JJNY : ‘วีระ’เตรียมยื่นสอบ ป่ารอยต่อฯ│นิกรชี้หาร 500 มีปัญหา│ขึ้นดอกเบี้ยกระทบหนี้ครัวเรือน│เมียนมาประหารนักเคลื่อนไหว

‘วีระ’ เตรียมยื่นสอบมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ปมสลิปโอนเงินหลุด ตั้งข้อสงสัยจัดตั้งผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
https://ch3plus.com/news/political/ch3onlinenews/302582

 
“วีระ สมความคิด” เลขาฯ เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เตรียมยื่นเรื่องต่อ กกต. และ ป.ป.ช. สอบ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ปมสลิปโอนเงินนักการเมือง ตั้งข้อสงสัยจัดตั้งผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
 
กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เปิดหลักฐานอ้างว่าเป็นสลิปการจ่ายเงินให้ ส.ส.พรรคเล็ก เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งต่อมา นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม16 ชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พร้อมขอให้ไปถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
  
ล่าสุด นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่าจะมีการเตรียมยื่นสอบเรื่องดังกล่าวต่อ กกต.  และ ป.ป.ช. โดยระบุว่า
 
เรื่องใหญ่! แล้วนะ เมื่อย้อนไปดูการขอจัดตั้ง "มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด" โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งมีการประกาศเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2549 วัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ระบุชัดเจนว่า สนับสนุนโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และสัตว์ป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ แต่เมื่อมาดูข้อบังคับของมูลนิธิฯดังกล่าว ข้อ 2.7 “ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด”
  
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กลับเอามูลนิธิฯ ดังกล่าวนี้ มาดำเนินงานทางการเมืองของพรรคพลังประชารัฐ มีหลักฐานปรากฎเป็นข่าวอย่างมากมาย มาตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีหลักฐานกระทั่งนายพิเชษฐ สถิรชวาล ออกมายอมรับว่า มารับกล้วย (เงินเดือน) จากพล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิแห่งนี้ นายทะเบียนมูลนิธิ กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่ควบคุม ดูแล ตรวจสอบ และลงโทษ มูลนิธิฯ ต่างๆ พวกคุณมัวแต่ทำอะไรกันอยู่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คุณปกป้องช่วยเหลือ เข้าข้างกันใช่หรือไม่ เพราะพวกคุณก็เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลเดียวกันใช่หรือไม่? หากเป็นการกระทำของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกล พวกคุณจะปล่อยให้ลอยนวลเช่นนี้หรือไม่?
 
หลักฐานนี้ กกต. และนายทะเบียนมูลนิธิฯ พวกคุณต้องทำงานแล้วนะ อีกไม่นานอดีต กกต.สมชัย ศรีสุทธิยากร และ วีระ สมความคิด ประธานยุทธศาสตร์แผนงานต้านคอร์รัปชันของพรรคเสรีรวมไทย จะยื่นเรื่องกล่าวหาเรื่องดังกล่าวนี้ต่อ กกต. และ ป.ป.ช. การเมืองนอกสภาฯก็เข้มข้นไม่น้อยกว่าในสภาฯ

https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0PCgXyHr5q1U4SXr4xUmZ4N3vuo3SDcHKqbNQDu9HAjKR9BXz9Q8pnTQ2BECXWwNxl&id=100044423829531
 

 
ยื่นศาลรธน.แน่! นิกร ชี้สูตรหาร 500 มีปัญหา ปิดทางกลับไปใช้บัตรใบเดียว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7179265

นิกร เชื่อสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ หาร 500 มีปัญหา จ่อชงศาลรธน.หลังผ่านวาระ 3 ยอมรับติดปัญหาการจัดทำหลังปรับสูตรการคำนวณ 
  
เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2565 นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ เปิดเผยว่า คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เชิญตัวแทนกมธ. เข้าชี้แจงเนื้อหาสาระ และสถานะของร่างกฎหมาย เพื่อนำไปชี้แจงให้สมาชิกแต่ละพรรครับทราบ
 
