หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[SR] รีวิว "Saha Omakase" โอมากาเสะเสิร์ฟเนื้อวัวไทย 16 จานต่อคอร์สแค่ 1,900฿++ บนตึกบันยันทรีสาทรชั้น 53
กระทู้รีวิว
อาหารฟิวชั่น
อาหารญี่ปุ่น
สเต๊ก
อาหารคาว
ร้านอาหาร
วันนี้เราได้รับคำเชิญจาก PR ของร้าน "Saha Omakase" ให้เข้ามารีวิวคอร์สโอมากาเสะเสิร์ฟเมนูเนื้อวัวสายพันธุ์ไทยคุณภาพระดับพรีเมี่ยมเจ้าแรกของโลกมากถึง 16 จานจนอิ่มจุก นั่งเพลิดเพลินได้ตลอด 2 ชั่วโมงเต็มราคาเพียงคนละ 1,900 บาท++ ตั้งอยู่บนตึกชั้น 53 ของโรงแรมบันยันทรีสาทรโดยแต่ละห้องอาหารจะมี Dress Code บังคับใช้แตกต่างกันออกไป ส่วนตัวยกโทรศัพท์สอบถามกับทางเจ้าหน้าที่จนสรุปความว่าสามารถแต่งกายยังไงก็ได้ยกเว้นการสวมรองเท้าแตะสำหรับคุณผู้ชายส่วนคุณผู้หญิงอาจจะของดเรื่องกางเกงขาสั้นมากเป็นพิเศษ วิธีการเข้าใช้บริการแนะนำให้จองก่อนทุกครั้งเพราะรับลูกค้าเพียงรอบละ 8 ท่าน เปิดทุกวันยกเว้นจันทร์เลือกได้ 3 ช่วงเวลาก็คือ 12.00-14.00 น. / 17.30-19.30 น. และ 20.00-22.00 น. หากเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดมาตามแผนที่บนมือถือพร้อมประทับตราตรงหน้าล็อบบี้จอดฟรีสูงสุด 6 ชั่วโมง ถ้าเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง MRT สถานีลุมพินีฝั่งถนนสาทรใต้แล้วเดินเท้าหรือเรียกแท็กซี่เข้ามาอีกเพียง 600 เมตร สำหรับลิฟต์ตรงขึ้นมาเป็นตัวพิเศษซึ่งอยู่ข้างในสุดโดยสามารถสอบถามกับทางพนักงานโรงแรมได้เกือบทุกคน เมื่อถึงแล้วก็จะพบโถงทางเดินขนาดใหญ่รองด้วยแผ่นหินสีดำสลับกรวดขาวและกำแพงมรกตให้ตรงเกือบสุดทางร้านจะตั้งอยู่ด้านขวามือครับ
เนื่องจากเราเข้ามารีวิวเวลา 20.00 น. ซึ่งค่อนข้างกระชั้นชิดกับลูกค้ารอบที่แล้วพนักงานจึงขอเพิ่มเวลาอีกเล็กน้อยในการจัดเตรียมร้านสักครู่ก่อนจะเปิดให้บริการระหว่างนี้เดินสำรวจส่วนอื่นของห้องอาหารไปพลาง เริ่มต้นจากด้านหน้าสุดจัดเป็นซุ้มทางเข้าด้วยโต๊ะคลุมผ้ากำมะหยี่สีแดงสดพร้อมกล่องไม้ที่สลักชื่อร้านว่า "Saha Omakase" และสัญลักษณ์รูปโคขุนตัวอ้วนเนื้อแน่น ตกแต่งให้สวยงามด้วยขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เปล่าสีสันสดใสนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นกับป้ายมาตรฐาน SHA ของกระทรวงสาธารณสุขวางไว้ติดกันอย่างมีศิลปะ ด้านในมีจุดเด่นที่บาร์ยาวทรงโค้งมนทำด้วยหินอ่อนสีครีมขนาดใหญ่โอบรับกับห้องครัวซึ่งเชฟใช้ในการปรุงเตรียมอาหารต่างๆก่อนเสิร์ฟ โดยหนึ่งรอบสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดเพียง 8 คนเท่านั้นล้อมรอบด้วยเก้าอี้ดีไซน์สุดหรูมีพนักพิงทำจากแก้วใสหน้าเคาน์เตอร์ อีกโซนเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นแท้สำหรับรอชมวิวนอกหน้าต่างชั้น 53 และพูดคุยเล่นกันระหว่างรอรอบก่อนกินเสร็จ พื้นรองด้วยเสื่อทาทามิเก้าอี้ใช้เบาะหนานุ่มพร้อมพนักพิงทำจากไม้แข็งแรงทนทานให้นั่งห้อยขาลงไปลงล่างโต๊ะทรงเตี้ยสุดสบายคอยนานแค่ไหนก็ไม่เมื่อย ตอนนี้ทุกอย่างถูกเตรียมเสร็จหมดแล้วไปเข้าประจำที่กันเลยครับผม
มาถึงเราก็ถูกเชิญให้นั่งตรงหน้าเคาน์เตอร์ฝั่งติดห้องครัวเพื่อจะได้ถ่ายรูปเชฟตอนปรุงอาหารจานต่างๆก่อนยกเสิร์ฟได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าใครอยากชมวิวมุมที่สวยสุดๆพร้อมเพลิดเพลินกับโอมากาเสะไปด้วยแนะนำว่าตอนจองก็เลือกหน้าบาร์ด้านขวามือติดริมหน้าต่างขนาดใหญ่จะสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพได้อย่างเด่นชัดด้านบนของโรงแรมบันยันทรีสาทรชั้น 53 ยามค่ำคืนดวงไฟจากท้องถนนส่องแสงราวกับดาวระยิบระยับ-โรแมนติก กลับมาบนโต๊ะในแต่ละที่นั่งถูกวางด้วยแผ่นรองจาน/ที่รองแก้ว/ตะเกียบ/ผ้าเย็นพร้อมหลอดดูดน้ำเรียงไว้อย่างเรียบร้อยและสำหรับเมนูในวันนี้มีให้ลุยทั้งหมด 16 จานต่อ 1 คอร์สเรียงลำดับการเสิร์ฟตามใบรายการอาหารที่วางไว้ให้ชมข้างหน้า ส่วนเครื่องดื่มสามารถเลือกได้ระหว่างน้ำเปล่าและชาเขียวเติมได้ไม่อั้น ถ้าใครอยากจิบแอลกอฮอล์คุณภาพสูงๆคู่มื้อสุดพิเศษนี้ทางร้านก็มีให้เลือกหลายรายการทั้งไวน์/สาเก/เหล้าบ๊วยกับเบียร์นำเข้าตรงจากต่างประเทศ นอกนั้นยังมีน้ำอัดลม/ชาดอกไม้-ผลไม้ชงร้อน/โซดาแช่เย็นๆกลิ่นผลไม้หอมสดชื่น ราคาเริ่มต้นแก้วละ 50-160 บาทให้เปลี่ยนได้ตามใจอีกด้วย สักพักหัวหน้าเชฟและผู้ช่วยออกมาแนะนำตัวเล็กน้อยแล้วก็เริ่มเตรียมเสิร์ฟเมนูคอร์สกันเลยครับผม
มาเริ่มต้นกันที่ Welcome Drink เพิ่มความสดชื่นช่วยดับกระหายและเปิดประสาทสัมผัสของลิ้นให้พร้อมมากขึ้นตามวัฒนธรรมพื้นฐานของร้านโอมากาเสะทั่วไปด้วย "อัญชันอินฟิวส์" เครื่องดื่มสีน้ำเงินสวยงามดูมีความลึกลับเทลงในแก้วแชมเปญสุดหรูซึ่งใส่ทองคำเปลวเล็กน้อย มีส่วนประกอบหลักเป็นกลีบดอกอัญชันผสมกานพลูกับสาเกญี่ปุ่นรสชาติหวานเสิร์ฟแบบแช่เย็นจัด มาพร้อมขวดไซรัปขนาดจิ๋วคั้นจากผลส้มยูซุแท้ๆแสนเข้มข้นให้รสเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สำหรับวิธีการดื่มเมนูนี้เพียงหยดน้ำส้มยูสุสกัดแบบแรงกล้าลงไปในแก้วทรงสูงเรื่อยๆจนกว่าจะได้ระดับความเปรี้ยวอมหวานลงตัวแบบที่แต่ละคนพึงพอใจ (ส่วนตัวเราขอแนะนำว่าให้เทลงไปจนหมดขวดจะรสชาติลงตัวกำลังดีสุดๆ) มีข้อควรสังเกตอีกเล็กน้อยก็คือน้ำเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงคล้ายๆเครื่องดื่มอัญชันมะนาวของไทยแต่ปรับเปลี่ยนให้ดูหรูหรา-สวยงามเหมาะสำหรับการนำเสนอในร้านโอมากาเสะยิ่งขึ้นครับ
