ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 4 (ต่อ)
ล. วิลิศมาหรา
“ใช่จ้ะ ข้าเอง”
ใบหน้าสะสวยงดงาม มีความละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธออยู่ไม่น้อย แต่ดูอ่อนหวานมากกว่าเผยยิ้มหวานหยดย้อยมาให้ชายหนุ่มกลางลำธารอีก พรานเยี่ยมตะลึงมองภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เขาไม่ได้รู้สึกตกใจกลัวหรือตื่นตระหนกต่อการปรากฏตัวของหญิงสาว ราวกับจะรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ตกตะลึงเพราะความที่คาดไม่ถึงว่าเธอจะโผล่มาในเวลานี้ ขณะที่ความรู้สึกกึ่งตื่นกึ่งฝันก็ยังคงอยู่
แสงตะวันยามเย็นย่ำเกือบจะใกล้ค่ำ ลูบไล้ผิวผ่องเปียกน้ำนอกผืนผ้าที่นุ่งกระโจมอกของเธอ เผยเนินอกอิ่ม เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้จิตใจของชายหนุ่มตื่นเพริด ขยับขาใต้ผืนน้ำเข้าไปใกล้เธออีกนิดอย่างลืมตัว นางไม้นางไพรช่างสวยบาดใจเสียจริงเชียว
“เจ้าคือสา เจ้าไม่ใช่มนุษย์” เสียงพูดกึ่งคำถามดังแผ่วออกมาเหมือนละเมอ ใบหน้าหวานพยักหน้ารับแต่โดยดี
“ใช่แล้วจ้ะ ฉันคือสา ฉันมาดี ไม่มีประสงค์ร้ายต่อพี่กับพี่ถมหรอกจ้ะ คิดว่าพี่คงจะรับรู้ได้”
เธอขยับตัวห่างออกจากเขานิดหนึ่ง ลดสายตาลงจับจ้องมองลายสักบนแผ่นอกหนาของพรานเยี่ยม
“แต่ยันต์เสือคร้ามของพี่ก็ทำให้ฉันแสบร้อนอยู่บ้าง เวลาอยู่ใกล้ แม้จะไม่ทำอันตรายต่อฉันก็ตาม”
พรานเยี่ยมได้ยินดังนั้นจึงไม่ได้ขยับตัวติดตามเธออีก ด้วยกลัวเธอจะบาดเจ็บเพราะลายสักของตน เอ่ยถามถึงสิ่งที่คาดคะเนออกไป
“เจ้าคงอยู่ในดงกล้วยนั่นใช่ไหม และสิงสู่อยู่ในนกตัวนั้นด้วยสินะ พี่รู้สึกอย่างนั้น”
เธอพยักหน้าอีก นัยน์ตาคมที่มองดูพรานเยี่ยมบ่งบอกถึงความพึงพอใจในตัวเขาอย่างไม่ปิดบัง
“พี่เข้าใจถูกแล้วจ้ะ พอฉันตายลง พ่อฝังกระดูกของฉันไว้ในดงกล้วย และกล้วยต้นที่พี่ตัดเอาลูกมากิน ก็เป็นต้นที่ขึ้นอยู่บนหลุมฝังกระดูกของฉันเอง พี่กับเพื่อนเป็นคนดี มีจิตใจอ่อนโยน ทำมาหากินสุจริต รูปร่างหน้าตาก็สง่าผ่าเผย ฉันจึงอยากจะมาผูกมิตรด้วย และพี่ก็ยังนำบางส่วนของฉันติดตัวมาด้วย เราทั้งสองจึงมีดวงจิตที่สื่อถึงกันได้”
เธออธิบายว่าทำไมถึงปรากฏตัวออกมาให้เขาเห็น ด้วยน้ำเสียงหวานที่ฟังดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ ไม่เหมือนเสียงผู้คนปกติพูดจากัน
“พี่ต้องขอบใจสามาก ที่คอยเตือนพวกพี่ให้พ้นจากอันตรายของพวกเสือสมิงกับผีป่า และยังช่วยพาพี่กับเพื่อนให้พ้นจากควายอาคมของพวกขนยาพวกนั้น”
เขาขอบคุณเธออย่างจริงใจ อดเสียดายไม่ได้ที่เธอเป็นเพียงภูตสาว ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเหมือนตน ถ้าหากเธอเป็นมนุษย์เหมือนกัน เขาก็คงไม่พลาดที่จะจับจองเป็นเจ้าของหัวใจเธอ แต่ก็ยินดีที่ได้พบกัน ไม่ได้นึกรังเกียจเธอที่เป็นเพียงนางภูตแต่อย่างใด ซ้ำยังเอ่ยชมความงามของเธอที่งามยิ่งกว่านางมนุษย์คนใด
“สาเป็นนางไม้ที่สวยมาก พี่เคยได้ยินแต่เสียงเล่าลือถึงนางตานีว่าเป็นผีสาวที่มีเสน่ห์ ไม่นึกว่าจะสวยขนาดนี้”
นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าคร้ามเข้มของพรานหนุ่ม เธอยิ้มน้อย ๆ ให้กับคำชม แล้วยกมือแตะรอยแผลจากคมเล็บของเสือสมิงที่หัวไหล่ข้างขวาของเขาแผ่วเบา
“แผลนี้ยังไม่หายดีเลย”
จากนั้นก็เลื่อนมือมาแตะที่ข้างแก้มเขาเป็นเชิงหยอกล้ออีก พรานเยี่ยมรู้สึกได้ถึงสัมผัสทั้งหมดของภูตสาว เขานึกทึ่งที่กายเนื้อของตนสามารถรับรู้สัมผัสของวิญญาณ ยกมือข้างที่ว่างมาจับมือเธอให้แนบกับแก้มตนเอง
“เราสัมผัสถึงกันได้ คงเป็นเพราะพี่ได้กินส่วนหนึ่งของสาเข้าไป”
เขาว่า สายตาจดจ้องที่ใบหน้าซึ่งเริ่มกระจ่างชัดขึ้นตามลำดับ และยิ่งมองเห็นหน้าชัด ก็ยิ่งเห็นความสวยผุดผาดสะอาดตาของนวลแก้มเธอ เรียกว่ายิ่งมองยิ่งสวย จนตัวเขาเองเกิดเคลิบเคลิ้ม ชักจะหลงใหลในความงามของภูตสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คงเป็นมนตราของนางตานีสินะ...เขานึกในใจ แต่ถึงจะรู้ว่าตนเองคงต้องมนตราของเธอเข้าให้ ก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่ประการใด กลับยอมรับผลของมันแต่โดยดี
“สาแสบร้อนมากไหมจ๊ะที่มาจับถูกตัวพี่” เขาถาม ด้วยกลัวว่าเธอจะเจ็บปวดจากการสัมผัสถูกตัวกัน พลางบีบมือน้อยของเธอเบา ๆ หญิงสาวส่ายหน้า ส่งยิ้มหวานหยดแทนคำตอบ
“สาทนได้จ้ะ”
ภูตสาวหลุบตาลงมองดอกไม้ในมืออีกข้างของเขา ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แฝงความห่วงใย
“ดอกไม้นี้เป็นดอกกล้วยไม้ป่าที่สาชอบมากที่สุด มักจะเอามันมาทัดหูเสมอ พ่อของสาถ้าเห็น ก็จะรู้ทันทีว่ามีสาอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น พี่เก็บมันไว้ดี ๆ นะจ๊ะ แม้มันจะแห้งเหี่ยวไปแล้วก็ตาม แต่กลิ่นหอมของมันก็จะยังคงอยู่ตลอดไป ถ้าหากที่บ้านของสาเกิดมีเหตุร้ายขึ้น พี่จงเอาดอกไม้นี้ออกมา แล้วสาจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา”
