สวัสดีค่ะ
กระทู้นี้เป็นกระทู้ขอความคิดเห็นและคำปรึกษา
จขท.อายุ20นะคะเป็นผู้หญิง
1.ทำไมถึงเลือกมาระบายในพันทิป
เพราะครอบครัวไม่สามารถให้คำปรึกษาได้เลย
2.ทำไมครอบครัวถึงให้คำปรึกษาไม่ได้เลย
เพราะเราเป็นหัวหน้าครอบครัว(แต่เราอายุ20ปีเองค่ะ)
ขอเกิ่นก่อนนิดนึงนะคะ
เราทำงานอยู่ที่ๆหนึ่งเป็นที่ทำงานที่แรกตั้งแต่จบค่ะเป็นร้านยาแห่งหนึ่งค่ะ
ก่อนสมัครเราคิดว่าเรารักงานนี้มากๆค่ะเพราะเป็นสิ่งที่เรารักและเรียนจากสายวิท-คณิต
เราเลยทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้อยู่ในร้านยานี้ได้นานที่สุดประมาณ2ปีเราเริ่มไม่โอเคแต่ในระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ที่เรารู้สึกเหมือนทรมานยังไงบอกไม่ถูก
(ขอเล่าตั้งแต่เริ่มเข้านะคะ)
เดือนแรกเราตั้งใจมากที่จะฝึกเราพยายามจดชื่อยาทั้งหมดในร้านและจำในวันแรกให้ได้มากที่สุดกลับมาหอก็มานั่งอ่านและจำอีก และเราแบ่งเวลาทั้งเรียนออนไลนฺ์ย้อนหลังและอ่านชื่อยา
จนเวลาผ่านไปประมาณ1เดือนเราจำได้หมดและสามารถจ่ายยาได้เขาประทับใจมากสามารถขายสินค้าอื่นได้และยอดขายเพิ่มช่วงนี่เขารักเรามากจนกระทั่งเขาซื้อของโน้นนี่ให้เราก็รักเขาเหมือนครอบครัว
แต่พอเริ่มนานๆเข้าหน้าที่ก็เริ่มเพิ่มขึ้นเช็คสต๊อค รับของเข้า จริงๆตรงนี้ก็เป็นธรรมดาที่ต้องทำแต่ในส่วนหนึ่งที่เราเริ่มไม่โอเคคือเขาขอให้ช่วยทำงานบ้านเวลาที่แม่บ้านไม่อยู่หรือหยุด จริงๆตรงนี้ก็เริ่มไม่โอเคแล้วยังมีอีกคือให้ไปนอนที่ร้านทั้งที่เราไม่โอเค(เจ้าของเป็นผู้หญิงนะคะวัยกลางคน)แกไม่มีใคร หน้าที่ที่ต้องทำในวันที่ไปนอนก็คือตื่นตี5ทำทุกอย่างแทนแม่บ้านและต้องเข้าร้านเพื่อทำงานในร้านต่อ ตอนเย็นก็ทำงานบ้านให้เขา
ทั้งหมดนี้เขาใช้คำว่า"ช่วยพี่หน่อยนะ"แรกเราไม่คิดอะไรแต่นานไปก็มีเพิ่มขึ้น ช่วงนั้นโควิดแรกๆ เขาบอกจะจองวัคซีนให้เราก็ดีใจ แต่เป็นซิโนแวค ทุกคน(พี่ในร้าน1 แม่บ้าน1)พร้อมใจกันลงชื่อไปฉีดแต่พอถึงเวลาจริงๆเขายกเลิกกันหมดแล้วบอกกับเราว่า(สมมติเราชื่อบีนะคะ)บีไม่ต้องยกเลิกนะเป็นเด็กคงไม่เป็นไรไปฉีดเลยพี่จะได้รู้ด้วยว่าจะมีอาการไรไหม ในใจเราคืออ่าวแล้วถ้าเป็นไรล่ะเขารับผิดชอบชีวิตเรายังไง ช่วงนั้นเป็นวัคซีนล๊อตแรกที่ยังไม่ค่อยมีใครกล้าฉีด แต่หลังจากนั้นเรากลับมาเรามีอาการไม่ค่อยสบายค่ะ แต่เขาไม่ให้หยุดงานนะเขาให้มาทำต่อ เราก้ต้องฝืน พอผ่านไปปะมานอีก3เดือนครบรอบฉีดอีกเข็มก็ยังเป็นซิโนแวคเราก็ไม่มีอะไรค่ะแต่พอบูสเข็ม3เปนแอสตร้าเราไม่ไหวจริงค่ะ วันนั้นเป็นวันที่เขาขอให้ไปนอนที่ร้านเป็นเพื่อนเพราะแม่บ้านไม่อยู่
คืนนั้นเราเหมือนจะตายจริงๆยกแขนไม่ขึ้น จะอวก หน้ามืด นอนไม่ได้เลย ปวดหัวเหมือนจะแตก
