ฟังสุดโต้งทั้ง 2 คือ
- ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ --- ชีวะก็อันนั้น-สรีระก็อันนั้น (สสารนิยม)
- อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ --- ชีวะก็อันอื่น-สรีระก็อันอื่น (จิตนิยม)
ที่พระผู้มีพระภาคท่านกล่าวว่า...ไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้ง 2 นี้...
แต่ " มนุษย์(และ..สัตว์ทั้งหลาย) "..มันเป็นแบบ "ปฏิจจสมุปปาท "..
คือ..ไม่ได้ปฏิเสธ..แบบทั้ง 2 คือ...ทั้ง 2 ก็มีส่วนถูก...
แต่ที่ผิด...คือ..การยืนยันว่า "
อย่างนี้..เท่านั้นจริง อย่างอื่นเปล่า "..
ปฏิจจสมุปปาทได้แสดงว่า...
- ความรู้สึกนึกคิดจำได้..ที่แสดงอาการชีวะ..หรือ..เรียกรวมๆว่า " จิต - มโน - วิญญาณ "....มันอยู่ที่ร่างกายนี้..
เมื่อร่างกายนี้ " ตายลง "...ชีวะ - อัตตามัน - จิต - มโน - วิญญาณ....ก็จะสิ้นสุดลง <---อันนี้..คล้ายๆกับพวก " สสารนิยม "..
แต่ที่ผิดคือ...มันไม่ใช่มีชาตินี้ขาติเดียว.. มันไม่ขาดสูญ
ที่ถูกคือ...มันจะต้องมีสิ่งหนึ่งที่...ไปตาย-ไปเกิด..คล้ายๆแบบพวกจิตนิยม
แต่..ปฏิจจสมุปปาท..ก็ได้แสดงว่า
- มีการหยั่งลงแห่งท้องมารดา.. มีการหลั่งลงสู่ภพ.. มีการแสวงหาที่เกิด.. สิ่งๆนั้นพระศาสดาเรียกว่า " สัตว์ "👉
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งก็คล้ายๆกับพวก... " จิตนิยม "...เช่นกัน
ผิดตรงที่จิตนิยมเขาเข้าใจว่า...เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ..ท่องเที่ยวไปเกิด-ตาย...ซึ่งมันผิด
ที่ถูกคือ..สิ่งเหล่านี้..เป็นปฏิจจสมุปปันธรรม..เกิด-ดับตลอดเวลา..และสูญสิ้นไปกับร่าวกายในชาตินี้แบบพวก " สสารนิยม "..
นี้หละ....หลายๆท่าน...
พวกไปได้ยินว่า " เราอธิบายไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้ง 2 นี้ " .....ก็ไปเหมารวมว่า...อะไรๆที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ใช่..
แล้วก็ไปจับเอาส่วนผิดทั้ง 2 มาเข้าใจว่าเป็น " สัมมาทิฏฐิ "
นี้คือ..พุทธพจน์
เอเต เต ภิกฺขเว อุโภ(ทั้ง2) อนฺเต(ส่วนสุด) อนุปคมฺม(เลี่ยง) มชฺเฌน(เป็นกลาง) ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ(แสดง) ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ฯเปฯ
...
นี้นั้น..ภิกษ ท.! ส่วนสุดทั้ง 2 ที่เลี่ยงไม่เข้าใกล้ ตถาคตแสดงธรรมเป็นกลาง..ว่า..
เพราะชาติเป็นปัจจัย..การแก่การตาย..จึงมี
เพราะภพเป็นปัจจัย..ชาติ..จึงมี
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย..ภพ..จึงมี
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย...อุปาทาน...จึงมี
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย...ตัณหา...จึงมี
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย...เวทนา...จึงมี
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย...ผัสสะ...จึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย...สฬายตนะ...จึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย...นามรูป...จึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย...วิญญาณ...จึงมี
เพราะอวิชชาป็นปัจจัย...สังขารทั้งหลาย...จึงมี
ฯเปฯ
ชีวะก็อันนั้น-สรีระก็อันนั้น, ชีวะก็อันอื่น-สรีระก็อันอื่น...ปรัชญาโลกๆ: ##ควรจะฟังให้จบก่อนจะแสดงความเห็น##
ฟังสุดโต้งทั้ง 2 คือ
- ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ --- ชีวะก็อันนั้น-สรีระก็อันนั้น (สสารนิยม)
- อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ --- ชีวะก็อันอื่น-สรีระก็อันอื่น (จิตนิยม)
ที่พระผู้มีพระภาคท่านกล่าวว่า...ไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้ง 2 นี้...
