‘ฝ่ายค้าน’ แถลงหลังยื่น ‘ศาลปกครอง’ ให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งประกาศกระทรวงสธ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3666516
‘ฝ่ายค้าน’ แถลงหลังยื่น ‘ศาลปกครอง’ ให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งประกาศกระทรวงสธ. ย้ำ จุดยืนคว่ำแน่ หากกมธ.ไม่แก้รายมาตรา
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พ.ต.อ.
ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นาย
นิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนาย
วิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) และนพ.
สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ กรรมการแพทยสภา และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวกรณีที่ยื่นศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคําสั่งให้เพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 พร้อมทั้งมีคําสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วยการทุเลาการบังคับตามประกาศ สธ.ดังกล่าว
โดย นาย
สุทิน กล่าวว่า แพทย์หลายองค์กรมีความกังวลนโยบายกัญชาเสรี เนื่องจากกฎหมายอาจจะผลเสียมากกว่าผลดี เมื่อกฎหมายหวังพึ่งไม่ได้จึงมีการเสนอให้หยุดไว้ก่อน โดยได้ขอให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว เพื่อไม่ให้ประกาศมีผลบังคับใช้และสะดุดหยุดลง ซึ่งได้มีการยื่นต่อศาลปกครองกลางแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเชิญพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมดำเนินการด้วย และเราก็ไม่ได้ขัดข้อง
ด้าน นพ.
สมิทธิ์ กล่าวว่า ประกาศสธ.ทำให้กัญชาเสรีจนเกินไปและเสรีที่สุดในโลก ซึ่งไม่มีกฎหมายควบคุมจนเด็กและเยาวชนก็สามารถเข้าถึงได้ โดยกฎหมายฉบับนี้มีความไม่พร้อมไม่สมบูรณ์ด้วย จึงขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เป็นผู้ร่วมยื่นฟ้องร่วม และเขียนคำร้องให้ ทั้งนี้ ประกาศ สธ. ได้นำกัญชาออกจากยาเสพติดทำให้มีผลกระทบเยอะมาก และไม่มีไคร่ครวญอย่างดี อีกทั้ง การใช้กัญชาทางการแพทย์มีมาตั้งแต่ปี 2563 ยืนยันว่าตนไม่ปฏิเสธกัญชาทางการแพทย์ แต่ประกาศเกินเลยจากทางการแพทย์ไปเยอะมาก
ด้าน นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นพ้องกันว่าต้องร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนในการร้องต่อศาลปกครองครั้งนี้ เพื่อให้ตรงวัตถุประสงค์ตามอำนาจหน้าที่ของศาลที่จะวินิจฉัยให้ทุเลา ระงับยับยั้ง หรือคุ้มครองชั่วคราวต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เรื่อง การระบุยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 ที่กำหนดให้ทุกส่วนของพืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติด เพราะภาคประชาชนถือเป็นผู้เสียหาย โดยเฉพาะลูกหลานที่ได้รับผลกระทบ หากฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการยื่นต่อศาลฯ เอง ศาลอาจตีตกได้ เนื่องจากอาจเห็นว่าฝ่ายนิติบัญญัติก็มีอกนาจหน้าที่ดำเนินการได้
“
เราปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดให้ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่ให้ไปเขียนกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าถ้าจะเป็นยาเสพติดมันควรเป็นอย่างไร เพราะในตัวกัญชายังเป็นสารเสพติดอยู่ การจะไปกล่าวอ้างว่าฝ่ายนิติบัญญัติไปยกเลิกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดแล้วไปทึกทักเอาว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติดนั่นคือไม่ชอบ เพราะเราให้กระทรวงสาธารณสุขไปกำหนด แต่กระทรวงสาธารณสุขไปกำหนดว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติดเมื่อสาร THC มากกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเท่านั้น จึงทำให้กัญชาใช้กันอย่างแพร่หลายเสรีที่สุด” นพ.
ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า จุดยืนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวใช่หรือไม่ นพ.
