2. ประหยัดค่าเชื้อเพลิงมากไหม ถังนึงวิ่งได้กี่กิโล
ของผมอาจจะใช้เป็นบรรทัดฐานยากหน่อยนะครับ ผมขับรถช้า ทำงานกทม.ชานเมือง วิ่งทีได้ราวๆ 400 km ครับ
จากรูปคร่าวๆคือ วิ่ง 100 กม. ใช้ไฟแค่ 10.9 หน่วย ตีกลมๆ 11 หน่วยครับ
แปลง่ายๆ ถ้าไฟบ้าน 0.11 หน่วยต่อ 1 กม.ครับ ทีนี้ก็แล้วแต่ต้นทุนไฟแล้ว ว่าระบบที่บ้านเป็นอย่างไร
เช่น ถ้าไฟ หน่วยละ 5 บาท ก็คือ 55 บาท ต่อ 100 กม. เป็นต้นครับ
แต่ทีนี้ที่บ้านผมใช้ solar cell กับ มิเตอร์ TOU ทีนี้เทคนิคเพียบเลย
เช่นกลางคืน สมัยก่อน 2.7 บาท เดี๋ยวนี้ค่าFT แพง รวม vat แล้ว กลางคืนค่าไฟหน่วยละ 3.8 บาทเลยทีเดียว
แปลว่า ถ้าผมชาร์จไฟบ้าน ค่าเชื้อเพลิงผมคือ 41 สตางค์ต่อกิโลเลยทีเดียว
แต่ ผมโชคดีตรง
- ช่วง 8เดือนแรก ผมชาร์จ PTT ฟรีเลยครับ PTT EV ช่วงทดลองระบบชาร์จฟรี จองคิวไว้แล้วแวะชาร์จได้เลย 8 เดือนแรก ไม่เสียค่าไฟเลยครับ วิ่งไปเป็นหมื่นโลเลย ที่ว่าโลคดีคือ ตรงที่ทำงาน มี 1 ตู้ ตรงที่บ้านมี 2 ตู้ ถือว่าเยอะมากในสมัยนั้นครับ
- ที่บ้านมีโซลาร์เซลล์ ผลิตไฟได้ 3.5-4.2 kwh ช่วงกลางวันโดยประมาณ ทำให้กลางวันผมใช้สายชาร์จติดผนัง 2.2 kwh เอาไฟที่เหลือมาชาร์จรถ ตรงนี้ฟรีครับ ไม่เสียเงิน
ตรงนี้สำคัญ ควรมีเต้ารับสายไฟขนาดใหญ่หน่อยครับ เพื่อความปลอดภัย ที่วงสีแดงในรูป
ส่วนที่ชาร์จแถมมาจาก MG เรากดสแกนด้านข้าง วงสีขาว ทำให้ชาร์จโดยไม่ต้องใช้บัตรได้แล้วนะครับ
ทำให้โดยรวม ปีแรกของผม วิ่งฟรีไปซะส่วนใหญ่ครับ 2 หมื่นกว่ากิโล น่าจะเสียค่าไฟไปไม่กี่พันครับ เสียแค่นานๆทีชาร์จกลางคืน กับตอนไปเที่ยว
3. ต่อประกัน ภาษี แพงมั้ย
อันนี้เป็นภาษี ไม่แพงนะครับ เพราะไม่ได้ปล่อยมลพิษ รัฐบาล subsidized ให้ 1600 บาท
ส่วนต่อประกันชั้น 1 ซ่อม ศูนย์ ผมต่อไป 19000 ปลายๆ พอๆกับรถซีวิกของผมครับ
สรุปว่า ภาษีถูก ต่อประกันชั้น 1 พอๆกับรถเครื่องยนต์
4.เช็คระยะแพงไหม
ตอนแรกไม่รู้ ไปเข้า dealer เสียไปพันกว่าบาท แต่ พอระยะต่อๆไป เข้า MG พระนคร เช็คระยะฟรีครับ สรุปคือ แสนกิโลแรกน่าจะไม่ถึงหมื่น ตามที่เค้าเคลมไว้
