หักเหลี่ยมดงพญาเย็น โดย Psycho G & ล. วิลิศมาหรา





หักเหลี่ยมดงพญาเย็น
 
Phscho G & ล. วิลิศมาหรา

ไอ้ลายตาเดียวมันคือเสือลายพาดกลอนตัวมหึมา ที่เล่าลือกันว่ามันคือเสือโคร่งจอมโหด ซึ่งเที่ยวไล่ล่าลากสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านเอาไปกิน หรือแม้แต่คนเดินป่าที่เข้ามาในอาณาเขตของมัน เสือลายตาเดียวคือแรงจูงใจให้บรรดาเหล่านายพรานเดินทางเข้าไปในป่าเพื่อล่าเอาเขี้ยวของมัน เพราะเขี้ยวเสือที่เคยกินเนื้อคนมาก่อน เป็นยอดปรารถนาของคนที่เล่นของอย่างพ่อเลี้ยงบุญถม และพร้อมจะจ่ายเงินเพื่อนำมันมาเป็นของขลังประดับบารมีของตน

“ใครเอาเขี้ยวเสือตัวนี้มาให้ข้าได้ จะมีเงินรางวัลตอบแทนให้อย่างงาม”

พ่อเลี้ยงบุญถมประกาศก้องออกมา โดยมีบรรดาเหล่านักล่าและพรานป่าหลายคนทำท่าว่าสนใจ แต่พอรู้ว่าเป็นเขี้ยวของไอ้ลายตาเดียวต่างก็พากันส่ายหน้าเป็นแถว เหตุเพราะรู้ว่าไอ้เสือตัวนี้มันไม่ใช่เสือธรรมดา แต่มีความเฉลียวฉลาดผิดวิสัยสัตว์ป่าทั่วไป บ้างก็ลือกันว่ามันคือเสือสมิง จากที่มันมีวิญญาณผีตายโหงที่มันกินเข้าไปสิงสู่อยู่

ยามใดที่มีคนคิดจะจัดการกับมัน ไอ้เสือตาเดียวราวจะรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของมนุษย์ ที่ต้องการจะล่ามัน เพราะมันจะไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็น ไม่ยอมกินเหยื่อล่อ แต่จะแอบดอดไปล่าเหยื่อทางอื่นที่คนมักนึกไม่ถึงเสมอ

ชื่อเสียงของมันจึงดังกระฉ่อนไปไกล และด้วยราคาเขี้ยวของมันที่พ่อเลี้ยงบุญถมได้ประกาศไว้ จึงทำให้เหล่านักล่าหลายกลุ่มยอมเข้าป่ามหากาฬ เพื่อไปล่ามัน แต่กลับกลายเป็นว่าแทบไม่มีใครรอดออกมาจากป่ากันเลยสักคน คนที่รอดมาได้ก็กลายเป็นคนมีสติฟั่นเฟือน ส่วนใหญ่มักจะพากันเอาชีวิตมาทิ้งอย่างน่าเสียดายมากกว่า ทั้งที่มีอาวุธทันสมัยและอุปกรณ์เดินป่าครบครันอยู่ในมือ 

แต่ราคาเขี้ยวของไอ้เสือตาเดียวก็ยังคงเป็นแรงจูงใจอยู่แสมอ ล่าสุดเมื่อเดือนก่อน เจ้ามิ่งลูกชายวัยฉกรรจ์ของพรานคงก็ได้ฝืนคำสั่งห้ามของพ่อ พาเพื่อนจำนวนสามคนออกไปล่าไอ้ลายตาเดียว จากนั้นก็หายสาบสูญไปในป่ามหากาฬอย่างไร้วี่แวว ทำเอาพรานคงถึงกับแทบคลั่ง แต่ถึงแม้จะเสียใจและเคียดแค้นสักปานใด เขาก็ไม่กล้าพอจะออกไปไล่ล่าเจ้าลายตาเดียวเพียงลำพัง เพราะรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของมันเป็นอย่างดี

ตราบจนพรานบุญมีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในแถบฝั่งที่ราบสูง ซึ่งความจริงเดิมทีก็เป็นคนที่นี่มาก่อน แต่หลังเกิดมีการทะเลาะวิวาทกันกับพรานคง เขาได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น และไป ๆ มา ๆ ค้าขายระหว่างหมู่บ้าน ผ่านทางรถไฟที่เพิ่งสร้างใหม่ และเพิ่งหวนกลับเข้ามาในหมู่บ้านอีกในครั้งนี้นี่เอง 
การพบกันของสองพราน ชาวบ้านดงเย็นต่างลือกันว่าเป็นการร่วมมือของสิงห์เหนือและเสือใต้ หลายคนเชื่อว่าถ้าสองคนนี้ร่วมมือกัน ก็ไม่มีผืนป่าไหนจะมาหยุดยั้งพวกเขาเอาไว้ได้

พรานบุญมีพาลูกน้องมาด้วยอีกสามคน เขาเองก็ฉลาดพอที่จะมาติดต่อกับพรานคงในการไล่ล่าเจ้าลายตาเดียว เพราะรู้ฝีมือกันเป็นอย่างดี พร้อมเงื่อนไขอันน่าสนใจ 

 “เงินรางวัลจะแบ่งออกเป็นสามส่วน แกหนึ่งส่วน ข้าหนึ่งส่วน ที่เหลือแบ่งให้คนของข้า”

เงินรางวัลที่ว่า มันมากพอจะทำให้อยู่สุขสบายไปได้อีกนาน ซึ่งพรานบุญมีเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมพ่อเลี้ยงบุญถมถึงต้องการเขี้ยวไอ้ลายตาเดียวนักหนา ทั้งที่แกเองก็มีเครื่องรางของขลังอย่างอื่นเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ส่วนความสนใจของพรานคงไม่ได้อยู่ที่เงินรางวัล แต่คือการล้างแค้นให้กับลูกชายของตน ดังนั้นทำให้พรานคงตอบตกลงไป โดยทั้งสองนายพรานต่างตกลงกันว่า จะลืมเรื่องบาดหมางต่อกันในอดีต