ชลน่าน กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่อยู่ในสภา จะมีการพิจารณาวาระ 2 โดยจะพิจารณาเป็นรายมาตรา เรามีส.ส.และกรรมาธิการได้สงวนความเห็นและสงวนคำแปรญัตติไว้ หากคำสงวนนั้นสามารถสู้ได้ และเราสามารปรับแก้คำแปรญัตติในรายมาตรานั้นได้ ก็อาจจะมีการพิราณาลงมติในความเห็นชอบในมาตรานั้น แต่เท่าที่ดูกฎหมายเดิมมี 45 มาตรา ได้เพิ่มเป็น 95 มาตรา ฉะนั้นการแก้ไขรายมาตราเป็นเรื่องยาก และกรรมาธิการไม่ได้รับข้อเสนอจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และองค์กรแพทย์ฯ ไปปรับแก้เลย และมีการส่งร่างเดิมกลับเข้ามา ซึ่งหากกรรมาธิการเสียงข้างมากไม่ปรับแก้ในรายมาตรา เราก็ต้องโหวตไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และในวาระ 3 หากไม่มีการปรับแก้อะไร เราไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้ คือการคว่ำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
‘กมธ.กิจการศาลฯ’ จี้อ.ส.ค.ชะลอขายแบรนด์วัวแดง หวั่นขัดกม.ร่วมทุน-ฮั้วประมูล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3666543
‘กมธ.กิจการศาลฯ’ จี้อ.ส.ค.ชะลอขายแบรนด์วัวแดง ให้เอกชนดำเนินการ หวั่นขัดกม.ร่วมทุน-ฮั้วประมูล เตือนรบ.ฝ่ายค้านได้หลับพร้อมตรวจสอบ 24 ชม.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมกิจการโคนม (สร.อ.ส.ค.)
โดยนาย
จิรายุ กล่าวว่า ที่ประชุม กมธ. ได้พิจารณาข้อร้องเรียนของ สร.อ.ส.ค. กรณี อ.ส.ค.เตรียมพิจารณาอนุมัติเครื่องหมายการค้า “ไทย-เดนมาร์ค” ให้เอกชนใช้ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารก โดยได้เชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง ซึ่งกมธ.มีความเห็นโดยคำแนะนำจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าควรจะชะลอโครงการไว้ก่อน เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้พิจารณาว่าเข้าเกณฑ์แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 หรือไม่ เนื่องจากทาง อ.ส.ค.ชี้แจงว่าการจะเข้าร่วมทุนนั้นเป็นมูลค่า 20 ล้านบาท แต่ อ.ส.ค.เชื่อว่า แบรนด์นั้นไม่ใช่การร่วมทุน จึงเป็นข้อวินิจฉัยทางกฎหมายเพราะว่าเป็นตราสินค้าไม่สามารถประเมินราคาได้
นาย
จิรายุ กล่าวว่า นอกจากนี้ในการเปิดประมูลให้กับเอกชนรายเดียว โดยไม่มีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป จะขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล หรือไม่ วันนี้จะเห็นได้ว่าหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานทำงานกับแบบส่วนตน และมาดำเนินการเลย ซึ่งเรื่องนี้ต้องวินิจฉัยต่อว่าต้องนำเข้าสู่ ครม.หรือไม่ โดยจะส่งเรื่องต่อไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อขอความเห็นสรุป จากนั้น กมธ.จะมีมติว่ามีการทุจริตหรือไม่ หากมีการทุจริตและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็จะเขียนคำฟ้องไปยังหน่วยงานอิสระที่เกี่ยวข้องต่อไป
“
โดยสรุปแบรนด์นมไทยเดนมาร์ค เป็นของประเทศไทย เป็นของรัฐบาลไทย เป็นของเกษตรกรชาวไทย ซี่งกมธ.จะหาข้อยุติในเรื่องนี้ต่อไป ขอนำเรียนไปยังรัฐบาลว่าช่วงนี้เป็นช่วงปลายเทอม เป็นช่วงเปิดสมัยประชุมสภา ท่านอย่าคิดว่าฝ่ายค้านนอนหลับ ฝ่ายค้านตื่นตลอด 24 ชม. และติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น หากเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล ก็จะนำสู่การอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ต่อไปในต้นเดือนธันวาคมนี้” นาย