สำหรับจานแรกนั้นไม่มีส่วนประกอบของเนื้อวัวแม้แต่น้อยแต่เป็นการเคลือบลิ้นด้วยความอูมามิอันเข้มข้นพิเศษ เพื่อเปิดต่อมรับรสชาติซึ่งกระจายอยู่ทั่วให้สัมผัสถึงความอร่อยได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นพร้อมช่วยเรียกน้ำย่อยให้ออกมาทำงานภายในกระเพาะอาหารกับเมนู "Tomato Confit With Sake" มะเขือเทศสีแดงสดลูกใหญ่กลมโตสวยงามผ่านกระบวนการ "กงฟี" หรือตุ๋นในน้ำมันด้วยอุณหภูมิต่ำใช้เวลานานๆสไตล์ครัวตะวันตกและให้กลิ่นอายความเป็นตะวันออกด้วยการผสมสาเกคุณภาพสูงลงไป มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเคี้ยวชุ่มฉ่ำจากธรรมชาติแท้ซึ่งช่วยเพิ่มความสดชื่นก่อนจะเข้าสู่จานเนื้อวัวต่อมา โดยดอกไม้ประดับสีสันสวยงามกับแผ่นทองคำเปลวที่เห็นทั้งหมดภายในร้านนั้นสามารถกินได้แถมช่วยเพิ่มกลิ่นหอมภายในปากเวลาเคี้ยวอีกด้วย เมนูจานถัดไปมีการตัดให้เป็นเยลลี่ก้อนสี่เหลี่ยมๆแล้วพ่นด้วยประกายทองคำก่อนยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะนั่นคือ "Sous Vide Gyu Tan" หรือสตูว์ส่วนลิ้นวัวตุ๋นไวน์แดงผสมพอนซึยูสุซึ่งมีรสชาติเปรี้ยวและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เข้ากันได้ดีกับความเข้มข้นของเนื้อวัวสายพันธุ์ไทยโดยจัดเสิร์ฟราวกับพุดดิ้งชิ้นขนาดพอดีคำ ตัวลิ้นวัวตุ๋นมีความนุ่มนิ่มสุดๆเพียงแค่นำลิ้นดุนเล็กน้อยก็ละลายหายไปในปากเพราะเชฟใช้เทคนิค Sous Vide ค่อยๆทำให้สุกภายในถุงสุญญากาศยาวนานถึง 24 ชม.เต็มนั่นเองครับผม
เมนูต่อมาทำจากเนื้อวัวไทยวากิวตัดเสิร์ฟให้เป็นชิ้นสวยงามพอดีคำนั่นก็คือ "Steak S&P" ทางเชฟได้เลือกใช้ส่วนพิคานญ่าเอามาย่างให้พอสุกสวยงามแบบ Medium Rare ปรุงรสด้วยเกลือจากเทือกเขาหิมาลายันอันอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆมีสีชมพูอ่อนใสซึ่งเป็นชนิดดีสุดในโลก จึงได้ความเค็มสุดกลมกล่อมไม่บาดลิ้นจนรบกวนรสชาติอันแท้จริงของตัวสเต๊ก เพิ่มความเผ็ดร้อนและหอมสดชื่นไม่เหมือนใครด้วยพริกไทยคุณภาพสูงของเมืองกัมปอตนำเข้าจากประเทศกัมพูชา ปิดท้ายด้วยซอสแบล็คทรัฟเฟิลสับละเอียดหมักในน้ำมันมะกอกสูตร Extra Virgin มีกลิ่นอันสะท้อนสไตล์ตะวันตกผสมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับเนื้อส่วนมีไขมันน้อยแต่รสชาติเข้มข้นได้อย่างลงตัวดีสุดๆ จานถัดไปยังคงเสิร์ฟสเต๊กแต่ให้กินคู่ซอสนั่นก็คือ "Beef Steak Black & White Mayo" ซึ่งเชฟจะเลือกส่วนที่ดีสุดในแต่ละวันโดยเราได้ลอง Rump หรือสะโพกชั้นไขมันน้อยแต่ให้ความหอมนุ่มเคี้ยวละมุนตามฉบับไทยวากิวย่างแค่พอสุกระดับเดียวเหมือนจานก่อนๆ เสิร์ฟพร้อมรากโกโบเส้นทอดกรอบชวนเคี้ยวเพลินมีกลิ่นกับรสชาติเฉพาะตัวให้สัมผัสคล้ายๆเฟรนซ์ฟรายส์จิ้มซอสตัวแรกสีดำสนิททำจากงาดำคั่วบดส่วนซอสสีขาวทำจากไวท์มิโสะ โดยวิธีการทานก็คือให้ชิมสีดำต่อด้วยสีขาวสุดท้ายให้เอาทั้งสองมาผสมกันได้ความหอมมันละมุนที่แตกต่างแต่อร่อยลงตัวครับ