แล้วการไล่ล่าเสือสมิงก็เริ่มต้นขึ้น ต่อให้เป็นเสือผีปีศาจขนาดไหน เสือก็คือเสือ มันย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้แกะรอยตาม ตราบที่มันยังแวะเวียนมาลากสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านไปกิน เสือถ้าได้กินเนื้อคนแล้วมันจะติดใจ ต้องการจะลิ้มรสชาติเนื้อคนอยู่ร่ำไป ดังนั้นมันจะกบดานอยู่ในป่าไม่ลึกมากนัก แค่หาแหล่งกบดานของมันให้เจอ

แต่คำว่าคืบก็ป่าศอกก็ป่า ยังคงใช้ได้ในดงพญาเย็น เพราะเพียงผ่านเข้าเขตป่ามาไม่นาน ก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง อันประกอบไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ กิ่งไม้ใบไม้บดบังแสงแดดจนบรรยากาศเยือกเย็น แม้จะอยู่ในช่วงเวลากลางวัน พื้นดินเต็มไปด้วยเศษใบไม้ผุพัง เน่าเปื่อยทับถม และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานนานาชนิด

ในตอนเย็นของวันนั้นเอง ร่องรอยของไอ้ลายตาเดียวก็มาหยุดอยู่ที่ริมลำธาร ทุกคนจึงตัดสินใจจะค้างแรมกันในบริเวณนี้ เพราะพอจะจับจุดได้ว่าเจ้าเสือร้ายมันยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้ เลือกเนินดินริมลำห้วยซึ่งมีต้นไม้ใหญ่รายรอบ ลูกน้องของพรานบุญมีช่วยกันขัดห้างบนต้นไม้ และทำบันไดลิงสำหรับใช้ขึ้นลงในยามฉุกเฉิน ไม่ห่างจากโคนต้นไม้ก็ก่อกองไฟขนาดใหญ่ และเตรียมฟืนไว้ให้เพียงพอ สำหรับหล่อเลี้ยงกองไฟให้ลุกสว่างอยู่ทั้งคืน 

ยามนี้ยังไม่มืดสนิทดี แต่อากาศในป่าก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว พร้อมฝูงแมลงทวีจำนวนมารบกวนอย่างมากมาย ทั้งหมดนั่งล้อมวงกินข้าวรอบกองไฟ พรานบุญมีสีหน้าค่อนข้างพอใจ ในขณะที่พรานคงมีท่าทางผิดหวังอย่างปิดไม่มิด

“เอ็งคงผิดหวังล่ะสิ ที่ไม่เห็นร่องรอยของลูกชายเอ็งเลย”

พรานบุญมีเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ได้ต้องการเยาะเย้ยถางถางแต่อย่างใด พรานคงไม่ตอบ เขาก้มลงตรวจสภาพของปืนแก๊ปประจำตัว แล้วเอ่ยไปถึงเรื่องอื่น

“ข้าว่าป่ามันแปลก ๆ อยู่นะ เอ็งสังเกตไหมวะ เราเข้าป่ากันมาอย่างปลอดโปร่ง แต่เรากลับไม่เจอร่องรอยของพวกมาก่อนหน้า เหมือนพวกนั้นเข้ามาแล้วหายไปเฉย ๆ”

“มันก็แปลกอยู่ แต่ที่แปลกอีกอย่างก็คือ ร่องรอยของไอ้ลายตาเดียว เหมือนมันจงใจจะดักหน้าดักหลังพวกเรา ราวกับมันจะล้อเล่นยังไงยังงั้น”

“เสือมันก็คือเสือวันยังค่ำ ขอให้เจอลูกปืนข้าเข้าไปสักนัดเถอะ เป็นอันรู้เรื่อง”

“ด้วยปืนแก๊ปของเอ็งนี่นะ” พรานบุญมีมองปืนคู่ใจของพรานคงด้วยสายตาที่ไม่เชื่อถือ เขาเองถึงจะสะพายปืนแก๊ปเหมือนกัน แต่ขนาดของลำกล้องปืนใหญ่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“เสือตัวนี้ลูกปืนธรรมดาคงหยุดมันไม่ได้” ว่าแล้วก็ปลดปืนของตัวเองออกมาวางข้างตัว พรานคงมองดูปืนของเพื่อนพรานแล้วพยักหน้ายอมรับ เขายื่นถุงใส่กระสุนดินปืนชนิดพิเศษให้แก่เพื่อนร่วมทาง

“เอากระสุนนี่ไปลอง มันแรงกว่ากระสุนธรรมดาหลายเท่าตัว ต้องสยบไอ้ลายได้แน่”

เขาบอก พลางตบยุงที่เกาะแขนกินเลือดดังเพี๊ยะ ก่อนล้วงวัตถุสีคล้ำขนาดเท่าลำแขนเด็ก ยาวไม่เกินคืบ ออกมาจากย่ามผ้าซึ่งสะพายไหล่ โยนลงในกองไฟ ทำให้มีกลิ่นฉุนจาง ๆ ลอยออกมา ส่งผลให้แมลงกลางคืนที่บินรบกวนอยู่ ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว

ติดตามเรื่องราวเข้มข้น ผลงานชิ้นเยี่ยมของ อ. จี ที่พี่ลินำมาปรับปรุงเนื้อหาเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะกับทำคลิปลงยูทูปได้ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
https://www.youtube.com/watch?v=BwdAU3tW6pE
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่