จิรายุ กล่าว
‘ม็อบชาวนา’ นับพัน ปักหลัก ทวงแก้หนี้ ชี้ 8 เดือนไร้รูปธรรม หลังได้มติครม. ลุง 67 น้ำตาคลอ สู้มา 10 ปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3666991
ม็อบชาวนาปักหลักเรียกร้อง 4 ธนาคาร เกือบ 8 เดือนหลังออกมติครม. แต่ยังไม่ปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ชาวนาน้ำตาคลอเป็นหนี้ 1.5 แสน พ้อ สู้มา 10 ปี
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนินกลาง เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย กว่า 40 จังหวัด ปักหลักชุมนุม เพื่อเรียกร้องเเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง ที่ขอให้ผ่านเอาเข้าครม.เมื่อ 22 มีนาคม 2565 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ว่า การชุมนุมประท้วงของกลุ่มชาวนาเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย มีการกางเต็นท์ปูเสื่อ เต็มบริเวณทางเท้า ยาวไปถึงหน้ากระทรวงคมนาคมและหน้าสน.นางเลิ้ง โดยไม่ลงไปยังผิวจราจรบนถนนราชดำเนินกลาง บางรายนั่ง นอน รับประทานอาหารเครื่องดื่มพูดคุยและอื่นๆ โดยมีรถสุขาจากกทม.ให้บริการตามจุดต่างๆ
นาง
ปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ ผู้ประสานงานเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ ’มติชน’ ว่า ตอนนี้หน้ากระทรวงเกษตรฯ รวมถึงหน้ากระทรวงคมนาคมและหน้าสน.นางเลิ้งเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากคนเยอะจึงล้นออกไป วันนี้ตนอยู่ที่กองทุนสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) โดยมีนาย
ชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษาและแกนนำ เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) ประจำอยู่บริเวณเวที หน้ากระทรวงเกษตรฯ เบื่องต้นมียอดผุ้ชุมนุมประมาณ 3,000- 4,000 คน ซึ่งปักหลักมาตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
“
เรามาติดตามเรื่องเดิมซึ่งเมื่อต้นปี 2565 ที่เราปักหลักอยู่หน้ากระทรวงการคลัง 66 วันในครั้งนั้น เพื่อเรียกร้องเเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง โดยขอให้ผ่านเอาเข้าครม.เมื่อ 22 มีนาคม 2565 ซึ่งตอนนี้มติครม. 4 ธนาคารของรัฐยังไม่ปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม หมายความว่าได้มติมาแต่ยังไม่ปฏิบัติ เราจึงมาติดตาม ให้ลงรายละเอียด เช่น ลูกหนี้ 50,000 ราย ที่มติครม.เคาะมานี้ จะปรับโครงสร้างหนี้ การลดปรับเงินต้น 50 % ระหว่างตัวสมาชิกกับกองทุนฟื้นฟูฯและเจ้าหนี้คือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) ร่างรายละเอียดต่างๆในการปรับโครงสร้างหนี้ตอนนี้ยังไม่ได้ทำ ยังไม่เสร็จ และตอนนี้ระยะเวลาล่วงเลยมาถึงเกือบเดือนที่ 8 แล้ว เราจึงมาติดตามเรื่องเดิม ไม่ได้มีประเด็นใหม่” นาง
ปิ่นแก้วกล่าว
นาย
ไพรินทร์ กองอาษา เกษตรกรวัย 67 ปี เดินทางจากอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ว่า ปัจจุบันตนมียอดหนี้อยู่ 150,000 บาท และสุขภาพที่ไม่สามารถทำงานในระยะเวลานานได้ พร้อมให้ผู้สื่อข่าวดูใบรับรองแพทย์
