JJNY : เหยื่อปริญญ์พุ่ง18ราย│"จุรีพร"พลาด รับรองเท้าเกิน3พัน│ยูเรียพุ่ง1,600บ./กระสอบ│มหาเศรษฐีรัสเซียประณาม"สังหารหมู่"

เหยื่อปริญญ์พุ่ง 18 ราย มีนอกประเทศด้วย 1 กมธ.ยันเคียงข้างผู้เสียหาย จี้พม.เยียวยา
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_3299665
  
 
เหยื่อปริญญ์พุ่ง 18 รายมีนอกประเทศด้วย 1 กมธ.ยันเคียงข้างผู้เสียหายถูกล่วงละเมิด จี้พม.เยียวยา
 
ความคืบหน้าคดี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกกล่าวหากระทำชำเราคุกคามทางเพศหญิงสาวหลายราย โดยนายปริญญ์เข้ามอบตัวกับตำรวจมีการส่งฝากขัง และได้รับการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี ล่าสุด มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 14 รายนั้น
 
ทั้งนี้เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่ สน.ลุมพินี พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ล่าสุด มีผู้เสียหายประกอบด้วยในพื้นที่ บช.น. 15 ราย ได้แก่ สน.ลุมพินี 14 ราย และ สน.ห้วยขวาง 1 ราย ผู้เสียหายใน จ.เชียงใหม่ 1 ราย, จ.เพชรบุรี 1 ราย และนอกประเทศอีก 1 ราย พร้อมรับคำร้องทุกข์เพิ่ม 8 คดี จากเดิม 3 คดี โดยในจำนวนนี้ ขาดอายุความ 2 ราย ซึ่งทุกคดีแบ่งตามพฤติการณ์ก่อเหตุว่าเข้าข่ายอนาจารหรือข่มขืน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดีที่มีผู้เสียหาย 1 ราย ซึ่งปรากฏคลิปเสียงในข่าว เนื่องจากมีความลังเลใจในเรื่องความสัมพันธ์ เพราะหลังเกิดเหตุที่เหยื่อถูกกระทำก็ยังคงติดต่อกับผู้ต้องหา ภายหลังการพิจารณาแต่ละคดีแล้วเสร็จ หากมีพยานหลักฐานก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งสามารถออกหมายจับได้ในคดีที่มีโทษจำคุกเกิน 3 ปี
 
พล.ต.ต.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า ในการตรวจค้นคอนโดฯที่เกิดเหตุในคดีข่มขืนที่ผ่านมา 1 ปี ในการตรวจสอบแม้จะหาหลักฐานได้น้อยก็ต้องทำ โดยได้เก็บวัตถุพยานต่างๆ ส่งให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานทำบันทึกมาเปรียบเทียบคำให้การผู้กล่าวหา ยืนยันว่า 3 คดีแรกของ สน.ลุมพินี ผู้กล่าวหายังคงยืนยันคำให้การเดิมว่าจะเอาผิดกับผู้ต้องหา ตำรวจจึงไม่หนักใจเพราะมีหลักฐานค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ที่กังวลคือข้อหาอนาจาร หากกระทำกันเพียงลำพัง สามารถยอมความได้ และคดีมีอายุความ 3 เดือน หากส่งสำนวนถึงอัยการ รวมถึงมีการไกล่เกลี่ย ผู้เสียหายสามารถไม่เอาความผู้ก่อเหตุได้
 
พล.ต.ต.ไตรรงค์เปิดเผยอีกว่า ส่วนคดีเมื่อปี 2563 ต้องสอบถามผู้เสียหายอีกครั้ง เพราะกลับมาให้การในลักษณะลังเลว่าจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุหรือไม่ ส่วนกรณีที่มีตำรวจชั้นนายพลพยายามไกล่เกลี่ยผู้เสียหายให้ไม่เอาผิดนั้น ยังไม่ทราบ ส่วนคดีที่มีผู้เสียหายอ้างว่าถูกวางยาได้รับเลขคดีไว้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้วว่าจะมีการเรียกหรือดำเนินการอย่างไรกับผู้ถูกกล่าวหาต่อไป
 
ที่รัฐสภา นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวกรณีนายปริญญ์ว่า การล่วงละเมิดทางเพศไม่ว่ารูปแบบใดเป็นสิ่งที่ผิด ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะหากผู้กระทำความผิดเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง มีอิทธิพล มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สำคัญ ยิ่งจะต้องมีกระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ให้เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดจริงหรือไม่
 
“กมธ.ขอยืนหยัดเคียงข้างผู้เสียหายทุกคน ไม่ใช่แค่กรณีนี้ แต่ทุกกรณีที่ถูกละเมิดทางเพศ เพื่อนำผู้กระทำผิดให้ได้รับโทษ และพร้อมที่ให้ความร่วมมือดำเนินการหาข้อเท็จจริง โดยจะใช้ช่องทางตามอำนาจหน้าที่และพร้อมจะสนับสนุนทุกฝ่ายเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง” นางมุกดากล่าว
 