พรานเยี่ยมก้มมองดูดอกไม้ในมือตนเองงง ๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ กำลังจะเอ่ยถามเธอว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นอีก ร่างของหญิงสาวก็หายแวบไปต่อหน้าต่อตา พร้อมกับเสียงเรียกของพรานถมที่ดังลั่นขึ้น
“ไอ้เยี่ยม เอ็งไม่ถูขี้ไคลจนเนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปหมดแล้วเหรอวะ ข้าไปตั้งนานสองนาน ยังไม่ขึ้นจากน้ำมาอีก”
แล้วร่างสันทัดที่นุ่งเพียงผ้าขะม้าผืนเดียวของพรานถมก็ก้าวพรวด ๆ ลงลำธารมาอีกคน โดยไม่ทันสังเกตอาการนิ่งอึ้งของเพื่อน ที่นิ่งค้างอยู่ในท่าเอามือกุมแก้มตนเอง เพราะมือน้อยของสาได้อันตรธานหายไปในพริบตานั้นแล้ว
พรานเยี่ยมรู้สึกตัว หายจากอาการเคลิบเคลิ้ม เขาหันไปมองเพื่อนที่ลงมาอาบน้ำอยู่ข้าง ๆ แล้วตอบไปส่ง ๆ
“ข้าก็อาบน้ำรอเอ็งไง”
พรานถมไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนจึงยิ้มกว้าง วักน้ำล้างเนื้อตัวตัวเอง พูดไปยิ้มไปถึงความในใจของตนให้เพื่อนฟัง
“ข้าว่า เราพักอยู่ที่บ้านลุงคำมาอีกสักวันสองวันเหอะวะ ดักยิงสัตว์แถวนี้ก็ได้ ไม่ต้องไปถึงโป่ง มันอันตราย”
พรานเยี่ยมถึงกับหัวเราะออกมา “เข้าป่าล่าสัตว์มาตลอด เอ็งเกิดปอดแหกกลัวอันตรายในป่าตั้งแต่เมื่อไหร่วะ สงสัยเพิ่งจะมากลัวเอาตอนเจอหน้าสายนี่ใช่ไหมล่ะ”
“เออ” พรานถมยอมรับตามตรง พลางยิ้มอาย ๆ “ข้าอยากอยู่ใกล้สายเขานานอีกนิด บอกตามตรง ข้าชอบเขาว่ะ อยากจะลองจีบเขาดู”
“ว่าแล้ว หน้าตาเอ็งมันฟ้อง ตามใจเอ็ง จะอยู่ต่อก็ได้ ถ้าลุงคำมาแกไม่ว่าอะไรนะ ที่เอ็งจะไปจีบลูกสาวเขา”
“ขอบใจว่ะ ไอ้เพื่อนยาก ข้าดูแล้ว สายเค้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไรข้า เหลือแต่ลุงคำมาที่ยังไม่รู้ว่าจะชอบใจข้าหรือเปล่า แต่จะลองพยายามเข้าหาแก ทำให้แกเห็นว่าข้าสามารถดูแลลูกสาวของแกได้ มีลูกเขยขยัน ๆ แบบข้า ลุงคำมาแกคงชอบใจอยู่หรอก”
พูดเข้าข้างตัวเองพลางยิ้มพรายในหน้า แววตาเป็นประกายอย่างคนที่กำลังมีความรัก พรานเยี่ยมมองเพื่อนอย่างเข้าใจ เพราะตัวเองตอนนี้ก็มีความรู้สึกไม่ต่างกันกับเพื่อนเท่าไหร่ ที่แตกต่างออกไปก็เห็นจะเป็นหญิงสาวที่เขากำลังรู้สึกตกหลุมรัก เธอดันไม่ใช่มนุษย์...