นาย
ไพรินทร์กล่าวต่อว่า การมาม็อบแบบนี้ทุกคนขัดสน เช่น น้ำดื่มไม่มี เราต้องซื้อกินเอง ชาวบ้านที่มา ก็ใช้เงินตัวเองทั้งหมด ต้องทิ้งบ้านทิ้งงานมา ภรรยาเป็นโรคหอบหืด ก็ต้องทิ้งมา เพราะถ้าเขายึดที่ดินไป ก็ไม่มีที่อยู่ที่ทำกิน
“
เราต่างคนต่างเดินทางออกค่าใช้จ่ายกันมาเอง ใช้ทุนของตัวเอง บางคนห่อข้างห่อน้ำมาหุงกินที่นี่ อาศัยร้านค้าละแวกคอยช่วย เรามาเรื่องหนี้ของเราเรื่องเดียว เรื่องทุกข์ของเรา ใครจะช่วยใช้หนี้ให้เราแค่นั้นเอง ต่อสู้มา 10 กว่าปีแล้ว” นาย
ไพรินทร์เผย
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสิ่งอำนวยความสะดวก นาย
ไพรินทร์กล่าวต่อว่า รถห้องน้ำสาธารณะมาถึงตั้งว่าให้ใช้ แล้วก็ไปเลย อย่างผู้หญิงบางครั้งต้องขอเข้าห้องน้ำในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่กลับถูกต่อว่ามาทำพื้นที่เขาสกปรก เราเลยไปขอเข้าที่ สน.นางเลิ้ง ที่เขาให้ความอนุเคราะห์ให้เรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องห้องสุขา ผู้ชุมนุมหญิงรายหนึ่งให้ข้อมูลว่ามีคนมาช่วยดูเรื่องทำความสะอาดห้องสุขาเคลื่อนที่ให้ แต่ด้วยผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก และผู้สูงอายุบางคนกดชักโครกไม่เป็น จึงมีบางส่วนไม่ได้กดบ้าง จึงมีกลิ่นและความสกปรก จึงไปใช้บริการที่สน.นางเลิ้ง โดยในช่วงแรกทางกระทรวงเกษตรฯมีอนุญาตให้เข้าไปใช้ห้องน้ำได้ แต่ภายหลังถูกห้าม จึงไปที่สน.นางเลิ้งเป็นส่วนใหญ่ไปครับ”
JJNY : 5in1 แถลงหลังยื่นศาล│‘กมธ.กิจการศาลฯ’จี้อ.ส.ค.│‘ม็อบชาวนา’นับพันปักหลัก│‘กมธ.พัฒนาการเมืองฯ’แห้ว│จีนล็อกดาวน์5ล.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3666516
‘ฝ่ายค้าน’ แถลงหลังยื่น ‘ศาลปกครอง’ ให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งประกาศกระทรวงสธ. ย้ำ จุดยืนคว่ำแน่ หากกมธ.ไม่แก้รายมาตรา
เมื่อเวลา 14.50 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย (สร.) และนพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ กรรมการแพทยสภา และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวกรณีที่ยื่นศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลมีคําสั่งให้เพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 พร้อมทั้งมีคําสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วยการทุเลาการบังคับตามประกาศ สธ.ดังกล่าว
โดย นายสุทิน กล่าวว่า แพทย์หลายองค์กรมีความกังวลนโยบายกัญชาเสรี เนื่องจากกฎหมายอาจจะผลเสียมากกว่าผลดี เมื่อกฎหมายหวังพึ่งไม่ได้จึงมีการเสนอให้หยุดไว้ก่อน โดยได้ขอให้ศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว เพื่อไม่ให้ประกาศมีผลบังคับใช้และสะดุดหยุดลง ซึ่งได้มีการยื่นต่อศาลปกครองกลางแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเชิญพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมดำเนินการด้วย และเราก็ไม่ได้ขัดข้อง
ด้าน นพ.สมิทธิ์ กล่าวว่า ประกาศสธ.ทำให้กัญชาเสรีจนเกินไปและเสรีที่สุดในโลก ซึ่งไม่มีกฎหมายควบคุมจนเด็กและเยาวชนก็สามารถเข้าถึงได้ โดยกฎหมายฉบับนี้มีความไม่พร้อมไม่สมบูรณ์ด้วย จึงขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เป็นผู้ร่วมยื่นฟ้องร่วม และเขียนคำร้องให้ ทั้งนี้ ประกาศ สธ. ได้นำกัญชาออกจากยาเสพติดทำให้มีผลกระทบเยอะมาก และไม่มีไคร่ครวญอย่างดี อีกทั้ง การใช้กัญชาทางการแพทย์มีมาตั้งแต่ปี 2563 ยืนยันว่าตนไม่ปฏิเสธกัญชาทางการแพทย์ แต่ประกาศเกินเลยจากทางการแพทย์ไปเยอะมาก