5.ไปเที่ยวลำบากไหม
จริงๆเดี๋ยวนี้ไปรู้สึกง่ายและสะดวกมากครับ ถ้าวางแผน และ รู้จักตู้ชาร์จ
เช่น PTT EV จองได้ สะดวกมาก
Elexa มีทั้งแบบจองและ walk in
ซึ่งง่ายมากเวลาผมไปเที่ยวครับ เช่นตอนไปเขาใหญ่ ผมแวะเที่ยว mid winter ก็เสียบทิ้งไว้ แล้วไปทำธุระได้เลย
ส่วน PTT ก็ง่าย กดจองไว้ แวะเสียบพักกินข้าว สะดวกมากครับ
คำแนะนำนะครับ ควรชาร์จ ปตท.ครับ
เพราะ ทั่วไปหน่วยละ 7.5 บาทกัน แต่ถ้า ปตท. ช่วง off peak 4.5 บาท เอาจริงๆถูกกว่าไฟบ้านอีกครับ
สรุป
- ตอนนี้รถ EV ยังไม่เหมาะกับทุกคน เช่น คนอยู่คอนโดนะครับ เพราะตู้ชาร์จยังไม่เพียงพอแน่ๆ แม้ว่าจะเยอะขึ้นมากก็ตาม และตามคอนโดถ้าติดก็ได้แค่แบบ AC ผมว่าไม่สะดวก
- ถ้าบ้านคุณพร้อมใช้ ชีวิตประจำวันใช้ทำงานเป็นหลัก ไปเที่ยวบ้างวันหยุด ใช้เลยครับ คุ้มแน่นอน เพราะรัฐบาล subsidize ถึงปี 68 เลย
- เรื่อง TOU meter บางเขตเราขอสำหรับรถ EV แยกมาได้เลย ถ้า ตจว. สะดวกมากครับ
- MG EP เป็นรถที่ดีนะครับ ขนาดตัวรถ แรงบิดขนาดนี้ ราคานี้ ยังมองว่าคุ้มค่ามาก ออปชั่นน้อย แต่ ปัญหาก็น้อยครับ อาจหน้าตาไม่วัยรุ่นแค่นั้น555
- ผมซื้อตอนราคาลดแล้ว 980000 ไม่ทันส่วนลด แต่ ไม่เสียดายนะครับ เพราะตอนนั้นผมต้องซื้อคันใหม่อยู่แล้ว ย้อนมาคิดตอนนี้ ผมดีใจนะที่ตัดสินใจใช้รถไฟฟ้า ตอนนี้กำลังรออีกคัน มาเดือนหน้าครับ ก็ได้ส่วนลดอยู่ดี และคันต่อไปจะซื้อก่อนสิ้นปี 68 ครับ
เป็นรีวิวเล็กๆ สำหรับคนตัดสินใจซื้อรถ EV ครับ ขอบคุณครับ
เล่าประสบการณ์ หลังใช้รถไฟฟ้าครบ 1 ปี MG EP plus กับการใช้งานที่คุ้มค่า ค่าใช้จ่ายจุกจิก ภาษี ประกันแพงหรือไม่
1. สภาพทั่วๆไป
เป็นทรง wagon หน้าตาอาจมีอายุนิดนึงครับ option ก็น้อย ด้วยราคาไม่ถึงล้าน แต่พอ option น้อย กลายเป็นว่ารถเลยไม่ค่อยมีปัญหาเหมือนรุ่นอื่นๆ
หน้าจอแรมต่ำมาก มีค้างเป็นพักๆ แต่การใช้งานคือดี ต่อ apple car play ไม่เคยมีปัญหาครับ google maps ออกหน้าจอเลย สะดวกมาก
วิธีแก้เวลาจอค้าง หรือ อะไรก็ตาม --> กดปุ่ม home แช่ 10 วินาที เป็นรีเซทได้
หน้าจอกลางสว่างมาก ปรับลดต่ำสุดก็สว่าง กลางคืนขับแล้วแสบตาได้เลย