เมนูถัดไปถูกนำมาวางบนโต๊ะราวกับศิลปะแห่งจานอาหารก็คือ "Tenderloin Maki, Wasabi And Shoyu" ทางหัวหน้าเชฟได้ไอเดียมาจากการทำมากิซูชิของประเทศญี่ปุ่น โดยเลือกใช้เฉพาะส่วนสันในมีไขมันสวยงามของวัวสายพันธุ์ชาร์โรเล่ส์แล่ตามแนวยาวของกล้ามเนื้อเรียงกันให้เป็นเส้นยาวอย่างสวยงาม คลุกเคล้าถ่านชาร์โคลสีดำทำจากกากมะพร้าวเผาอันมีคุณสมบัติที่ดีต่อลำไส้มนุษย์และห่อหุ้มด้วยสาหร่ายแผ่นโนริเหมือนภัตตาคารซูชิชั้นนำ ตัดแต่งเป็นชิ้นให้สวยงามทานพร้อมซอสสีน้ำตาลทำจากโชยุนำมาเคี่ยวกับส่วนผสมพิเศษให้มีสัมผัสเหนียวข้นเล็กน้อยคล้ายซอสราดบนขนมดังโงะ ส่วนสีเขียวอ่อนข้างๆกันนั้นทำจากวาซาบิขูดสดปรุงตามสูตรลับของทางหัวหน้าเชฟให้มีรสชาติเผ็ดฉุนอมหวานนุ่มนวลภายในปาก แล้วตกแต่งปิดท้ายด้วยการวางแผ่นแป้งกรอบบางคล้ายขนมเซมเบ้อบของประเทศญี่ปุ่นสีแดงสดใสสวยงามให้ความรู้สึกเหมือนปะการังใต้ท้องทะเลกับรากบัวสไลด์แผ่นบางชุบแป้งทอดให้มีหลายเฉดสีภายในจานเดียวกัน สำหรับวิธีการทานนั้นทางเชฟแนะนำว่าให้เริ่มทานแผ่นแป้งและรากบัวทอดก่อนจากนั้นค่อยๆเอาตะเกียบคีบเนื้อวัวในมากิซูชิออกมาจิ้มซอสเพื่อชิมรสชาติทีละตัว สุดท้ายให้ปาดส่วนผสมทั้งหมดที่มีในจานรวมกันพร้อมสาหร่ายหุ้มเปลือกข้างนอกในคำสุดท้ายก็จะได้รับความอร่อยครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องครับ
******* เกิน 10,000 ตัวอักษร ขออนุญาตเขียนรีวิวต่อในช่อง Comment แทนนะครับ *******
ชื่อสินค้า:
Saha Omakase
คะแนน:
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
- ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
BufFeast Review :"Neta Grill" ร้านทะเลย่างและข้าวปั้นราคาแรงในร้านแสนคับแคบ @ เซ็นทรัลพระราม 2 ชั้น 4
เมื่อต้นเดือนมานี้ ผมมาฉลองเงินเดือนออก ด้วยร้านปิ้งย่างควบของทะเลตัวแรงๆแบรนด์นึง ที่ชอบเปิดสาขาตามชานเมือง นั่นคือ เนตตะ กริลล์ ร้านนี้จัดว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่เสียแตกพอสมควร ส่วนมากก็เรื่องของความ
TheHeatBufFeast
เทปันยากิสไตล์ญี่ปุ่น ปรุงใหม่ ต่อหน้า แบบ Live Cooking เลือกเนื้อ เลือกไซซ์ และระดับความสุกได้เอง