ยังไม่จบตอนนะคะ เขียนได้วันละนิดละหน่อย แต่อยากเอามาวางให้อ่านกันค่ะ เรื่องนี้ลิเขียนเป็นนวนิยายนะคะ^^
ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 4 (ต่อ)
“ใช่จ้ะ ข้าเอง”
ใบหน้าสะสวยงดงาม มีความละม้ายคล้ายคลึงกับน้องสาวของเธออยู่ไม่น้อย แต่ดูอ่อนหวานมากกว่าเผยยิ้มหวานหยดย้อยมาให้ชายหนุ่มกลางลำธารอีก พรานเยี่ยมตะลึงมองภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เขาไม่ได้รู้สึกตกใจกลัวหรือตื่นตระหนกต่อการปรากฏตัวของหญิงสาว ราวกับจะรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ตกตะลึงเพราะความที่คาดไม่ถึงว่าเธอจะโผล่มาในเวลานี้ ขณะที่ความรู้สึกกึ่งตื่นกึ่งฝันก็ยังคงอยู่
แสงตะวันยามเย็นย่ำเกือบจะใกล้ค่ำ ลูบไล้ผิวผ่องเปียกน้ำนอกผืนผ้าที่นุ่งกระโจมอกของเธอ เผยเนินอกอิ่ม เห็นเป็นรูปเป็นร่าง ทำให้จิตใจของชายหนุ่มตื่นเพริด ขยับขาใต้ผืนน้ำเข้าไปใกล้เธออีกนิดอย่างลืมตัว นางไม้นางไพรช่างสวยบาดใจเสียจริงเชียว
“เจ้าคือสา เจ้าไม่ใช่มนุษย์” เสียงพูดกึ่งคำถามดังแผ่วออกมาเหมือนละเมอ ใบหน้าหวานพยักหน้ารับแต่โดยดี
“ใช่แล้วจ้ะ ฉันคือสา ฉันมาดี ไม่มีประสงค์ร้ายต่อพี่กับพี่ถมหรอกจ้ะ คิดว่าพี่คงจะรับรู้ได้”
เธอขยับตัวห่างออกจากเขานิดหนึ่ง ลดสายตาลงจับจ้องมองลายสักบนแผ่นอกหนาของพรานเยี่ยม
“แต่ยันต์เสือคร้ามของพี่ก็ทำให้ฉันแสบร้อนอยู่บ้าง เวลาอยู่ใกล้ แม้จะไม่ทำอันตรายต่อฉันก็ตาม”
พรานเยี่ยมได้ยินดังนั้นจึงไม่ได้ขยับตัวติดตามเธออีก ด้วยกลัวเธอจะบาดเจ็บเพราะลายสักของตน เอ่ยถามถึงสิ่งที่คาดคะเนออกไป
“เจ้าคงอยู่ในดงกล้วยนั่นใช่ไหม และสิงสู่อยู่ในนกตัวนั้นด้วยสินะ พี่รู้สึกอย่างนั้น”
เธอพยักหน้าอีก นัยน์ตาคมที่มองดูพรานเยี่ยมบ่งบอกถึงความพึงพอใจในตัวเขาอย่างไม่ปิดบัง
“พี่เข้าใจถูกแล้วจ้ะ พอฉันตายลง พ่อฝังกระดูกของฉันไว้ในดงกล้วย และกล้วยต้นที่พี่ตัดเอาลูกมากิน ก็เป็นต้นที่ขึ้นอยู่บนหลุมฝังกระดูกของฉันเอง พี่กับเพื่อนเป็นคนดี มีจิตใจอ่อนโยน ทำมาหากินสุจริต รูปร่างหน้าตาก็สง่าผ่าเผย ฉันจึงอยากจะมาผูกมิตรด้วย และพี่ก็ยังนำบางส่วนของฉันติดตัวมาด้วย เราทั้งสองจึงมีดวงจิตที่สื่อถึงกันได้”
เธออธิบายว่าทำไมถึงปรากฏตัวออกมาให้เขาเห็น ด้วยน้ำเสียงหวานที่ฟังดูเยือกเย็นเป็นพิเศษ ไม่เหมือนเสียงผู้คนปกติพูดจากัน