ล่าสุด ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พิจารณาถึงมาตรา 25 แล้ว เหลืออีกไม่กี่มาตรา แต่ในแต่ละมาตราเกิดปัญหา เนื่องจากมีการแก้มาตรา 23 ที่เกี่ยวกับสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ จาก 100 หารเป็น 500 หาร ทำให้ต้องแก้มาตราอื่นที่เหลือด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าปัญหาในสาระของร่างที่จะกระทบในทางปฏิบัตินั้นอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วจะแก้ไขอย่างไร
 
นายนิกร กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าสูตรการหาร 500 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หากจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ต้องให้ผ่านวาระ 3 ไปก่อน และส่งร่างให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งความเห็นกลับมายังรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ชี้ชัดในไทม์ไลน์ของร่างกฎหมายลูกที่จะเสร็จ หรือการคาดการณ์ว่าจะบังคับใช้เมื่อไหร่ เพราะยังหาทางออกครั้งนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะไม่รู้ว่าใครจะมีหน้าที่แก้ไขเนื้อหา ซึ่งยอมรับว่า เกิดปัญหาในทุกด้าน
 
เมื่อถามถึงกรณีหากมีการเสนอให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้งบัตรใบเดียว นายนิกร กล่าวว่า ในทางปฏิบัติตามกฎหมาย ทำได้ แต่จะเกิดปัญหาตามมาทั้งในมุมนิติศาสตร์ และมิติรัฐศาสตร์ คือ เวลาที่เหลือของรัฐสภาในการจัดทำกฎหมาย ซึ่งเหลือราว 7 เดือนเท่านั้น ไม่พอดำเนินการ และพรรคไหนจะกล้ายื่นให้ใช้บัตรใบเดียวเพื่อตอบสนองทางการเมือง เพราะจะเกิดปัญหาวิจารณ์ตามมาทางการเมืองอย่างรุนแรง เกิดความเสื่อมศรัทรา เพราะกลับไปกลับมาขาดความเชื่อถือต่อรัฐสภา สุดท้ายจะเสียคะแนนนิยมพรรคการเมือง
 


ขึ้นดอกเบี้ยกระทบหนี้ครัวเรือนมากสุด ภาคธุรกิจรับมือได้ เอสเอ็มอีลูกผีลูกคน
https://www.thairath.co.th/business/finance/2454245

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส สายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากการศึกษาของฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธปท.ภายใต้สมมติฐานที่ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นไป 2-2.75% ต่อปีภายในสิ้นปี 66 หรือเพิ่มขึ้น 1.5-2.25% จากระดับ 0.5% ในปัจจุบัน ภายใต้การส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปยังอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต (ที่ดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 100% MLR จะขึ้น 60%) พบว่าหากเศรษฐกิจและเงินเฟ้อขยายตัวเป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมิน ทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนยังสามารถชำระหนี้ ที่เพียงพอรองรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้กรณีที่ดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นไปที่ 2.75% ต่อปี
 
และจากการวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือน พบว่าภาระดอกเบี้ยจ่ายคิดเป็น 2-4% ของต้นทุนธุรกิจ ขณะที่ภาคครัวเรือนได้รับผลกระทบต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า โดยจากฐานข้อมูลหนี้ครัวเรือน ธปท.พบว่าโดยเฉลี่ยภาระดอกเบี้ยจ่ายคิดเป็น 8% ของรายได้ครัวเรือนที่มีหนี้ ถือว่าสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเป็นรูปตัวเค ถูกกระทบจากต้นทุนและค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเอสเอ็มอีในธุรกิจท่องเที่ยว ขนส่ง การค้า วัสดุก่อสร้าง และครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ทำให้ ธปท.ขอให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เพื่อให้เศรษฐกิจไทยพร้อมรับมือวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในรอบนี้ได้.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่