ใครที่หลงใหลเสียง “ฉ่าาา” บนกระทะร้อน ต้องไม่พลาด Sears Bangkok เทปันยากิสไตล์ญี่ปุ่นระดับพรีเมียมใจกลางสาทร ปรุงทุกจาน สดใหม่ต่อหน้าแบบ Live Cooking ให้ได้สัมผัสทั้งกลิ่น รส และบรรยากาศสุ
มิกิชวนกิน
Mother Rabbit พิซซ่าทำมือขั้นเทพ ที่ยกระดับ 'โดว์' สู่ศิลปะ🍕🐇
พิกัด: หมู่บ้าน Private Nirvana ตรงข้าม Stage Fitness, ซอยโยธินพัฒนา 11 แยก 7 เปิดให้บริการ วันจันทร์–ศุกร์: 10.00–22.00 น. / วันเสาร์–อาทิตย์: 10.00–20.00 น. Mother Rabbit ค
GazzaTaste
BufFeast Review :"Seoul Coal" เนื้อย่างเกาหลีแบบเยอะเบิ้มๆ @ เมเจอร์ รัชโยธิน ชั้น 3
ขากลับจากธุระแถว ม.เกษตร เลยวกไป เมเจอร์ รัชโยธิน เพื่อหาร้านกิน ไปเสาะดูก็พบร้านนึงน่าสนใจ นั่นคือ Seoul Coal เป็นร้านแนวปิ้งย่างเกาหลีอีกแบรนด์หนึ่งที่เคยเห็นผ่านๆตามห้างไกลตัวเมือง ราคาบุฟเฟ่ต์ขอ
TheHeatBufFeast
ร้านเนื้อที่ได้รับการยอมรับระดับโลก เสิร์ฟเนื้อ USDA Prime บรรยากาศหรูสไตล์นิวยอร์กแท้
Wolfgang's Steakhouse ร้านเนื้อที่ได้รับการยอมรับระดับโลก คัดสรรเนื้อ USDA Prime ชั้นเยี่ยม ที่ผ่านการ dry-aged จนได้รสเข้มข้นและนุ่มละลาย ย่างด้วยเทคนิคเฉพาะที่เก็บความฉ่ำไว้ทุกอณู ไปจนถึง บริการแบบค
มิกิชวนกิน
เส้นเล็กผัดกะเพราหมูย่าง
เส้นเล็กผัดกะเพราหมูย่าง เมนูเส้นเล็ก วันที่ 6 ของผม โว้ว... ขีดจำกัดยังกินได้นี่ น่าจะกินได้ครบอาทิตย์ล่ะ ร้านประจำที่ผมชอบมากินลาบหมู ลาบเนื้อ และ ลาบเป็ดแหละ อาหารตามสั่ง รสชาติคือดีเลยฮะ จานน
Topyutt
รีวิวร้าน 新興發點心 (New Hing Fat Dim Sum) ติ่มซำแบบคลาสสิคโลคัล
กลางกลิ่นควันอุ่นจากเข่งไม้ไผ่และเสียงพูดคุยด้วยภาษากวางตุ้ง เสียงจอแจ “新興發點心 (New Hing Fat Dim Sum)” คือร้านติ่มซำที่ยังคงเสน่ห์ ของความดั้งเดิมในย่าน Sai Ying Pun Hong Kong ได้อย่างสมบูร
GazzaTaste
รีวิว OHB Café and Meal สาขา WellnessMe Bangna ร้านอาหารที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ เข้ากับชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว
รีวิว OHB Café and Meal สาขา WellnessMe Bangna ร้านอาหารที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ เข้ากับชีวิตในเมืองได้อย่างลงตัว ถ้าคุณกำลังมองหาร้านอาหารและคาเฟ่ที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับอาหารเพื่อ
yoknipas
⭐️รีวิว “ภัตตาคารศิรินทร์” ข้าวมันไก่ตอน (แยกคลองเตย) ถ.พระราม 4
วันนี้มาทานอาหารที่ ภัตตาคารศิรินทร์ อาหารอร่อย คุณภาพดี บริการสุภาพ รวดเร็ว ประทับใจมาก อยู่ถนนพระราม 4 ฝั่งตรงข้ามอาคาร The PARQ เข้าซอย ธนาคารกสิกร ประมาณ 100 เมตร มีที่จอดรถหน้าร้าน 3-4 คัน ได้ลอ
Lady_Simplicity
"ผัดกะเพรา" เมนูสิ้นคิดที่คนไทยรัก ส่วนใหญ่ชอบแบบไหนกัน?