วิธีแก้ --> กดปิดหน้าจอได้ครับ มุมล่างขวา
หน้าจอคอนโซลตรงพวงมาลัย สว่างหน่อย อันนี้ปิดไม่ได้ เวลาขับกลางคืน
วิธีแก้--> ติดฟิล์ม หรือ เอาผ้าห่มลูก(ทารก) มาปิดตอนขับ T_T อันนี้ทำจริงๆนะครับไม่ได้มุก
แอร์ หนาวมาก เปิดเบาสุดก็หนาว ด้วยความที่รถไม่มีระบบออโต้ เลยคุมอุณหภูมิไม่ได้
วิธีแก้ --> ปิดช่องแอร์ได้ หรือเปิดแบ่งลงเท้าด้วย
ไม่มีไฟกลางเก๋ง แต่ไม่อยากเดินสายไฟ ไอเดียจากในกลุ่ม MG EP หลังทำแล้วไปโชว์ในกลุ่ม สรุปว่า เวิร์คครับ เป็นแม่เหล็กด้วย เอาออกมาชาร์จได้
2. ประหยัดค่าเชื้อเพลิงมากไหม ถังนึงวิ่งได้กี่กิโล
ของผมอาจจะใช้เป็นบรรทัดฐานยากหน่อยนะครับ ผมขับรถช้า ทำงานกทม.ชานเมือง วิ่งทีได้ราวๆ 400 km ครับ
จากรูปคร่าวๆคือ วิ่ง 100 กม. ใช้ไฟแค่ 10.9 หน่วย ตีกลมๆ 11 หน่วยครับ
แปลง่ายๆ ถ้าไฟบ้าน 0.11 หน่วยต่อ 1 กม.ครับ ทีนี้ก็แล้วแต่ต้นทุนไฟแล้ว ว่าระบบที่บ้านเป็นอย่างไร
เช่น ถ้าไฟ หน่วยละ 5 บาท ก็คือ 55 บาท ต่อ 100 กม. เป็นต้นครับ
แต่ทีนี้ที่บ้านผมใช้ solar cell กับ มิเตอร์ TOU ทีนี้เทคนิคเพียบเลย
เช่นกลางคืน สมัยก่อน 2.7 บาท เดี๋ยวนี้ค่าFT แพง รวม vat แล้ว กลางคืนค่าไฟหน่วยละ 3.8 บาทเลยทีเดียว
แปลว่า ถ้าผมชาร์จไฟบ้าน ค่าเชื้อเพลิงผมคือ 41 สตางค์ต่อกิโลเลยทีเดียว
แต่ ผมโชคดีตรง
- ช่วง 8เดือนแรก ผมชาร์จ PTT ฟรีเลยครับ PTT EV ช่วงทดลองระบบชาร์จฟรี จองคิวไว้แล้วแวะชาร์จได้เลย 8 เดือนแรก ไม่เสียค่าไฟเลยครับ วิ่งไปเป็นหมื่นโลเลย ที่ว่าโลคดีคือ ตรงที่ทำงาน มี 1 ตู้ ตรงที่บ้านมี 2 ตู้ ถือว่าเยอะมากในสมัยนั้นครับ
- ที่บ้านมีโซลาร์เซลล์ ผลิตไฟได้ 3.5-4.2 kwh ช่วงกลางวันโดยประมาณ ทำให้กลางวันผมใช้สายชาร์จติดผนัง 2.2 kwh เอาไฟที่เหลือมาชาร์จรถ ตรงนี้ฟรีครับ ไม่เสียเงิน
ตรงนี้สำคัญ ควรมีเต้ารับสายไฟขนาดใหญ่หน่อยครับ เพื่อความปลอดภัย ที่วงสีแดงในรูป
ส่วนที่ชาร์จแถมมาจาก MG เรากดสแกนด้านข้าง วงสีขาว ทำให้ชาร์จโดยไม่ต้องใช้บัตรได้แล้วนะครับ