นางมุกดากล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่ กมธ.กำลังศึกษา โดยเฉพาะกระทรวงที่รับผิดชอบ คือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จะต้องตอบคำถามว่ามีมาตรการหรือไม่ในการดูแลเรื่องนี้ ไม่ว่าใครจะใหญ่โต มีอิทธิพล มีชื่อเสียงอย่างไร แต่ต้องเคารพกติกาและกฎหมาย
 

 
"จุรีพร" พลาด รับรองเท้า Gucci จาก "กิ๊ก" เกิน 3 พันบาท ทั้งที่เป็นขรก.การเมือง
https://www.nationtv.tv/news/378870622

"จุรีพร สินธุไพร" ส่อตายน้ำตื้น รับรองเท้า Gucci จาก "กิ๊ก" ราคาเกิน 3 พันบาท ทั้งที่เป็นข้าราชการการเมือง เข้าข่ายผิดกฎหมายชัดเจน

ภายหลังนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พานายสุดสยาม มากแก้ว หรือ “กิ๊ก” ให้ปากคำตำรวจ กรณีถูกกล่าวหาแอบอัดคลิปเสียงเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.จุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับยืมเงิน 15 ล้านบาท แลกกับโควตาหวย นำมาเผยแพร่
 
ตอนหนึ่งนายกิ๊กระบุว่า นางจุรีพร ได้พาไปคุยกับแรมโบ้เรื่องโควตาหวยจริง  พร้อมยืนยัน ไม่ได้เป็นคนอัดคลิปเสียงฉาวดังกล่าว 
 
จากคำสัมภาษณ์ดังกล่าว ทำให้ น.ส.จุรีพร นั่งก้นไม่ติดพื้น รีบออกมาแถลงข่าวชี้แจงทันที โดยเล่าว่า  รู้จักกับนายกิ๊ก เมื่อวันที่ 13 มี.ค.โดยมีนางน็อตเป็นผู้หญิง ขอประสานเข้าพบ ที่อ้างว่า มีโรงงานทำเสื้ออยู่ที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด จะมาขอโควตาทำเสื้อ และยังอ้างว่า มีโควตาทำปุ๋ยทั่วประเทศ
 
ช่วงหนึ่งนางจุรีพร เล่าว่า เจอกันวันแรกนายกิ๊กได้นำรองเท้ายี่ห้อดัง Gucci มามอบให้ตนเองและสามี  พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ารู้เบอร์เท้าได้อย่างไร จึงขอให้มาเอาไปคืน เพราะตนเองมีทุกอย่างแล้วจึงไม่ต้องการ ซึ่งคำพูดตรงนี้นี่เอง อาจจะทำให้เธอตายน้ำตื้นได้ง่ายๆ 
 
ล่าสุด !! นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย ตั้งข้อสังเกตุถึงเรื่องดังกล่าว ว่า เป็นข้าราชการการเมืองรับทรัพย์สินมูลค่าเกิน 3,000 บาทได้ด้วยหรือ
 
โดยข้อความฉบับเต็ม ระบุว่า

ไปกันใหญ่!!รับทรัพย์สินเกิน 3,000 บาท
 
- ผมอ่านข่าว คุณจุรีพร สินธุไพร พร้อมด้วยทนายความแถลงข่าว คลิปเสียงเรื่องหวย ที่มีการขอเงิน 15 ล้านบาท คุณจุรีพร อ้างว่า เป็นกระบวนการที่ทำให้ตนได้รับความเสียหาย โดยกระบวนการนี้มาพบเธอ และมอบรองเท้าแบรนด์เนมให้เธอ 2 คู่ (ให้เธอ 1 คู่ ให้สามีของเธอ 1 คู่) เธอโชว์ภาพรองเท้าด้วย
 
- ผมเห็นแล้วก็ตกใจ ทำไมทนายความไม่เตือนเธอ คุณจุรีพร เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามกม.ปปช.มาตรา 128 และ ประกาศของปปช.เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าพนักงานของรัฐ พ.ศ.2563 เขาห้ามรับทรัพย์สินในแต่ละโอกาส ไม่เกิน 3,000 บาท ตามข่าวคุณจุรีพร แถลงว่า เธอรับรองเท้ามา 2 ครั้ง ครั้งแรก 13 มีนาคม 2565 ครั้งที่สองไม่บอกวันที่ว่ารับเมื่อไหร่
 
- ผมก็ให้สายสืบไปสืบว่าราคารองเท้าประมาณเท่าไหร่ สายสืบรายงานว่า ดูรหัสกล่องแล้ว รองเท้าผู้หญิง น่าจะราคาไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ส่วนรองเท้าผู้ชายน่าจะราคา 36,800 บาท
 
