ย้อนเส้นทางโจโกวี จากผู้ว่าเมืองหลวง สู่ผู้นำประเทศ

แม้ตัวผมจะไม่ได้เป็นคน กทม แต่ก็รู้สึกอดยินดีไม่ได้ที่ได้ยินว่า คุณ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีคะแนนนำอยู่และมีโอกาสสูงที่จะได้เป็นผู้ว่า กทม คนต่อไป
เมื่อได้เห็นประวัติการทำงานและประวัติการศึกษาก็อดชื่นชมไม่ได้ว่า คุณ ชัชชาติ อาจจะเป็นโจโกวีคนต่อไปในเมืองไทย หรืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป
เพียงแต่ยอมรับว่า คุณ ชัชชาติ และ โจโกวี มีเส้นทางด้านการเมืองที่แตกต่างกัน พื้นเพแตกต่างกัน และที่สำคัญคือนโยบายการบริหารที่แตกต่างกัน
โดยโจโกวี แต่เดิมมีเส้นทางแตกต่างจากผู้นำประเทศคนก่อน ตรงที่ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวชนชั้นนำ และไม่ได้เกิดมาในตระกูลใหญ่ระดับประเทศ
ชีวิตในวัยเด็กจนถึงก่อนทำงานการเมือง จะว่าไปแล้ว ออกจะไปแนวเฮฮา เที่ยวเล่น เพราะโจโกวีเป็นแฟนคลับเพลงร็อกของฝรั่งมาตั้งแต่วัยรุ่นด้วย

โจโก วิโดโด หรือ "โจโกวี" เกิดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 1961 ที่เมืองสุรการ์ต้า จังหวัดชวากลาง ประเทศอินโดนีเซีย ในครอบครัวคนขายเฟอร์นิเจอร์
เขาเรียนในโรงเรียนสำหรับคนชนชั้นล่าง พลางช่วยครอบครัวค้าขายและยังเคยถูกคุกคามจากบรรดาผู้มีอิทธิพลหลายคนจนส่งผลต่อความคิดเขา
ต่อมาเขาได้เรียนที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาจะห์มาดะ เพื่อศึกษาเรื่องราวของป่าไม้ตามพื้นเพเดิมของครอบครัว จนเป็นผู้ที่ชำนาญเรื่องป่าไม้
หลังจากจบการศึกษา เขาทำงานให้กับรัฐวิสาหกิจ ก่อนที่จะมาเปิดธุรกิจเกี่ยวกับไม้แปรรูป แต่ก็ธุรกิจก็ขึ้นๆ ลงๆ และไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร
ต่อมา เขาได้พบกับชายชาวฝรั่งเศสชื่อ Bernard Chene ผู้ตั้งชื่อเขาว่า โจโกวี และพาเขราไปเที่ยวยุโรปซึ่งเขาประทับใจกับการวางผังเมืองที่นั้น

ปี 2005 โจโกวีได้รับเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองสุรการ์ต้า เขาได้พัฒนาเมืองเกิดและพยายามปรับตัวเข้ากับชุมชนที่ต่อต้านเขาเป็นอย่างดี
โจโกวี ได้พัฒนาเมืองสุรการ์ต้าซึ่งบอบช้ำจากการทุจริตของนายกเทศมนตรีคนก่อน และมีแนวทางที่ก้าวหน้ากว่านักการเมืองของอินโดในเวลานั้น
ต่อมา เขาได้รับเลือกอีกครั้งในปี 2010 ด้วยคะแนนเสียงกว่า 90% ก่อนที่ 2 ปีต่อมา ทางพรรค PDI-P ต้นสังกัดส่งเขาชิงตำแหน่งผู้ว่ากรุงจาการ์ต้า
หลังจากนั้น เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่ากรุงจาการ์ต้า และ 2 ปีต่อมาอีก เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับปราโบโวและคว้าชัย
ปี 2019 เขาลงสมัครแข่งกับปราโบโวอีกครั้งและก็ชนะซ้ำ และการเลือกตั้งเมืองสุรการ์ต้าในปีก่อน ลูกชายของโจโกวีก็ชนะและได้เป็นตามพ่อไป

แม้ โจโกวี ในสายตาของกลุ่มเคร่งศาสนาจะมองว่าเขาเป็นคนนอกลู่นอกทาง แต่โจโกวียืนยันว่า เขาเป็นมุสลิมที่ยอมรับความแตกต่างทางศาสนา
เพื่อสร้างความคิดบวกต่อกลุ่มเคร่งศาสนา หลังจากยูซุฟ กัลลา รอง ปธน. หมดวาระ เขาจึงเชิญ กิไย มารุฟ อามีน ผู้นำศาสนา เป็นรอง ปธน. แทน
ขณะเดียวกัน โจโกวียืนยันหนักแน่นว่า ปัญจศีลนั้นคือรัฐธรรมนูญอันสูงสุดของประเทศและล่วงละเมิดมิได้ (ที่อินโด ถ้าหมิ่นนี้ถึงขั้นติดคุกกันเลย)
"ผมเป็นประธานาธิบดี มีอุดมการณ์ที่ชัดเจน ... อุดมการณ์ของเราเหมือนกันและใช้แตกต่างกันไปตามบุคคล ... แต่หากปราศจากมัน เราก็ไร้ทิศทาง"
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ที่เขาดูเป็นผู้นำรุ่นใหม่และมีแนวคิดที่ค่อนข้างทันโลก ทำให้เขาสลัดภาพผู้นำนอกลู่ในสายตากลุ่มเคร่งศาสนาไม่ออก

หนึ่งในนโยบายที่ใหญ่ที่สุดของโจโกวี คือ การย้ายเมืองหลวง จากกรุงจาการ์ต้าไปทางพื้นที่ในเกาะบอร์เนียว (อินโดนีเซียเรียกว่า เกาะกาลิมันตัน)
เหตุผลหนึ่งคือ เขามองว่ากรุงจาการ์ต้าน้ำท่วมและมีประชากรหนาแน่น จึงจำเป็นย้าย (สามารถอ่านได้ที่ https://pantip.com/topic/39573502)
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าเรื่องใหญ่แบบนี้ การวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆ ฝ่ายยอมตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะจากฝ่ายตรงข้ามกับเขา
เอมิล ซาลิม (Emil Salim) ยังกล่าวว่า งบประมาณการย้ายเมืองหลวง ควรจะถูกใช้จ่ายไปกับการปรับปรุงแก้ไขเรื่องน้ำท่วมในจาการ์ต้าจะดีกว่า
ขณะที่พรรค Gerindra ของปราโบโว (Prabowo) เองก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นขยะทางการเมือง และเป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะให้กับประเทศชาติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่