::::: การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ใช่ความทุกข์ และอริยสัจ 8 หนทางแห่งการดับทุกข์ ::::

::::: การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ใช่ความทุกข์ :::
เมื่อเรายังอยู่ในความ อนิจจาทุกขัง อนัตตา เนื่องด้วยกิเลสตัณหาอุปาทานขันธ์ 5 เหล่านั้น ...

การเกิดไม่ใช่ความทุกข์ เพราะเราสามารถคิดค้นศิลปวิทยาการ ได้โดยไม่จำกัด จากชีวิตดวงนี้ ผ่านความคิด 10 มิติ

การเจ็บป่วยไม่ใช่ความทุกข์ เพราะเราเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาที่จะทำให้โลกเราเอาชนะโรคทุกโรคไปได้ 

ความแก่ไม่ใช่ความทุกข์ เพราะความแก่เป็นการแสดงออกถึงวัยวุฒิและประสบการณ์ ประวัติของท่านเล่าจื้อก็เริ่มต้นชีวิตของตนเองในอายุที่มากแล้ว

ความตายไม่ใช่ความทุกข์ เพราะทุกอย่างเป็นเหมือนการนอนหลับอย่างสงบ หาได้มีเหตุที่จะทำให้ร้อนใจนั้นแก่ประการใดๆ

ตาบอดไม่ใช่ความทุกข์ เพราะเราสามารถทำสมาธิอย่างสงบได้ทุกๆช่วงเวลา

พิการไม่ใช่ความทุกข์ เพราะจะได้วิปัสสนากรรมฐานได้โดยง่าย เนื่องจากความพิการนั้น

หน้าตาไม่ดีไม่ใช่ความทุกข์ เพราะความสุขไม่มีหน้าตา ความสวยไม่มีรูปลักษณ์ มากก็ไปกว่านั้นเราจะได้ห่างจากการมั่วสุมทางเพศ ใช้ชีวิตที่เป็นอิสระภาพจากความใคร่ โดยทั้งหมดทั้งสิ้นเชิง 

ยากจนไม่ใช่ความทุกข์ เพราะเราจะสามารถเป็นอิสระจากเงินทองได้โดยง่าย

เรียนไม่เก่งไม่ใช่ความทุกข์ เพราะเราจะได้หยุดที่จะแข่งขันกับตัวตนของกันและกัน กันแบบเอาเป็นเอาตาย

เป็น LGBTQ ไม่ใช่ความทุกข์ เพราะความรักไม่มีเพศและหน้าตา

ชีวิต ลมหายใจ อารมณ์ความรู้สึก ความทรงจำ ความต้องการ เจตนารมณ์ ประสาทสัมผัส ล้วนแล้วที่จะทักทอออกมาเป็นพระนิพพานและอรหันตผลได้อย่างโดยทั้งครบ

#เราอยากทำอะไรล่ะ #ถ้าต้องการทำจริงๆ #เราก็สามารถทำได้ทุกอย่าง

ผ่านความคิด 10 มิติ เราสามารถควบคุมผลลัพธ์ทุกอย่างได้ ผ่านความคิดดังต่อไปนี้

การคิดเชิงวิพากย์ (Critical Thinking)
การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) 
การคิดเชิงสังเคราะห์ (Synthesis-Type Thinking)
การคิดเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Thinking) 
การคิดเชิงมโนทัศน์ (Conceptual Thinking)
การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking)
การคิดเชิงประยุกต์ (Applicative Thinking)
การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking)
การคิดเชิงบูรณาการ (Integrative Thinking)
การคิดเชิงอนาคต (Futuristic Thinking) 

" แม้จะต้องมีชีวิตอยู่อีกเป็นกี่ล้านปีก็ตาม การเข้าสู่พระนิพพานมีชีวิตนิรันดรย่อมดีกว่าการดับสูญ !! "

เพียงเรารักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง ปฏิบัติต่อผู้อื่น เหมือนดังที่ท่านปรารถนาให้เขากระทำแก่ท่าน เท่านั้นเราก็จะหมดทุกข์ใดๆแล้ว เพราะเราจะปราศจากสาเหตุแห่งการเกิดทุกข์ดังต่อไปนี้