- นี่ผมแนะนำคุณจุรีพร แบบตะแบงๆ นะครับ(ตอนนี้เหล่าทนายความเขาตะแบงกันเยอะ) ตามกฎหมายคุณจุรีพร สามารถคืนสิ่งของที่เกินราคา 3,000 บาทได้โดยไม่มีความผิด แต่มีระยะเวลาในการคืน ตอนนี้ พ้นกำหนดเวลาคืนหรือยังผมไม่บอกดีกว่า ให้ทนายคุณจุรีพรไปคิดต่อเอาเอง แต่แนะนำว่า พรุ่งนี้ คุณจุรีพร รีบนั่งเครื่องบินมาคืนรองเท้าที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยด่วนเลยครับ ตามกฎหมายแล้วก็ต้องคืนกับนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจแต่งตั้งนั่นแหละครับ แล้วท่านนายกรัฐมนตรีก็รออยู่รับรองเท้าด้วย อย่าไปไหนนะครับ ไม่งั้นลูกน้องแย่เลย คุณจุรีพรทำเสียนะครับหากเลยกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(กม.ปปช.มาตรา169)และมีความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมด้วยนะครับ

https://www.facebook.com/nipit.in/posts/4968634553172404
 

 
ปุ๋ยยูเรียราคาพุ่ง 1,600 บาท/ กระสอบ เหตุสงครามรัสเซีย – ยูเครน
https://www.nationtv.tv/news/378870573

ปุ๋ยยูเรียโคราช ราคาพุ่งกว่าเท่าตัว เหตุสงครามรัสเซีย – ยูเครน เดิมทีช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ราคาปุ๋ยยูเรีย อยู่ที่กระสอบละ 700 บาท แต่มาปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 1,600 บาทแล้ว

นายสิทธิกร หาญลคร ปลัดอำเภอครบุรี พร้อมด้วย นายอุทัย หนูวุ่น เกษตรอำเภอฯ ,นายบัญชา ชุติมันตานนท์ ปศุสัตว์ฯ และนายอายุวัฒน์ อนุตรอริยกุล ประมงอำเภอ บูรณาการร่วมกันออกตรวจสอบร้านขายปัจจัยการผลิตด้านการเกษตรและอาหารสัตว์ ภายในเขตเทศบาลตำบลแชะ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อให้การจำหน่ายสินค้าต่างๆเป็นไปตามระเบียบที่ทางราชการกำหนดไว้หลังจากช่วงนี้มีรายงานว่าปุ๋ยเคมีและอาหารสัตว์ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า สินค้าหลายรายการมีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรีย สูตร 46-0-0 ที่ปรับราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้วทำให้กลุ่มเกษตรกรต้องตัดสินใจลดการใช้ปุ๋ยชนิดนี้ลงหลายเท่าตัวโดยปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ราคาล่าสุด อยู่ที่กระสอบละ 1,550 – 1,600 บาท ขณะที่ราคาช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว อยู่เพียงกระสอบละ 700 บาทเท่านั้น

นายแก้ว เนียมตะคุ เจ้าของร้าน น.เกษตร ครบุรี กล่าวว่า เดิมทีช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ราคาปุ๋ยยูเรีย อยู่ที่กระสอบละ700บาท แต่มาปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น1,600บาทแล้ว และยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอีกตลอดปีนี้ขณะที่สินค้าก็เริ่มหายากขึ้นทุกทีลูกค้าเมื่อเห็นว่าปุ๋ยราคาแพง ก็จะลดอัตราการซื้อลงอย่างมากเช่น เคยใช้ปุ๋ยยูเรีย ปีละ20กระสอบ ก็ลดลงเหลือเพียง2กระสอบเท่านั้น เพราะสู้ราคาไม่ไหวทำให้ปุ๋ยค่อนข้างขายยากในช่วงนี้ ทำให้ยอดขายตกตามไปด้วย ขณะที่สินค้าและปุ๋ยอื่นๆ ก็ขาดแคลน แถมไม่ได้ปุ๋ยตามสูตรที่หวัง
 
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ปุ๋ยหายากและมีราคาแพงนั้น อันดับแรก น่าจะมาจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพราะแม่ปุ๋ยส่วนใหญ่จะต้องสั่งซื้อมาจากกลุ่มประเทศรัสเซีย ซึ่งมียอดการซื้อเป็นอันดับที่3ของประเทศ แต่ตอนนี้มีการจำกัดการขาย เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลใช้งานของกลุ่มรัสเซียเองด้วย ก็เลยทำให้มีการส่งออกปุ๋ยน้อยลงรวมถึงตลาดอื่นๆ อย่างจีนและอินเดีย ก็มีการควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวด รวมถึงปัญหาเรื่องต้นทุนการขนส่งและสถานการณ์โควิด19จึงทำให้ราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่