'จาตุรนต์' ชี้ เลือกตั้งครั้งหน้า หลายพรรคเลิกชู 'ประยุทธ์' เหตุเสื่อมความนิยม
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7406986
 
 
‘จาตุรนต์’ ชี้เลือกตั้งครั้งหน้า หลายพรรคเลิกชู ‘ประยุทธ์’ เหตุเสื่อมความนิยมมาก แต่จะแข่งขันกันที่นโยบายแทน อยู่ที่พรรคไหนจะนำไปปฏิบัติได้หรือไม่
 
9 ธ.ค. 2565 – ที่อาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน ม.สวนดุสิต นิตยสารสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ จัดงานเสวนาพิเศษ ก้าวสู่ปีที่ 70 เรื่องโอกาส ความหวัง  การเมืองวิถีใหม่ โดยมีตัวแทนนักการเมือง จาก 6 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนากล้า พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคพลังท้องถิ่นไท เข้าร่วมงาน
 
นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย หวังว่าเลือกตั้งครั้งหน้า การแข่งขันทางนโยบายจะกลับมาเข้มข้น ประชาชนให้ความสนใจนโยบายเป็นอันดับแรกมากกว่าตัวผู้สมัครหรือแคนดิเดต แต่นโยบายต้องไม่ใช่เรื่องอำนาจรัฐ อำนาจเงิน หรือตัวบุคคลเท่านั้น
 
ต้องยอมรับว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาถูกจับจ้องว่าใครจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ กลายเป็นประเด็นใหญ่ ทว่าโชคดีที่ปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์ เสื่อมความนิยมไปมาก ดังนั้นประเด็นที่ว่าใครชู พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ จะลดน้อยลง และนโยบายของพรรคการเมืองจะได้รับความสนใจมากขึ้น รวมถึงการนำนโยบายไปปฏิบัติได้หรือไม่
 

---

ก้าวไกล แถลง ‘ราชการไทยก้าวหน้า’ เปิดแนวทาง คนโกงวงแตก-คนแฉปลอดภัยได้เงิน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3717434

‘ก้าวไกล’ แถลงนโยบายราชการไทยก้าวหน้า 3 ด้าน 23 นโยบาย เปิดแนวทาง ‘คนโกงวงแตก-แฉโกงปลอดภัยได้เงิน’ ให้ ตร.ยึดโยงโยง ปชช. ผ่านสภา
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่อาคารอนาคตใหม่ แกนนำพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ก.ก. แถลงนโยบายราชการไทยก้าวหน้า
 
นายพิธากล่าวว่า วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ถือโอกาสเปิดนโยบายราชการไทยก้าวหน้ามีหัวใจสำคัญคือ ราชการเพื่อราษฎร ทุกคนตรวจสอบทุกคนได้ด้วยอาวุธใหม่ๆ ที่ประเทศไม่เคยมี ถ้าพรรค ก.ก.เป็นรัฐบาล จะไม่ยอมให้คนไทยถูกโกง โดยเปิดเผยข้อมูลรัฐทันที เปิดเผยงบทุกบาท เปิดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างตามมาตรฐานสากล ถูกตรวจสอบ โดยทั้งประชาชน และระบบจับโกงอัจฉริยะ แจ้งเตือนเมื่อมีโครงการส่อทุจริต
 
รัฐบาลพรรค ก.ก.จะนำเสนออีก 2 โครงการต้านโกง คือ 
  
1. โครงการคนโกงวงแตก จูงใจให้คนที่คิดจะโกงระแวงกันเองจนไม่มีใครกล้าโกง เพราะมีการออกกฎผ่อนผันโทษ ให้ใครที่มอบตัว และแฉกันเองก่อน และ
  
2. โครงการแฉโกงปลอดภัย ได้เงิน สร้างสังคมต้านโกง ด้วยกฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยและความก้าวหน้าทางอาชีพให้กับเจ้าหน้าที่ที่แฉการทุจริตในหน่วยงาน เพิ่มรางวัลให้ประชาชนที่แจ้งเบาะแส นอกจากนี้ จะทำให้บริการภาครัฐอย่างน้อย 99% ทำได้ผ่านมือถือ ข้อร้องเรียนไม่เงียบหาย มีฐานข้อมูลโอนสวัสดิการโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน
  
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พรรค ก.ก. เสนอนโยบายตำรวจของประชาชน ปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ในระดับประเทศ จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล ส่วนในระดับจังหวัด จะมีคณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด องค์กรท้องถิ่นและภาคประชาชน สามารถลงมติว่าจะเห็นชอบนายตำรวจที่ ก.ตร. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้บังคับการจังหวัดนั้นๆ หรือไม่
 
ส่วนเรื่องการตรวจสอบ พรรค ก.ก.เสนอให้มี คณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจาก สตช.เด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจขึ้นตรงต่อรัฐสภา มีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส เปิดให้ตำรวจน้ำดีภายใน สตช. ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสการทุจริตได้อย่างปลอดภัย
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า นอกจากนี้ เสนอเปิดให้นายตำรวจชั้นประทวน ที่จบการศึกษาปริญญาตรีได้สิทธิเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรก่อนกลุ่มอื่น เปิดรับคนทุกเพศเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ ผลักดันให้มีตำรวจหญิงทุกโรงพัก เพื่อเป็นพื้นที่อุ่นใจสำหรับเหยื่อผู้ถูกคุกคามทางเพศ ยกเลิกการบังคับตำรวจตัดผมเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาเป็นการอบรมด้านสิทธิมนุษยชน และคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในสังคม ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้เลือกพรรคก้าวไกล แล้วตำรวจไทยจะไม่สิ้นหวังเหมือนที่ผ่านมา
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชุดนโยบายราชการไทยก้าวหน้า แบ่งเป็น 3 ด้าน รวม 23 นโยบาย ได้แก่ ด้านที่หนึ่ง รัฐโปร่งใส ไร้กลโกง ทุกคนตรวจสอบได้

1. เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ
2. ระบบจับโกงอัจฉริยะ
3. โครงการคนโกงวงแตกจูงใจให้คนที่คิดจะโกง ระแวงกันเอง
4. โครงการแฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน
5. ตัวแทนจับโกงจากประชาชน
6. ห้ามใช้เงินหลวง โปรโมตตัวเอง
และ 7. ป.ป.ช.ยึดโยงประชาชน
 
ด้านที่สอง ข้าราชการทำงานฉับไว คุ้มค่าภาษีประชาชน
1. ทุกบริการภาครัฐ ผ่านมือถือ
2. ร้องเรียนไป ต้องไม่เงียบ อัพเดตทุกขั้นตอน
3. สวัสดิการโอนเข้าอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน
4. ยกเลิกใบอนุญาต 50% ยกเลิกทุกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค
5. รู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน
6. ยกเครื่องประเมินข้าราชการ ทำงานดี ข้าราชการได้ดี ประชาชนได้ดู
7. ปลดล็อกส่วนกลาง ข้าราชการทีมไทยแลนด์ ทลายกำแพงระหว่างกระทรวง-กรม
และ 8. งบประมาณปรับทันใจ จัดทำใหม่จากศูนย์ในทุกๆ ปี (zero-based budgeting)

ด้านที่สาม ตำรวจของประชาชน พิทักษ์สันติราษฎร์
1. ผบ.ตร. ยึดโยงประชาชน ผ่านสภาผู้แทนราษฎร
2. ผู้ตรวจการตำรวจ ประชาชนมีช่องทางร้องเรียนตำรวจได้ 
3. จังหวัด-ตำรวจ ร่วมรับใช้ประชาชน 
4. เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ปราศจากตั๋ว-เส้นสาย 
5. ลดภาระพนักงานสอบสวน แบ่งงานให้ตำรวจสายอื่น 
6. ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็น ผบ.ตร. ได้ 
7. คืนผมให้ตำรวจ ไม่บังคับเกรียน 
และ 8. คุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีตำรวจทุกระดับ
 

---

  
โควิดโคราชพุ่งไม่หยุดป่วยใหม่แตะ 2 พันคนแล้ว
https://www.innnews.co.th/news/local/news_462781/

โควิดโคราชยอดสูงต่อเนื่อง เดือน ธ.ค.65 ป่วยใหม่แตะ 2 พันคนแล้ว ขณะที่วัคซีนเข็มกระตุ้นฉีดได้แค่ 33 เปอร์เซ็นต์ โฟกัสกลุ่มเสี่ยง 608
 
ศูนย์โควิด 19 โคราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้เร่งประชาสัมพันธ์ชวนประชาชนในพื้นที่จังหวัดฯ ฉีดวัคซีนโควิด 19 ก่อนเดินทางท่อง
เที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาในช่วงปีใหม่ 2566 ที่จะถึง โดยประชาชนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกัน รวมถึง ที่เคยรับวัคซีนเข็มสุดท้าย มานานมากกว่า 4 เดือน และที่หายจากการติดเชื้อโควิด 19 มากกว่า 2-3 เดือน ให้รีบไปรับบริการฉีดวัคซีนได้ที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งใกล้บ้าน หรือที่ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครราชสีมาขณะที่นายแพทย์สุผล ตติยนันทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ทางจังหวัดได้เร่งรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไป และกลุ่ม 608 ออกมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้มากที่สุด พร้อมกับเร่งทำแผนเชิงรุกฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในโรงงาน สถานประกอบการ และโรงเรียน โดยจะออกหน่วยไปฉีดวัคซีนให้ถึงที่ และสั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการเชื่อมโยงข้อมูลอย่างเร่งด่วน คาดการณ์ว่า ช่วงฤดูหนาว และช่วงเทศกาลปีใหม่ในภาพรวม จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น
 
สำหรับตัวเลขผู้เข้ารับวัคซีนฯ ทางศูนย์โควิด 19 โคราช รายงานว่า จากประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับวัคซีน ทั้งหมด 2,633,207 คน ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ได้รับวัคซีนเข็ม 1 ไปแล้ว 2,092,470 คน คิดเป็น 79.47 % , รับวัคซีนเข็ม 2 รวม 1,960,925 คน คิดเป็น 74.47 % ส่วนวัคซีนกระตุ้น เข็ม 3 และ 4 รวมมีมาฉีด 872,383 คน คิดเป็น 33.13 % เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ส่วนสถานการณ์โควิด 19 ของจังหวัดนครราชสีมา ในรอบสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 2 – 8 ธันวาคม 2565 พบผู้ป่วยรายใหม่ 2,262 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 69 คน แยกเป็นผู้ป่วยเคสสีแดง อาการรุนแรง 19 คน กับ เคสสีเหลือง อาการปานกลาง 50 คน และมีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต 12 ราย