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นพ้องกันว่าต้องร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนในการร้องต่อศาลปกครองครั้งนี้ เพื่อให้ตรงวัตถุประสงค์ตามอำนาจหน้าที่ของศาลที่จะวินิจฉัยให้ทุเลา ระงับยับยั้ง หรือคุ้มครองชั่วคราวต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เรื่อง การระบุยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 ที่กำหนดให้ทุกส่วนของพืชกัญชาไม่เป็นยาเสพติด เพราะภาคประชาชนถือเป็นผู้เสียหาย โดยเฉพาะลูกหลานที่ได้รับผลกระทบ หากฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการยื่นต่อศาลฯ เอง ศาลอาจตีตกได้ เนื่องจากอาจเห็นว่าฝ่ายนิติบัญญัติก็มีอกนาจหน้าที่ดำเนินการได้
“เราปลดล็อคกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดให้ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่ให้ไปเขียนกำหนดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าถ้าจะเป็นยาเสพติดมันควรเป็นอย่างไร เพราะในตัวกัญชายังเป็นสารเสพติดอยู่ การจะไปกล่าวอ้างว่าฝ่ายนิติบัญญัติไปยกเลิกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดแล้วไปทึกทักเอาว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติดนั่นคือไม่ชอบ เพราะเราให้กระทรวงสาธารณสุขไปกำหนด แต่กระทรวงสาธารณสุขไปกำหนดว่ากัญชาจะเป็นยาเสพติดเมื่อสาร THC มากกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเท่านั้น จึงทำให้กัญชาใช้กันอย่างแพร่หลายเสรีที่สุด” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามว่า จุดยืนของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ที่อยู่ในสภา จะมีการพิจารณาวาระ 2 โดยจะพิจารณาเป็นรายมาตรา เรามีส.ส.และกรรมาธิการได้สงวนความเห็นและสงวนคำแปรญัตติไว้ หากคำสงวนนั้นสามารถสู้ได้ และเราสามารปรับแก้คำแปรญัตติในรายมาตรานั้นได้ ก็อาจจะมีการพิราณาลงมติในความเห็นชอบในมาตรานั้น แต่เท่าที่ดูกฎหมายเดิมมี 45 มาตรา ได้เพิ่มเป็น 95 มาตรา ฉะนั้นการแก้ไขรายมาตราเป็นเรื่องยาก และกรรมาธิการไม่ได้รับข้อเสนอจากพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และองค์กรแพทย์ฯ ไปปรับแก้เลย และมีการส่งร่างเดิมกลับเข้ามา ซึ่งหากกรรมาธิการเสียงข้างมากไม่ปรับแก้ในรายมาตรา เราก็ต้องโหวตไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และในวาระ 3 หากไม่มีการปรับแก้อะไร เราไม่สามารถให้ความเห็นชอบได้ คือการคว่ำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
‘กมธ.กิจการศาลฯ’ จี้อ.ส.ค.ชะลอขายแบรนด์วัวแดง หวั่นขัดกม.ร่วมทุน-ฮั้วประมูล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3666543
‘กมธ.กิจการศาลฯ’ จี้อ.ส.ค.ชะลอขายแบรนด์วัวแดง ให้เอกชนดำเนินการ หวั่นขัดกม.ร่วมทุน-ฮั้วประมูล เตือนรบ.ฝ่ายค้านได้หลับพร้อมตรวจสอบ 24 ชม.
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจากตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การส่งเสริมกิจการโคนม (สร.อ.ส.ค.)