"ผัดกะเพรา" เมนูที่ยืนหนึ่งในใจคนไทยเสมอมา ไม่ว่านึกอะไรไม่ออก จานด่วนจานนี้ก็พร้อมเป็นคำตอบสุดท้ายเสมอ แต่เคยสงสัยไหมว่า "กะเพราในอุดมคติ" ของคนส่วนใหญ่แท้จริงแล้วหน้าตาเป็นอย่างไ
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้สามตัวตรง
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารฟิวชั่น
อาหารญี่ปุ่น
สเต๊ก
อาหารคาว
ร้านอาหาร
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 1
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[SR] รีวิว "Saha Omakase" โอมากาเสะเสิร์ฟเนื้อวัวไทย 16 จานต่อคอร์สแค่ 1,900฿++ บนตึกบันยันทรีสาทรชั้น 53
เนื่องจากเราเข้ามารีวิวเวลา 20.00 น. ซึ่งค่อนข้างกระชั้นชิดกับลูกค้ารอบที่แล้วพนักงานจึงขอเพิ่มเวลาอีกเล็กน้อยในการจัดเตรียมร้านสักครู่ก่อนจะเปิดให้บริการระหว่างนี้เดินสำรวจส่วนอื่นของห้องอาหารไปพลาง เริ่มต้นจากด้านหน้าสุดจัดเป็นซุ้มทางเข้าด้วยโต๊ะคลุมผ้ากำมะหยี่สีแดงสดพร้อมกล่องไม้ที่สลักชื่อร้านว่า "Saha Omakase" และสัญลักษณ์รูปโคขุนตัวอ้วนเนื้อแน่น ตกแต่งให้สวยงามด้วยขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เปล่าสีสันสดใสนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นกับป้ายมาตรฐาน SHA ของกระทรวงสาธารณสุขวางไว้ติดกันอย่างมีศิลปะ ด้านในมีจุดเด่นที่บาร์ยาวทรงโค้งมนทำด้วยหินอ่อนสีครีมขนาดใหญ่โอบรับกับห้องครัวซึ่งเชฟใช้ในการปรุงเตรียมอาหารต่างๆก่อนเสิร์ฟ โดยหนึ่งรอบสามารถรองรับลูกค้าได้สูงสุดเพียง 8 คนเท่านั้นล้อมรอบด้วยเก้าอี้ดีไซน์สุดหรูมีพนักพิงทำจากแก้วใสหน้าเคาน์เตอร์ อีกโซนเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นแท้สำหรับรอชมวิวนอกหน้าต่างชั้น 53 และพูดคุยเล่นกันระหว่างรอรอบก่อนกินเสร็จ พื้นรองด้วยเสื่อทาทามิเก้าอี้ใช้เบาะหนานุ่มพร้อมพนักพิงทำจากไม้แข็งแรงทนทานให้นั่งห้อยขาลงไปลงล่างโต๊ะทรงเตี้ยสุดสบายคอยนานแค่ไหนก็ไม่เมื่อย ตอนนี้ทุกอย่างถูกเตรียมเสร็จหมดแล้วไปเข้าประจำที่กันเลยครับผม
มาถึงเราก็ถูกเชิญให้นั่งตรงหน้าเคาน์เตอร์ฝั่งติดห้องครัวเพื่อจะได้ถ่ายรูปเชฟตอนปรุงอาหารจานต่างๆก่อนยกเสิร์ฟได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าใครอยากชมวิวมุมที่สวยสุดๆพร้อมเพลิดเพลินกับโอมากาเสะไปด้วยแนะนำว่าตอนจองก็เลือกหน้าบาร์ด้านขวามือติดริมหน้าต่างขนาดใหญ่จะสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพได้อย่างเด่นชัดด้านบนของโรงแรมบันยันทรีสาทรชั้น 53 ยามค่ำคืนดวงไฟจากท้องถนนส่องแสงราวกับดาวระยิบระยับ-โรแมนติก กลับมาบนโต๊ะในแต่ละที่นั่งถูกวางด้วยแผ่นรองจาน/ที่รองแก้ว/ตะเกียบ/ผ้าเย็นพร้อมหลอดดูดน้ำเรียงไว้อย่างเรียบร้อยและสำหรับเมนูในวันนี้มีให้ลุยทั้งหมด 16 จานต่อ 1 คอร์สเรียงลำดับการเสิร์ฟตามใบรายการอาหารที่วางไว้ให้ชมข้างหน้า