“พี่ต้องขอบใจสามาก ที่คอยเตือนพวกพี่ให้พ้นจากอันตรายของพวกเสือสมิงกับผีป่า และยังช่วยพาพี่กับเพื่อนให้พ้นจากควายอาคมของพวกขนยาพวกนั้น”
เขาขอบคุณเธออย่างจริงใจ อดเสียดายไม่ได้ที่เธอเป็นเพียงภูตสาว ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเหมือนตน ถ้าหากเธอเป็นมนุษย์เหมือนกัน เขาก็คงไม่พลาดที่จะจับจองเป็นเจ้าของหัวใจเธอ แต่ก็ยินดีที่ได้พบกัน ไม่ได้นึกรังเกียจเธอที่เป็นเพียงนางภูตแต่อย่างใด ซ้ำยังเอ่ยชมความงามของเธอที่งามยิ่งกว่านางมนุษย์คนใด
“สาเป็นนางไม้ที่สวยมาก พี่เคยได้ยินแต่เสียงเล่าลือถึงนางตานีว่าเป็นผีสาวที่มีเสน่ห์ ไม่นึกว่าจะสวยขนาดนี้”
นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าคร้ามเข้มของพรานหนุ่ม เธอยิ้มน้อย ๆ ให้กับคำชม แล้วยกมือแตะรอยแผลจากคมเล็บของเสือสมิงที่หัวไหล่ข้างขวาของเขาแผ่วเบา
“แผลนี้ยังไม่หายดีเลย”
จากนั้นก็เลื่อนมือมาแตะที่ข้างแก้มเขาเป็นเชิงหยอกล้ออีก พรานเยี่ยมรู้สึกได้ถึงสัมผัสทั้งหมดของภูตสาว เขานึกทึ่งที่กายเนื้อของตนสามารถรับรู้สัมผัสของวิญญาณ ยกมือข้างที่ว่างมาจับมือเธอให้แนบกับแก้มตนเอง
“เราสัมผัสถึงกันได้ คงเป็นเพราะพี่ได้กินส่วนหนึ่งของสาเข้าไป”
เขาว่า สายตาจดจ้องที่ใบหน้าซึ่งเริ่มกระจ่างชัดขึ้นตามลำดับ และยิ่งมองเห็นหน้าชัด ก็ยิ่งเห็นความสวยผุดผาดสะอาดตาของนวลแก้มเธอ เรียกว่ายิ่งมองยิ่งสวย จนตัวเขาเองเกิดเคลิบเคลิ้ม ชักจะหลงใหลในความงามของภูตสาวมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คงเป็นมนตราของนางตานีสินะ...เขานึกในใจ แต่ถึงจะรู้ว่าตนเองคงต้องมนตราของเธอเข้าให้ ก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่ประการใด กลับยอมรับผลของมันแต่โดยดี
“สาแสบร้อนมากไหมจ๊ะที่มาจับถูกตัวพี่” เขาถาม ด้วยกลัวว่าเธอจะเจ็บปวดจากการสัมผัสถูกตัวกัน พลางบีบมือน้อยของเธอเบา ๆ หญิงสาวส่ายหน้า ส่งยิ้มหวานหยดแทนคำตอบ
“สาทนได้จ้ะ”
ภูตสาวหลุบตาลงมองดอกไม้ในมืออีกข้างของเขา ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แฝงความห่วงใย
“ดอกไม้นี้เป็นดอกกล้วยไม้ป่าที่สาชอบมากที่สุด มักจะเอามันมาทัดหูเสมอ พ่อของสาถ้าเห็น ก็จะรู้ทันทีว่ามีสาอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น พี่เก็บมันไว้ดี ๆ นะจ๊ะ แม้มันจะแห้งเหี่ยวไปแล้วก็ตาม แต่กลิ่นหอมของมันก็จะยังคงอยู่ตลอดไป ถ้าหากที่บ้านของสาเกิดมีเหตุร้ายขึ้น พี่จงเอาดอกไม้นี้ออกมา แล้วสาจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา”