ตะกละ (Gula)
เกียจคร้าน (Accidia)
ราคะ (Luxuria)
อัตตา (Superbia)
โทสะ (Ira)
ริษยา (Invidia)
โลภะ (Avaricia)

ยอห์น 15 : 18 “ถ้า​โลก​โหดร้ายต่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย ก็​จง​รู้​ไว้​เถิด​ว่า โลก​นั้นโหดร้ายกับ​เรา​ก่อน​แล้ว"

ปัญหาภายนอกจะไม่สามารถทำให้เราทุกข์นั้นก็เพราะว่าสักวันหนึ่งทุกคนจะเป็นคนดี

ลูกา 11 : 8 เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ถ้า​คน​นั้น​ไม่​ลุก​ขึ้น​ให้​ขนมปัง​เพราะ​เป็นเพื่อน​กัน เขา​ก็​จะ​ลุก​ขึ้น​มา​ให้​สิ่ง​ที่​เพื่อน​ต้อง​การ​เพราะถูก​รบเร้า

และนี่คืออริยสัจ 8 ประการที่ทำให้เราพ้นทุกข์ดับทุกข์ได้ ไม่เหลือแล้วซึ่งเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ใดๆ

มัทธิว 5 : 1 พระ​เยซู​เจ้า​ทอด​พระ​เนตร​เห็น​ประชาชน​จำนวนมาก จึง​เสด็จ​ขึ้น​บน​ภูเขาb เมื่อ​ประทับ​แล้ว บรรดา​ศิษย์​เข้า​มา​ห้อมล้อม​พระ​องค์ 2 พระ​องค์​ทรง​เริ่ม​ตรัส​สอน​ว่า 3 “c ผู้​มี​ใจ​ยากจนd ย่อม​เป็นสุข เพราะ​อาณา​จักร​สวรรค์​เป็น​ของ​เขา 4 ผู้​เป็นทุกข์​โศกเศร้า ย่อม​เป็นสุข เพราะ​เขา​จะ​ได้​รับ​การ​ปลอบโยน 5 ผู้​มี​ใจอ่อน​โยนe ย่อม​เป็นสุข เพราะ​เขา​จะ​ได้​รับ​แผ่น​ดิน​เป็น​มรดก6 ผู้​หิว​กระหาย​ความ​ชอบ​ธรรม ย่อม​เป็นสุข เพราะ​เขา​จะ​อิ่ม 7 ผู้​มี​ใจ​เมตตา ย่อม​เป็นสุข เพราะ​เขา​จะ​ได้​รับ​พระ​เมตตา 8 ผู้​มี​ใจ​บริสุทธิ์ ย่อม​เป็นสุข เพราะ​เขา​จะ​ได้​เห็น​พระ​เจ้า 9 ผู้สร้าง​สันติ ย่อม​เป็นสุข เพราะ​เขา​จะ​ได้​ชื่อ​ว่า​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า 10 ผู้​ถูก​เบียด​เบียน​ข่มเหง​เพราะ​ความ​ชอบ​ธรรม ย่อม​เป็นสุข เพราะ​อาณา​จักร​สวรรค์​เป็น​ของ​เขา 11 “ท่าน​ทั้ง​หลาย​ย่อม​เป็นสุข เมื่อ​ถูก​ดูหมิ่น ข่มเหง​และ​ใส่ร้าย​ต่างๆ นานา​เพราะ​เรา 12 จง​ชื่นชมยินดี​เถิด เพราะ​บำเหน็จ​รางวัล​ของ​ท่าน​ใน​สวรรค์​นั้น​ยิ่งใหญ่​นัก บรรดาประกาศกก่อนหน้าท่านก็เคยถูกเบียดเบียน​เช่นเดียวกันf

พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนมากมาย จึงเสด็จขึ้นบนภูเขา เมื่อประทับแล้ว บรรดาศิษย์เข้ามาห้อมล้อมพระองค์ พระองค์ทรงเริ่มตรัสสอนว่า

ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา

การมีจิตใจยากจน แสดงถึงความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ไม่ยึดติดกับสิ่งของทางโลก สำนึกตนว่าตนเองยังบกพร่องด้านจิตใจ มีใจสุภาพถ่อมตน ไม่อวดหยิ่งจองหอง ไม่ตกเป็นทาสของอารมรณ์ มีความเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง มีสภาวะจิตใจที่เติบโต ผู้นั้นก็จะได้แผ่นดินสวรรค์ คือสภาวะแห่งความสุข ความเป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวงเป็นรางวัล

ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน

แม้ว่าเราจะพบกับความเศร้าโศกในบางครั้ง เราจะพบว่า พระเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งเราให้อยู่ตามลำพัง พระองค์จะประทับอยู่กับเรา และคอยปลอบประโลมใจเราเสมอ การที่เรามีความทุกข์ เราจะนึกถึงพระ และได้รับพระเมตตาจากพระองค์ในที่สุด จงยอมรับว่า เราเป็นทุกข์ และมันไม่ได้เป็นนายเหนือเรา การเป็นสุข เกิดจากการยอมรับว่าตนเองเป็นผู้มีความทุกข์ และยอมรับสภาพแห่งทุกข์นั้น พร้อมที่จะเข้าพึ่งพาอาศัยพระเมตตาจากพระเจ้า การเป็นทุกข์เกิดจากความไม่เป็นอิสระของใจเรา การตกเป็นทาสของอารมณ์ การไม่ปล่อยวาง และเมื่อเรายอมรับได้ เมื่อนั้น เราจะพบว่า เราได้รับการปลอบโยนจากพระองค์ผู้ไม่เคยทอดทิ้งเรา
ผู้มีใจอ่อนโยน  ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก 

ผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยน ก็ย่อมจะเป็นที่รักของทุกคนในโลกนี้ เปรียบเหมือนการได้แผ่นดินโลกไว้เป็นกรรมสิทธิ์ เพราะบุคคลอันเป็นที่รักของทุกคนไปที่ไหนย่อมมีคนต้อนรับ อยากให้เข้าร่วมสังคมด้วย ความอ่อนโยนไม่ได้หมายถึงความอ่อนแอที่ยอมไปทุกเรื่อง การอ่อนโยนจะต้องมีพื้นฐานอยู่บนเหตุผลและความถูกต้องของสังคม ศีลธรรมเสมอ
ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม

ผู้ที่ยึดมั่นในความชอบธรรม ด้วยการปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้าพระองค์จะทรงประทานบำเหน็จให้เขา ในวันที่เขาจะต้องได้รับการพิพากษา เพราะเมื่อเรารักความชอบธรรม หรือแสวงหาความชอบธรรม (อย่างมีสันติ) เราจะไม่รู้สึกว่าตนเองถูกข่มเหง เบียดเบียน ไม่แสวงหาความสุขใส่ตน แต่ทำเพื่อผู้อื่น เราก็จะเป็นคนดีพร้อมในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ

ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา

บุคคลใดที่มีจิตใจกรุณา พระเจ้าก็ทรงพอพระทัยเขายิ่งกว่าคนที่ทำบุญเสียอีก เพราะการให้มีคุณค่ามากกว่าการรับ โดยเฉพาะการให้แก่คนที่มีความต้องการ หรือคนที่ด้อยโอกาสในสังคม คริสตชนทุกคนจึงควรเป็นผู้มีจิตเมตตากรุณาต่อผู้อื่น โดยเฉพาะคนยากจน คนตกทุกข์ได้ยาก คนเจ็บป่วย คนชรา เด็กพิการและเด็กด้อยโอกาส เพราะเขาก็จะได้รับพระกรุณาจากพระเจ้าเป็นการตอบแทนเช่นกัน
ผู้มีใจบริสุทธิ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า

ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ คือผู้ที่ไม่คิดร้ายต่อใคร ไม่ทำบาป หรือทำความผิดต่อพระเจ้า และคนอื่น มีมโนธรรมที่เที่ยงตรง ยำเกรงพระเจ้า ซื่อ ๆ สงบ มีสันติในจิตใจ เขาก็จะได้เห็นพระเจ้า เมื่อเวลาที่เขาจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะพระเจ้าคือจิตที่บริสุทธิ์ คนที่จะพบพระเจ้าได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน

ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า

ผู้ที่อยู่กับผู้อื่นอย่างสันติ ผู้นั้นก็จะได้เข้าใกล้ชิดพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นองค์แห่งความสันติ ไม่ใช่องค์แห่งความวุ่นวาย ถ้าเราไม่มีสันติในจิตใจ คือ มีจิตใจที่อาฆาตพยาบาท เป็นจิตชั่วของปีศาจ ไม่ใช่จิตของพระเจ้า ดังนั้น ผู้ที่ดำรงตนอยู่ในสันติ จะต้องสร้างความปรองดองในหมู่ชน ไม่เว้นแม้แต่กับบุคคลที่เราไม่ชอบ หรือศัตรู เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคน ในฐานะที่เป็นพระบิดาของทุกคน เมื่อเราสร้างสันติเกิดขึ้น เท่ากับเราเป็นพี่น้องของเขา เราก็จะได้เป็นบุตรของพระเจ้าเช่นกัน
ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา

ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะความเชื่อที่เขามีต่อพระเจ้า หรือเพราะการกระทำดีตามพระวาจาของพระเจ้า เขาก็จะได้รับบำเหน็จในสวรรค์ ในชีวิตของเรามักจะถูกเบียดเบียนจากความอยุติธรรม เพราะเราจะหาความยุติธรรมบนโลกนี้ได้น้อยมาก แต่พระเจ้าจะประทานความยุติธรรมให้อย่างแน่นอน ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

โดยการข่มจิตไม่ให้โลภ
ปลอบจิตไม่ให้โกรธ
ประคองจิตไม่ให้หลง

การทำสมาธิภาวนา การตั้งจิตมั่น การระลึกรู้ การอดเนื้อ เข้าเงียบ วิปัสสนากรรมฐาน สมถกรรมฐาน สวดสายประคำ เดินรูป 14 ภาค ในหนทางแห่งการงเขนนั้น จะช่วยทำให้เราดับกิเลสตัณหาได้โดยทั้งหมดทั้งสิ้นเชิง

เพื่อตัดการอยากฆ่าตัวตายเราต้องละการอยากกินเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นกิเลสในพระศาสนจักรสากล ทำให้เราไม่อยากอดเนื้อทุกวันศุกร์ และทุกวันในเทศกาลมหาพรต และพลีกรรมในทุกๆวัน โดยเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ดังต่อไปนี้

กินไม่เลือก (Gula) ไม่เลือกว่าผู้ถูกกินจะรู้สึกกลัวความตายอย่างไร
เกียจคร้าน (Accidia) ที่จะสร้างหรือหาโปรตีนเกษตรมารัยประทาน
อัตตา (Superbia) ถือตัวถือตน ถือความต้องการ โดยไม่สนว่าจะมีใครเดือดร้อนหรือไม่
โทสะ (Ira) เป็นความโกรธเกรี้ยว เพื่อที่จะไล่ล่าหาเหยื่อ
โลภะ (Avaricia) เป็นความโลภในชีวิตของผู้อื่น ถือว่าชีวิตของผู้อื่นนั้นเป็นกำหนดชะตากรรมโดยตนเอง

สุดท้ายนี้ถ้าเรารักพระธรรมอย่างสุดจิตสุดใจสุดสิ้นความคิดวิญญาณ เราจะรักตนเองอย่างทั้งครบ แล้วรักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง ในที่สุดเราจะมีความมั่นใจในตนเอง มีความหวังใจ ไม่ปลง ไม่หมดกำลังใจ ไม่สิ้นหวัง

เมื่อเราไม่มีบาปเราก็จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดรพระนิพพาน แล้วเราก็จะไม่มีความป่วย ความตาย ความผิดหวังอีกต่อไปเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่