โดยนายจิรายุ กล่าวว่า ที่ประชุม กมธ. ได้พิจารณาข้อร้องเรียนของ สร.อ.ส.ค. กรณี อ.ส.ค.เตรียมพิจารณาอนุมัติเครื่องหมายการค้า “ไทย-เดนมาร์ค” ให้เอกชนใช้ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมผงสำหรับทารก โดยได้เชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง ซึ่งกมธ.มีความเห็นโดยคำแนะนำจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าควรจะชะลอโครงการไว้ก่อน เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ได้พิจารณาว่าเข้าเกณฑ์แห่ง พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562 หรือไม่ เนื่องจากทาง อ.ส.ค.ชี้แจงว่าการจะเข้าร่วมทุนนั้นเป็นมูลค่า 20 ล้านบาท แต่ อ.ส.ค.เชื่อว่า แบรนด์นั้นไม่ใช่การร่วมทุน จึงเป็นข้อวินิจฉัยทางกฎหมายเพราะว่าเป็นตราสินค้าไม่สามารถประเมินราคาได้
นายจิรายุ กล่าวว่า นอกจากนี้ในการเปิดประมูลให้กับเอกชนรายเดียว โดยไม่มีการเปิดประมูลเป็นการทั่วไป จะขัดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล หรือไม่ วันนี้จะเห็นได้ว่าหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงานทำงานกับแบบส่วนตน และมาดำเนินการเลย ซึ่งเรื่องนี้ต้องวินิจฉัยต่อว่าต้องนำเข้าสู่ ครม.หรือไม่ โดยจะส่งเรื่องต่อไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อขอความเห็นสรุป จากนั้น กมธ.จะมีมติว่ามีการทุจริตหรือไม่ หากมีการทุจริตและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็จะเขียนคำฟ้องไปยังหน่วยงานอิสระที่เกี่ยวข้องต่อไป
“โดยสรุปแบรนด์นมไทยเดนมาร์ค เป็นของประเทศไทย เป็นของรัฐบาลไทย เป็นของเกษตรกรชาวไทย ซี่งกมธ.จะหาข้อยุติในเรื่องนี้ต่อไป ขอนำเรียนไปยังรัฐบาลว่าช่วงนี้เป็นช่วงปลายเทอม เป็นช่วงเปิดสมัยประชุมสภา ท่านอย่าคิดว่าฝ่ายค้านนอนหลับ ฝ่ายค้านตื่นตลอด 24 ชม. และติดตามตรวจสอบอย่างเข้มข้น หากเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากล ก็จะนำสู่การอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ต่อไปในต้นเดือนธันวาคมนี้” นายจิรายุ กล่าว
‘ม็อบชาวนา’ นับพัน ปักหลัก ทวงแก้หนี้ ชี้ 8 เดือนไร้รูปธรรม หลังได้มติครม. ลุง 67 น้ำตาคลอ สู้มา 10 ปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3666991
ม็อบชาวนาปักหลักเรียกร้อง 4 ธนาคาร เกือบ 8 เดือนหลังออกมติครม. แต่ยังไม่ปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ชาวนาน้ำตาคลอเป็นหนี้ 1.5 แสน พ้อ สู้มา 10 ปี
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถนนราชดำเนินกลาง เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย กว่า 40 จังหวัด ปักหลักชุมนุม เพื่อเรียกร้องเเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง ที่ขอให้ผ่านเอาเข้าครม.เมื่อ 22 มีนาคม 2565 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ว่า การชุมนุมประท้วงของกลุ่มชาวนาเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย มีการกางเต็นท์ปูเสื่อ เต็มบริเวณทางเท้า ยาวไปถึงหน้ากระทรวงคมนาคมและหน้าสน.นางเลิ้ง โดยไม่ลงไปยังผิวจราจรบนถนนราชดำเนินกลาง บางรายนั่ง นอน รับประทานอาหารเครื่องดื่มพูดคุยและอื่นๆ โดยมีรถสุขาจากกทม.ให้บริการตามจุดต่างๆ