แต่ " มนุษย์(และ..สัตว์ทั้งหลาย) "..มันเป็นแบบ "ปฏิจจสมุปปาท "..
คือ..ไม่ได้ปฏิเสธ..แบบทั้ง 2 คือ...ทั้ง 2 ก็มีส่วนถูก...
แต่ที่ผิด...คือ..การยืนยันว่า " อย่างนี้..เท่านั้นจริง อย่างอื่นเปล่า "..
ปฏิจจสมุปปาทได้แสดงว่า...
- ความรู้สึกนึกคิดจำได้..ที่แสดงอาการชีวะ..หรือ..เรียกรวมๆว่า " จิต - มโน - วิญญาณ "....มันอยู่ที่ร่างกายนี้..
เมื่อร่างกายนี้ " ตายลง "...ชีวะ - อัตตามัน - จิต - มโน - วิญญาณ....ก็จะสิ้นสุดลง <---อันนี้..คล้ายๆกับพวก " สสารนิยม "..
แต่ที่ผิดคือ...มันไม่ใช่มีชาตินี้ขาติเดียว.. มันไม่ขาดสูญ
ที่ถูกคือ...มันจะต้องมีสิ่งหนึ่งที่...ไปตาย-ไปเกิด..คล้ายๆแบบพวกจิตนิยม
แต่..ปฏิจจสมุปปาท..ก็ได้แสดงว่า
- มีการหยั่งลงแห่งท้องมารดา.. มีการหลั่งลงสู่ภพ.. มีการแสวงหาที่เกิด.. สิ่งๆนั้นพระศาสดาเรียกว่า " สัตว์ "👉
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งก็คล้ายๆกับพวก... " จิตนิยม "...เช่นกัน
ผิดตรงที่จิตนิยมเขาเข้าใจว่า...เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ..ท่องเที่ยวไปเกิด-ตาย...ซึ่งมันผิด
ที่ถูกคือ..สิ่งเหล่านี้..เป็นปฏิจจสมุปปันธรรม..เกิด-ดับตลอดเวลา..และสูญสิ้นไปกับร่าวกายในชาตินี้แบบพวก " สสารนิยม "..
นี้หละ....หลายๆท่าน...
พวกไปได้ยินว่า " เราอธิบายไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้ง 2 นี้ " .....ก็ไปเหมารวมว่า...อะไรๆที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ใช่..
แล้วก็ไปจับเอาส่วนผิดทั้ง 2 มาเข้าใจว่าเป็น " สัมมาทิฏฐิ "
นี้คือ..พุทธพจน์
เอเต เต ภิกฺขเว อุโภ(ทั้ง2) อนฺเต(ส่วนสุด) อนุปคมฺม(เลี่ยง) มชฺเฌน(เป็นกลาง) ตถาคโต ธมฺมํ เทเสติ(แสดง) ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ ฯเปฯ
...
นี้นั้น..ภิกษ ท.! ส่วนสุดทั้ง 2 ที่เลี่ยงไม่เข้าใกล้ ตถาคตแสดงธรรมเป็นกลาง..ว่า..
เพราะชาติเป็นปัจจัย..การแก่การตาย..จึงมี
เพราะภพเป็นปัจจัย..ชาติ..จึงมี
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย..ภพ..จึงมี
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย...อุปาทาน...จึงมี
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย...ตัณหา...จึงมี
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย...เวทนา...จึงมี
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย...ผัสสะ...จึงมี
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย...สฬายตนะ...จึงมี
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย...นามรูป...จึงมี
เพราะสังขารเป็นปัจจัย...วิญญาณ...จึงมี
เพราะอวิชชาป็นปัจจัย...สังขารทั้งหลาย...จึงมี
ฯเปฯ