ส่วนเครื่องดื่มสามารถเลือกได้ระหว่างน้ำเปล่าและชาเขียวเติมได้ไม่อั้น ถ้าใครอยากจิบแอลกอฮอล์คุณภาพสูงๆคู่มื้อสุดพิเศษนี้ทางร้านก็มีให้เลือกหลายรายการทั้งไวน์/สาเก/เหล้าบ๊วยกับเบียร์นำเข้าตรงจากต่างประเทศ นอกนั้นยังมีน้ำอัดลม/ชาดอกไม้-ผลไม้ชงร้อน/โซดาแช่เย็นๆกลิ่นผลไม้หอมสดชื่น ราคาเริ่มต้นแก้วละ 50-160 บาทให้เปลี่ยนได้ตามใจอีกด้วย สักพักหัวหน้าเชฟและผู้ช่วยออกมาแนะนำตัวเล็กน้อยแล้วก็เริ่มเตรียมเสิร์ฟเมนูคอร์สกันเลยครับผม
มาเริ่มต้นกันที่ Welcome Drink เพิ่มความสดชื่นช่วยดับกระหายและเปิดประสาทสัมผัสของลิ้นให้พร้อมมากขึ้นตามวัฒนธรรมพื้นฐานของร้านโอมากาเสะทั่วไปด้วย "อัญชันอินฟิวส์" เครื่องดื่มสีน้ำเงินสวยงามดูมีความลึกลับเทลงในแก้วแชมเปญสุดหรูซึ่งใส่ทองคำเปลวเล็กน้อย มีส่วนประกอบหลักเป็นกลีบดอกอัญชันผสมกานพลูกับสาเกญี่ปุ่นรสชาติหวานเสิร์ฟแบบแช่เย็นจัด มาพร้อมขวดไซรัปขนาดจิ๋วคั้นจากผลส้มยูซุแท้ๆแสนเข้มข้นให้รสเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร สำหรับวิธีการดื่มเมนูนี้เพียงหยดน้ำส้มยูสุสกัดแบบแรงกล้าลงไปในแก้วทรงสูงเรื่อยๆจนกว่าจะได้ระดับความเปรี้ยวอมหวานลงตัวแบบที่แต่ละคนพึงพอใจ (ส่วนตัวเราขอแนะนำว่าให้เทลงไปจนหมดขวดจะรสชาติลงตัวกำลังดีสุดๆ) มีข้อควรสังเกตอีกเล็กน้อยก็คือน้ำเปลี่ยนกลายเป็นสีม่วงคล้ายๆเครื่องดื่มอัญชันมะนาวของไทยแต่ปรับเปลี่ยนให้ดูหรูหรา-สวยงามเหมาะสำหรับการนำเสนอในร้านโอมากาเสะยิ่งขึ้นครับ
สำหรับจานแรกนั้นไม่มีส่วนประกอบของเนื้อวัวแม้แต่น้อยแต่เป็นการเคลือบลิ้นด้วยความอูมามิอันเข้มข้นพิเศษ เพื่อเปิดต่อมรับรสชาติซึ่งกระจายอยู่ทั่วให้สัมผัสถึงความอร่อยได้อย่างเต็มที่ยิ่งขึ้นพร้อมช่วยเรียกน้ำย่อยให้ออกมาทำงานภายในกระเพาะอาหารกับเมนู "Tomato Confit With Sake" มะเขือเทศสีแดงสดลูกใหญ่กลมโตสวยงามผ่านกระบวนการ "กงฟี" หรือตุ๋นในน้ำมันด้วยอุณหภูมิต่ำใช้เวลานานๆสไตล์ครัวตะวันตกและให้กลิ่นอายความเป็นตะวันออกด้วยการผสมสาเกคุณภาพสูงลงไป มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเคี้ยวชุ่มฉ่ำจากธรรมชาติแท้ซึ่งช่วยเพิ่มความสดชื่นก่อนจะเข้าสู่จานเนื้อวัวต่อมา โดยดอกไม้ประดับสีสันสวยงามกับแผ่นทองคำเปลวที่เห็นทั้งหมดภายในร้านนั้นสามารถกินได้แถมช่วยเพิ่มกลิ่นหอมภายในปากเวลาเคี้ยวอีกด้วย เมนูจานถัดไปมีการตัดให้เป็นเยลลี่ก้อนสี่เหลี่ยมๆแล้วพ่นด้วยประกายทองคำก่อนยกมาเสิร์ฟบนโต๊ะนั่นคือ "Sous Vide Gyu Tan" หรือสตูว์ส่วนลิ้นวัวตุ๋นไวน์แดงผสมพอนซึยูสุซึ่งมีรสชาติเปรี้ยวและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เข้ากันได้ดีกับความเข้มข้นของเนื้อวัวสายพันธุ์ไทยโดยจัดเสิร์ฟราวกับพุดดิ้งชิ้นขนาดพอดีคำ ตัวลิ้นวัวตุ๋นมีความนุ่มนิ่มสุดๆเพียงแค่นำลิ้นดุนเล็กน้อยก็ละลายหายไปในปากเพราะเชฟใช้เทคนิค Sous Vide ค่อยๆทำให้สุกภายในถุงสุญญากาศยาวนานถึง 24 ชม.เต็มนั่นเองครับผม
