
8 เม.ย.2565 -นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ของคุณชัชชาติเลยค่ะ
การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ต้องเกิดได้ทุกที่ ผู้ว่าฯ กทม. มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม จัดรถห้องน้ำ ดูแลความปลอดภัย และในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้คนทั่วไปที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุมยังสัญจรไปมาได้ หรืออย่างน้อยก็ได้รับความสะดวกตามสมควร มีการแจ้งประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไม่ใช่จัดโซนนิ่ง เปิดให้ชุมนุมได้แค่บางที่
การให้ชุมนุมได้เฉพาะในที่ที่รัฐกำหนด เป็นวิธีที่ประเทศเผด็จการเขาใช้กันเพื่ออ้างว่าฉันเป็นประชาธิปไตย เปิดรูให้ประชาชนชุมนุมได้ในบางที่ แต่เป็นการชุมนุมที่จะไม่มีพลังไม่มีอิมแพคอะไรพอที่จะสะเทือนผู้มีอำนาจได้
หากพูดถึงความสะดวกไม่เดือดร้อนใคร อันที่จริงเวลาเราชุมนุมที่สนามหลวงก็ไม่เดือดร้อนใคร เพราะเป็นที่โล่งกว้าง แต่เพราะมันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ผู้มีอำนาจเดือดร้อน คนจัดชุมนุมที่สนามหลวงจึงโดนคดี
หากคุณชัชชาติจะจัดโซนนิ่งให้ชุมนุม อยากทราบว่าหน้าทำเนียบรัฐบาล กระทรวงต่างๆ สนามหลวง และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะเป็นโซนที่สามารถชุมนุมได้หรือไม่?
เหตุที่การชุมนุมต้องเกิดได้ทุกที่ เพราะหากเราชุมนุมได้เฉพาะบริเวณที่รัฐกำหนด เท่ากับให้ผู้มีอำนาจควบคุมการชุมนุมได้ การชุมนุมส่วนใหญ่เป็นการต่อต้านผู้มีอำนาจทั้งนั้น หากรัฐไม่อนุญาตเราก็ไม่ได้ชุมนุม เท่ากับประชาชนถูกพรากเอาอาวุธหนึ่งเดียวที่ตัวเองมีไป
แน่นอนว่าการชุมนุมขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับความสะดวกในการใช้พื้นที่ การเดินทาง ขอยกตัวอย่าง เวลาอังกฤษจะมีการประท้วงหยุดงานของพนักงานรถไฟ ซึ่งกระทบกับการเดินทางของคนเป็นล้าน สหภาพเขาจะแจ้งล่วงหน้านานหลายวัน เพื่อให้ประชาชนวางแผนชีวิตตัวเองในวันที่จะมีการประท้วง และคนส่วนใหญ่ก็ยอมรับได้ วางแผนเลี่ยงการเดินทางหรือไปใช้ระบบโดยสารอื่น
ความไม่สะดวกในการเดินทางเป็นสิ่งที่พวกเขายอมจ่ายเพื่อแลกกับสิทธิที่เพิ่มขึ้นของเพื่อนร่วมชาติ
สวัสดิการที่ดีของพนักงานรถไฟอังกฤษ ได้มาจากการต่อสู้เรียกร้อง ไม่ใช่การเชื่อฟังและทำตามที่รัฐอนุญาต สวัสดิการ คุณภาพชีวิต สิทธิเสรีภาพของคนไทยก็เช่นเดียวกัน.
ข่าวดี้ดี 4.0 รบกันแล้ว! 'ช่อ' ต้านนโยบาย 'ชัชชาติ' อัดยับเป็นวิธีที่ประเทศเผด็จการใช้เพื่ออ้างว่าเป็นประชาธิปไตย
8 เม.ย.2565 -นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ของคุณชัชชาติเลยค่ะ
การชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ต้องเกิดได้ทุกที่ ผู้ว่าฯ กทม. มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม จัดรถห้องน้ำ ดูแลความปลอดภัย และในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลให้คนทั่วไปที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุมยังสัญจรไปมาได้ หรืออย่างน้อยก็ได้รับความสะดวกตามสมควร มีการแจ้งประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไม่ใช่จัดโซนนิ่ง เปิดให้ชุมนุมได้แค่บางที่
การให้ชุมนุมได้เฉพาะในที่ที่รัฐกำหนด เป็นวิธีที่ประเทศเผด็จการเขาใช้กันเพื่ออ้างว่าฉันเป็นประชาธิปไตย เปิดรูให้ประชาชนชุมนุมได้ในบางที่ แต่เป็นการชุมนุมที่จะไม่มีพลังไม่มีอิมแพคอะไรพอที่จะสะเทือนผู้มีอำนาจได้
หากพูดถึงความสะดวกไม่เดือดร้อนใคร อันที่จริงเวลาเราชุมนุมที่สนามหลวงก็ไม่เดือดร้อนใคร เพราะเป็นที่โล่งกว้าง แต่เพราะมันเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจ ผู้มีอำนาจเดือดร้อน คนจัดชุมนุมที่สนามหลวงจึงโดนคดี
หากคุณชัชชาติจะจัดโซนนิ่งให้ชุมนุม อยากทราบว่าหน้าทำเนียบรัฐบาล กระทรวงต่างๆ สนามหลวง และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะเป็นโซนที่สามารถชุมนุมได้หรือไม่?
เหตุที่การชุมนุมต้องเกิดได้ทุกที่ เพราะหากเราชุมนุมได้เฉพาะบริเวณที่รัฐกำหนด เท่ากับให้ผู้มีอำนาจควบคุมการชุมนุมได้ การชุมนุมส่วนใหญ่เป็นการต่อต้านผู้มีอำนาจทั้งนั้น หากรัฐไม่อนุญาตเราก็ไม่ได้ชุมนุม เท่ากับประชาชนถูกพรากเอาอาวุธหนึ่งเดียวที่ตัวเองมีไป
แน่นอนว่าการชุมนุมขนาดใหญ่ ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ได้รับความสะดวกในการใช้พื้นที่ การเดินทาง ขอยกตัวอย่าง เวลาอังกฤษจะมีการประท้วงหยุดงานของพนักงานรถไฟ ซึ่งกระทบกับการเดินทางของคนเป็นล้าน สหภาพเขาจะแจ้งล่วงหน้านานหลายวัน เพื่อให้ประชาชนวางแผนชีวิตตัวเองในวันที่จะมีการประท้วง และคนส่วนใหญ่ก็ยอมรับได้ วางแผนเลี่ยงการเดินทางหรือไปใช้ระบบโดยสารอื่น
ความไม่สะดวกในการเดินทางเป็นสิ่งที่พวกเขายอมจ่ายเพื่อแลกกับสิทธิที่เพิ่มขึ้นของเพื่อนร่วมชาติ
สวัสดิการที่ดีของพนักงานรถไฟอังกฤษ ได้มาจากการต่อสู้เรียกร้อง ไม่ใช่การเชื่อฟังและทำตามที่รัฐอนุญาต สวัสดิการ คุณภาพชีวิต สิทธิเสรีภาพของคนไทยก็เช่นเดียวกัน.