พรานเยี่ยมก้มมองดูดอกไม้ในมือตนเองงง ๆ เงยหน้าขึ้นมองเธอ กำลังจะเอ่ยถามเธอว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นอีก ร่างของหญิงสาวก็หายแวบไปต่อหน้าต่อตา พร้อมกับเสียงเรียกของพรานถมที่ดังลั่นขึ้น
“ไอ้เยี่ยม เอ็งไม่ถูขี้ไคลจนเนื้อตัวถลอกปอกเปิกไปหมดแล้วเหรอวะ ข้าไปตั้งนานสองนาน ยังไม่ขึ้นจากน้ำมาอีก”
แล้วร่างสันทัดที่นุ่งเพียงผ้าขะม้าผืนเดียวของพรานถมก็ก้าวพรวด ๆ ลงลำธารมาอีกคน โดยไม่ทันสังเกตอาการนิ่งอึ้งของเพื่อน ที่นิ่งค้างอยู่ในท่าเอามือกุมแก้มตนเอง เพราะมือน้อยของสาได้อันตรธานหายไปในพริบตานั้นแล้ว
พรานเยี่ยมรู้สึกตัว หายจากอาการเคลิบเคลิ้ม เขาหันไปมองเพื่อนที่ลงมาอาบน้ำอยู่ข้าง ๆ แล้วตอบไปส่ง ๆ
“ข้าก็อาบน้ำรอเอ็งไง”
พรานถมไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนจึงยิ้มกว้าง วักน้ำล้างเนื้อตัวตัวเอง พูดไปยิ้มไปถึงความในใจของตนให้เพื่อนฟัง
“ข้าว่า เราพักอยู่ที่บ้านลุงคำมาอีกสักวันสองวันเหอะวะ ดักยิงสัตว์แถวนี้ก็ได้ ไม่ต้องไปถึงโป่ง มันอันตราย”
พรานเยี่ยมถึงกับหัวเราะออกมา “เข้าป่าล่าสัตว์มาตลอด เอ็งเกิดปอดแหกกลัวอันตรายในป่าตั้งแต่เมื่อไหร่วะ สงสัยเพิ่งจะมากลัวเอาตอนเจอหน้าสายนี่ใช่ไหมล่ะ”
“เออ” พรานถมยอมรับตามตรง พลางยิ้มอาย ๆ “ข้าอยากอยู่ใกล้สายเขานานอีกนิด บอกตามตรง ข้าชอบเขาว่ะ อยากจะลองจีบเขาดู”
“ว่าแล้ว หน้าตาเอ็งมันฟ้อง ตามใจเอ็ง จะอยู่ต่อก็ได้ ถ้าลุงคำมาแกไม่ว่าอะไรนะ ที่เอ็งจะไปจีบลูกสาวเขา”
“ขอบใจว่ะ ไอ้เพื่อนยาก ข้าดูแล้ว สายเค้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไรข้า เหลือแต่ลุงคำมาที่ยังไม่รู้ว่าจะชอบใจข้าหรือเปล่า แต่จะลองพยายามเข้าหาแก ทำให้แกเห็นว่าข้าสามารถดูแลลูกสาวของแกได้ มีลูกเขยขยัน ๆ แบบข้า ลุงคำมาแกคงชอบใจอยู่หรอก”
พูดเข้าข้างตัวเองพลางยิ้มพรายในหน้า แววตาเป็นประกายอย่างคนที่กำลังมีความรัก พรานเยี่ยมมองเพื่อนอย่างเข้าใจ เพราะตัวเองตอนนี้ก็มีความรู้สึกไม่ต่างกันกับเพื่อนเท่าไหร่ ที่แตกต่างออกไปก็เห็นจะเป็นหญิงสาวที่เขากำลังรู้สึกตกหลุมรัก เธอดันไม่ใช่มนุษย์...
ยังไม่จบตอนนะคะ เขียนได้วันละนิดละหน่อย แต่อยากเอามาวางให้อ่านกันค่ะ เรื่องนี้ลิเขียนเป็นนวนิยายนะคะ^^