เมนูต่อมาทำจากเนื้อวัวไทยวากิวตัดเสิร์ฟให้เป็นชิ้นสวยงามพอดีคำนั่นก็คือ "Steak S&P" ทางเชฟได้เลือกใช้ส่วนพิคานญ่าเอามาย่างให้พอสุกสวยงามแบบ Medium Rare ปรุงรสด้วยเกลือจากเทือกเขาหิมาลายันอันอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆมีสีชมพูอ่อนใสซึ่งเป็นชนิดดีสุดในโลก จึงได้ความเค็มสุดกลมกล่อมไม่บาดลิ้นจนรบกวนรสชาติอันแท้จริงของตัวสเต๊ก เพิ่มความเผ็ดร้อนและหอมสดชื่นไม่เหมือนใครด้วยพริกไทยคุณภาพสูงของเมืองกัมปอตนำเข้าจากประเทศกัมพูชา ปิดท้ายด้วยซอสแบล็คทรัฟเฟิลสับละเอียดหมักในน้ำมันมะกอกสูตร Extra Virgin มีกลิ่นอันสะท้อนสไตล์ตะวันตกผสมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับเนื้อส่วนมีไขมันน้อยแต่รสชาติเข้มข้นได้อย่างลงตัวดีสุดๆ จานถัดไปยังคงเสิร์ฟสเต๊กแต่ให้กินคู่ซอสนั่นก็คือ "Beef Steak Black & White Mayo" ซึ่งเชฟจะเลือกส่วนที่ดีสุดในแต่ละวันโดยเราได้ลอง Rump หรือสะโพกชั้นไขมันน้อยแต่ให้ความหอมนุ่มเคี้ยวละมุนตามฉบับไทยวากิวย่างแค่พอสุกระดับเดียวเหมือนจานก่อนๆ เสิร์ฟพร้อมรากโกโบเส้นทอดกรอบชวนเคี้ยวเพลินมีกลิ่นกับรสชาติเฉพาะตัวให้สัมผัสคล้ายๆเฟรนซ์ฟรายส์จิ้มซอสตัวแรกสีดำสนิททำจากงาดำคั่วบดส่วนซอสสีขาวทำจากไวท์มิโสะ โดยวิธีการทานก็คือให้ชิมสีดำต่อด้วยสีขาวสุดท้ายให้เอาทั้งสองมาผสมกันได้ความหอมมันละมุนที่แตกต่างแต่อร่อยลงตัวครับ
เมนูถัดไปถูกนำมาวางบนโต๊ะราวกับศิลปะแห่งจานอาหารก็คือ "Tenderloin Maki, Wasabi And Shoyu" ทางหัวหน้าเชฟได้ไอเดียมาจากการทำมากิซูชิของประเทศญี่ปุ่น โดยเลือกใช้เฉพาะส่วนสันในมีไขมันสวยงามของวัวสายพันธุ์ชาร์โรเล่ส์แล่ตามแนวยาวของกล้ามเนื้อเรียงกันให้เป็นเส้นยาวอย่างสวยงาม คลุกเคล้าถ่านชาร์โคลสีดำทำจากกากมะพร้าวเผาอันมีคุณสมบัติที่ดีต่อลำไส้มนุษย์และห่อหุ้มด้วยสาหร่ายแผ่นโนริเหมือนภัตตาคารซูชิชั้นนำ ตัดแต่งเป็นชิ้นให้สวยงามทานพร้อมซอสสีน้ำตาลทำจากโชยุนำมาเคี่ยวกับส่วนผสมพิเศษให้มีสัมผัสเหนียวข้นเล็กน้อยคล้ายซอสราดบนขนมดังโงะ ส่วนสีเขียวอ่อนข้างๆกันนั้นทำจากวาซาบิขูดสดปรุงตามสูตรลับของทางหัวหน้าเชฟให้มีรสชาติเผ็ดฉุนอมหวานนุ่มนวลภายในปาก แล้วตกแต่งปิดท้ายด้วยการวางแผ่นแป้งกรอบบางคล้ายขนมเซมเบ้อบของประเทศญี่ปุ่นสีแดงสดใสสวยงามให้ความรู้สึกเหมือนปะการังใต้ท้องทะเลกับรากบัวสไลด์แผ่นบางชุบแป้งทอดให้มีหลายเฉดสีภายในจานเดียวกัน สำหรับวิธีการทานนั้นทางเชฟแนะนำว่าให้เริ่มทานแผ่นแป้งและรากบัวทอดก่อนจากนั้นค่อยๆเอาตะเกียบคีบเนื้อวัวในมากิซูชิออกมาจิ้มซอสเพื่อชิมรสชาติทีละตัว สุดท้ายให้ปาดส่วนผสมทั้งหมดที่มีในจานรวมกันพร้อมสาหร่ายหุ้มเปลือกข้างนอกในคำสุดท้ายก็จะได้รับความอร่อยครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น