นางปิ่นแก้ว แก้วสุกแท้ ผู้ประสานงานเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ ’มติชน’ ว่า ตอนนี้หน้ากระทรวงเกษตรฯ รวมถึงหน้ากระทรวงคมนาคมและหน้าสน.นางเลิ้งเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากคนเยอะจึงล้นออกไป วันนี้ตนอยู่ที่กองทุนสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร(กฟก.) โดยมีนายชรินทร์ ดวงดารา ที่ปรึกษาและแกนนำ เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) ประจำอยู่บริเวณเวที หน้ากระทรวงเกษตรฯ เบื่องต้นมียอดผุ้ชุมนุมประมาณ 3,000- 4,000 คน ซึ่งปักหลักมาตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
“เรามาติดตามเรื่องเดิมซึ่งเมื่อต้นปี 2565 ที่เราปักหลักอยู่หน้ากระทรวงการคลัง 66 วันในครั้งนั้น เพื่อเรียกร้องเเก้ปัญหาหนี้สินทางการเกษตร กองทุนฟื้นฟู ลูกหนี้ธนาคารรัฐ 4 แห่ง โดยขอให้ผ่านเอาเข้าครม.เมื่อ 22 มีนาคม 2565 ซึ่งตอนนี้มติครม. 4 ธนาคารของรัฐยังไม่ปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม หมายความว่าได้มติมาแต่ยังไม่ปฏิบัติ เราจึงมาติดตาม ให้ลงรายละเอียด เช่น ลูกหนี้ 50,000 ราย ที่มติครม.เคาะมานี้ จะปรับโครงสร้างหนี้ การลดปรับเงินต้น 50 % ระหว่างตัวสมาชิกกับกองทุนฟื้นฟูฯและเจ้าหนี้คือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.) ร่างรายละเอียดต่างๆในการปรับโครงสร้างหนี้ตอนนี้ยังไม่ได้ทำ ยังไม่เสร็จ และตอนนี้ระยะเวลาล่วงเลยมาถึงเกือบเดือนที่ 8 แล้ว เราจึงมาติดตามเรื่องเดิม ไม่ได้มีประเด็นใหม่” นางปิ่นแก้วกล่าว
นายไพรินทร์ กองอาษา เกษตรกรวัย 67 ปี เดินทางจากอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ ว่า ปัจจุบันตนมียอดหนี้อยู่ 150,000 บาท และสุขภาพที่ไม่สามารถทำงานในระยะเวลานานได้ พร้อมให้ผู้สื่อข่าวดูใบรับรองแพทย์
นายไพรินทร์กล่าวต่อว่า การมาม็อบแบบนี้ทุกคนขัดสน เช่น น้ำดื่มไม่มี เราต้องซื้อกินเอง ชาวบ้านที่มา ก็ใช้เงินตัวเองทั้งหมด ต้องทิ้งบ้านทิ้งงานมา ภรรยาเป็นโรคหอบหืด ก็ต้องทิ้งมา เพราะถ้าเขายึดที่ดินไป ก็ไม่มีที่อยู่ที่ทำกิน
“เราต่างคนต่างเดินทางออกค่าใช้จ่ายกันมาเอง ใช้ทุนของตัวเอง บางคนห่อข้างห่อน้ำมาหุงกินที่นี่ อาศัยร้านค้าละแวกคอยช่วย เรามาเรื่องหนี้ของเราเรื่องเดียว เรื่องทุกข์ของเรา ใครจะช่วยใช้หนี้ให้เราแค่นั้นเอง ต่อสู้มา 10 กว่าปีแล้ว” นายไพรินทร์เผย
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสิ่งอำนวยความสะดวก นายไพรินทร์กล่าวต่อว่า รถห้องน้ำสาธารณะมาถึงตั้งว่าให้ใช้ แล้วก็ไปเลย อย่างผู้หญิงบางครั้งต้องขอเข้าห้องน้ำในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่กลับถูกต่อว่ามาทำพื้นที่เขาสกปรก เราเลยไปขอเข้าที่ สน.นางเลิ้ง ที่เขาให้ความอนุเคราะห์ให้เรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องห้องสุขา ผู้ชุมนุมหญิงรายหนึ่งให้ข้อมูลว่ามีคนมาช่วยดูเรื่องทำความสะอาดห้องสุขาเคลื่อนที่ให้ แต่ด้วยผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก และผู้สูงอายุบางคนกดชักโครกไม่เป็น จึงมีบางส่วนไม่ได้กดบ้าง จึงมีกลิ่นและความสกปรก จึงไปใช้บริการที่สน.นางเลิ้ง โดยในช่วงแรกทางกระทรวงเกษตรฯมีอนุญาตให้เข้าไปใช้ห้องน้ำได้ แต่ภายหลังถูกห้าม จึงไปที่สน.นางเลิ้งเป็นส่วนใหญ่ไปครับ”