แชร์ประสบการณ์ รถไฟฟ้าEV ถ้าไม่ติด home charger ได้ไหม ปลั๊กธรรมดาชาร์จรถได้หรือไม่

สวัสดีครับ วันนี้หลังใช้รถ EV มาได้ปีกว่าๆ จะมาเล่าเรื่องการชาร์จกรณีที่ไม่มี home charger ว่าทำอย่างไรได้บ้าง  อันนี้ไม่เล่าถึงการไปชาร์จไว DC ตามปั๊มนะครับ เอาแต่เรื่องชาร์จบ้านล้วนๆ 

ก่อนอ่านบทความผมขอ 2 บรรทัดครับ เพื่อจะเข้าใจง่ายแบบภาษาบ้านๆ
***1 กิโลวัตต์ คือ 1 หน่วยค่าไฟที่เราจ่ายเวลาอ่านบิล หน่วยละประมาณ 5 บาทกว่านั่นแหละ***
*** จะแอมป์ จะโวลต์ ไม่ต้องงงครับ จับมาคูณกัน เป็นกิโลวัตต์ หรือ หน่วย***

พื้นฐานบ้านผม  มี solar cell 5 Kwh และ กลางคืนมี TOU มิเตอร์
 
1.Home charger ปกติทางรถที่ซื้อจะแถมมาแทบทุกยี่ห้ออยู่แล้วครับ ของ MG ที่ผมใช้ กำลังไฟราวๆ 7 กิโลวัตต์ต่อชม.ครับ รถผม 49 กิโลวัตต์แปลว่า 0-100% ก็ราวๆ 7 ชม.

2.สายชาร์จรถที่แถมมา กำลังไฟ 2.2 กิโลวัตต์ต่อชม.ครับ (คิดง่ายๆ ตัวเครื่องเขียน 10 แอมป์ ไฟบ้าน220V คูณกัน ได้ 2.2 กิโลวัตต์ต่อชม.) รถผม 49 กิโลวัตต์แปลว่า 0-100% ก็ราวๆ 20 กว่าชม.เลยทีเดียว  


 มาเริ่มกันครับ อันนี้ผมอ่านตามงานทดลองต่างๆ แล้วลองทำตามดู ความรุ้ที่ได้มาจะมีประมาณนี้นะครับ

อ้างอิง https://batteryuniversity.com/index.php/learn/article/how_to_prolong_lithium_based_batteries
และมีอีก 2-3 บทความ  แต่มาสรุปคร่าวๆ

-            แบต อุณหภูมิสำคัญมาก ร้อนไป เย็นไป มีผลต่อการเสื่อม
-            อุณหภูมิที่ดีคือ 10-25 องศา
-            เลยสังเกตได้ว่า เวลาไป DC ชาร์จ แบบไว  พอหลัง 80% ความร้อนขึ้น การจ่ายไฟรับไฟจะลดลง ช้าลง เพื่อถนอมแบตครับ
-            คำแนะนำจาก paper คือ ไม่แนะนำให้ชาร์จ100%ทุกครั้ง และไม่ควรใช้จนเหลือ 0% แนะนำ keepไว้ที่ 20-80% 
-            ถ้าใช้ถนอมๆ หลังชาร์จไป 5000 cycle แบตเสื่อมไปราวๆ 15%-20% ครับ

สิ่งที่ผมทำคือ วันนี้จะพูดแต่เรื่องตัวชาร์จแบบเสียบปลั๊กครับ

-เวลากลับบ้านแบตเหลือ 40% ผมก็จะเริ่มชาร์จราวๆ 22.00น. ด้วยตัวสายชาร์จปลั๊กธรรมดา พอ เช้า 6 โมง ก็จะได้มาราวๆ 80% ไปทำงานครับ เป็นวิธีถนอมแบตมาก ต้องเข้าใจก่อนว่า คนใช้ EV ไม่ได้ชาร์จทุกวัน และไม่ได้รอ 0%ค่อยชาร์จนะครับ มันคือชีวิตประจำวันที่เราคิดไว้แล้ว

- วันหยุด ที่บ้าน solar ผลิตไฟได้ราวๆ 4 กิโลวัตต์บวกลบ  เลยเลือกใช้ที่ชาร์จแบบเสียบปลั๊ก 2.2 กิโลวัตต์ เพราะจะได้ใช้ไฟที่ผลิตเกินมาชาร์จรถเต็มๆ ไม่ต้องใช้ไฟจากการไฟฟ้าครับ ถ้า home  charger ผมต้องดึงไฟจากการไฟฟ้ามา เลยไม่เอาครับ


สิ่งสำคัญสำหรับปลั๊กไฟบ้าน อันนี้ที่หาข้อมูลมานะครับ
1.ปลั๊กควรมีขนาด 2.5 sq.mm. ขึ้นไป รวมถึงปลั๊กพ่วงด้วย

2.ปกติปลั๊กบ้านทั่วไป รับได้อยู่แล้วครับ มาตรฐานบ้านเราคือที่ 16 amp แต่ เครื่องชาร์จใช้แค่ 10 amp
   แต่ที่เราต้องระวังคือ ควรมีสายกราวน์ และ **คนที่ใช้ปลั๊กพ่วงควรใช้แบบมีมาตรฐาน ขนาดสายไฟตามที่บอกข้างต้น

3.เครื่องที่ให้มา วัดกระแสจริงๆได้ 9.7 แอมป์ ใกล้เคียงตามสเป๊ก ใช้ไฟราวๆแอร์ 12000 btu สองเครื่องเลยครับ สายไฟเลยต้องได้มาตรฐาน

3.ไฟบ้าน 5/15 A ไม่แนะนำครับ เพราะถ้าใช้ที่ชาร์จไฟหมดไป 10 แอมป์แล้ว ส่วน 15/45 ขึ้นไปใช้ได้ไม่มีปัญหา

4. อุณหภูมิขณะชาร์จ ที่สายไฟ หรือ เครื่องชาร์จ ขณะชาร์จ อยู่ราวๆ 35-45 องศา ถ้าสายไฟได้มาตรฐาน ตรงนี้ไม่เป็นปัญหาครับ
 
    ของผม วัน เสาร์ อาทิตย์ วันหยุด เน้นไฟฟรี เลยใช้ตัวชาร์จเสียบปลั๊กเยอะหน่อย  กลางคืนก็เสียบไว้ เป็นการถนอมแบตระยะยาวครับ ตัว home charger นานๆจะใช้ที เผื่อบางครั้ง balance ไฟด้วยครับ
    ส่วนการชาร์จวันทำงานครั้งหนึ่ง 40-80%  ราวๆ 8 ชม. ครับ ก็คือสี่ทุ่มก่อนเข้านอนถึงเช้า 6 โมงไปทำงานพอดี  กลางคืนสัปดาห์ละครั้งเอาไฟ TOU ราคาถูก  ส่วนอีกครั้งเน้นกลางวันๆหยุดเอาไฟฟรีครับ

ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะว่า เห็นช่วงนี้หลายๆท่านรับรถแล้ว home charger มาไม่ทัน เลยเอาประสบการณ์มาแชร์ให้เป็นข้อมูลครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่