ทำให้โดยรวม ปีแรกของผม วิ่งฟรีไปซะส่วนใหญ่ครับ 2 หมื่นกว่ากิโล น่าจะเสียค่าไฟไปไม่กี่พันครับ เสียแค่นานๆทีชาร์จกลางคืน กับตอนไปเที่ยว
3. ต่อประกัน ภาษี แพงมั้ย
อันนี้เป็นภาษี ไม่แพงนะครับ เพราะไม่ได้ปล่อยมลพิษ รัฐบาล subsidized ให้ 1600 บาท
ส่วนต่อประกันชั้น 1 ซ่อม ศูนย์ ผมต่อไป 19000 ปลายๆ พอๆกับรถซีวิกของผมครับ
สรุปว่า ภาษีถูก ต่อประกันชั้น 1 พอๆกับรถเครื่องยนต์
4.เช็คระยะแพงไหม
ตอนแรกไม่รู้ ไปเข้า dealer เสียไปพันกว่าบาท แต่ พอระยะต่อๆไป เข้า MG พระนคร เช็คระยะฟรีครับ สรุปคือ แสนกิโลแรกน่าจะไม่ถึงหมื่น ตามที่เค้าเคลมไว้
5.ไปเที่ยวลำบากไหม
จริงๆเดี๋ยวนี้ไปรู้สึกง่ายและสะดวกมากครับ ถ้าวางแผน และ รู้จักตู้ชาร์จ
เช่น PTT EV จองได้ สะดวกมาก
Elexa มีทั้งแบบจองและ walk in
ซึ่งง่ายมากเวลาผมไปเที่ยวครับ เช่นตอนไปเขาใหญ่ ผมแวะเที่ยว mid winter ก็เสียบทิ้งไว้ แล้วไปทำธุระได้เลย
ส่วน PTT ก็ง่าย กดจองไว้ แวะเสียบพักกินข้าว สะดวกมากครับ
คำแนะนำนะครับ ควรชาร์จ ปตท.ครับ
เพราะ ทั่วไปหน่วยละ 7.5 บาทกัน แต่ถ้า ปตท. ช่วง off peak 4.5 บาท เอาจริงๆถูกกว่าไฟบ้านอีกครับ
สรุป
- ตอนนี้รถ EV ยังไม่เหมาะกับทุกคน เช่น คนอยู่คอนโดนะครับ เพราะตู้ชาร์จยังไม่เพียงพอแน่ๆ แม้ว่าจะเยอะขึ้นมากก็ตาม และตามคอนโดถ้าติดก็ได้แค่แบบ AC ผมว่าไม่สะดวก
- ถ้าบ้านคุณพร้อมใช้ ชีวิตประจำวันใช้ทำงานเป็นหลัก ไปเที่ยวบ้างวันหยุด ใช้เลยครับ คุ้มแน่นอน เพราะรัฐบาล subsidize ถึงปี 68 เลย
- เรื่อง TOU meter บางเขตเราขอสำหรับรถ EV แยกมาได้เลย ถ้า ตจว. สะดวกมากครับ
- MG EP เป็นรถที่ดีนะครับ ขนาดตัวรถ แรงบิดขนาดนี้ ราคานี้ ยังมองว่าคุ้มค่ามาก ออปชั่นน้อย แต่ ปัญหาก็น้อยครับ อาจหน้าตาไม่วัยรุ่นแค่นั้น555
- ผมซื้อตอนราคาลดแล้ว 980000 ไม่ทันส่วนลด แต่ ไม่เสียดายนะครับ เพราะตอนนั้นผมต้องซื้อคันใหม่อยู่แล้ว ย้อนมาคิดตอนนี้ ผมดีใจนะที่ตัดสินใจใช้รถไฟฟ้า ตอนนี้กำลังรออีกคัน มาเดือนหน้าครับ ก็ได้ส่วนลดอยู่ดี และคันต่อไปจะซื้อก่อนสิ้นปี 68 ครับ
เป็นรีวิวเล็กๆ สำหรับคนตัดสินใจซื้อรถ EV ครับ ขอบคุณครับ