มันทรมานมากเราโทรหาเขา เขามาดูแลเรานะ ดูแลดีเหมือนกันดีจนมีคนอื่นเริ่มอิจฉาคือพี่ในร้านที่ไม่ได้คิดไปเองเพราะพี่นร(ในร้าน)คุยเรื่องเรากับแม่บ้าน แล้วแม่บ้านมาบอกเราตอนเช้าพี่เจ้าของร้านฝากแม่บ้านมาดูเราแต่ มบ(แม่บ้าน) มาบ่นเราแทนบอกว่าถ้าจะมานอนแบบนี้กลับไปหอสะ ใครจะมาดูได้ตลอด คนก็มีงานมีการทำต่อ แต่ตอนนั้นเราไม่ไหวจิงๆค่ะจากคืนนั้นยันเที่ยงเรายังลุกไม่ไหวเลย จนแม่ที่อยู่กับเราโทรมาถามเป็นยังไงตอนนั้นเราบอกเราสบายดีเพราะไม่อยากให้คนที่บ้านคิดมากและเรากับพี่ของเราที่อยุ่บ้านว่าเราไม่ไหวแล้วอยากกลับพี่เลยมารับจากนั้นเราหายปกติ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทรมานยังไงก็บอกไม่ถูกนั้นแหละค่ะเราเริ่มคิดว่านี่เป็นสิ่งที่เรารักจริงๆใช่ไหมเรากลับมาทำงานปกติเริมโดนบ่นจาก มบ ทุกวันด้วยเรื่องจุกจิกบางเรื่องเราไม่ได้ทำแต่ก็โดน
จากพี่ในร้านเราก็โดนอาจเป็นเพราะเราเด็กสุดในร้าน ทุกคนมีอะไรจะมาลงที่เราตลอดต้องรองรับอารมณ์จากทุกฝ่าย
รวมถึงพี่เจ้าของด้วยก่อนหน้านี้พี่ในร้านเล่าให้ฟังว่าไม่มีเด็กคนไหนอยู่ได้เกิน5เดือน และเราตอนนี้ประมาณ1ปีแล้ว เวลาที่เราอยากจะออกเขาจะพูดกล่อมจนเราออกไม่ได้ในทุกๆครั้ง บ้างครั้งต้องไปนอนเป็นเดือนเราอยากกลับหอมากเขาไม่ให้กลับอ้างว่ากลัวโควิดทั้งที่หออยู่ใกล้ร้านมากๆ รู้สึกหดหู่ตลอดเวลา
แต่พอนานไปอีกก็มีเหตการณ์อีกพี่ จขร ค่อนข้างเอาแต่ใจมากขึ้นอยากได้ลูกของพี่ในร้าน(ผู้ชาย)มาช่วยงานทุกวันแต่ไม่อยากเสียเงินเขาจะคอยพูดถึงคนนี้ให้เราฟังตลอดเอาง่ายๆอยากให้เราคบกับคนนี้จริงๆเรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้เราเป็นคนมีพ่อแม่นะ เป็นเจ้าของร้านไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตแต่เราปฏิเสธทำให้เขาหงุดหงิดแล้วขึ้นเสียงกับเราแล้วพูดว่าทำตัวแบบนี้มีอะไรจะไม่ช่วยแกก็ไม่ช่วยจริงๆค่ะ เราไม่โอเคมากๆ
เราก็ยังทนอยู่นะคะเพราะออกไม่ได้จริงๆมีเรื่องมากมายค่ะแต่ขอยกตัวอย่างแค่นี้นะคะ
และทั้งหมดนี้ทำให้ตัวเราเองเริ่มไม่เป็นตัวเราเลยค่ะ ไม่อยากทำงาน อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากให้มีลูกค้าเข้า ไม่อยากพูดกับใคร อยากหนีออกจากตรงนี้เร็วๆ มันเหนื่อยมากทั้งที่งานไม่เหนื่อยเลย บางครั้งทอนเงินพลาดทั้งที่ไม่เคยพลาดเราเริ่มทำงานไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิเลย
ไหนจะเรื่องในครอบครัวที่ก็มีปัญหา เรื่องเรียน และตอนเราเด็กก็เจอแต่เรื่องกดดันมากมาย
จนกระทั่งเราไม่ไหวแล้ว และไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับใครได้ เขาทำได้แค่รับรู้แล้วบอกว่าเราไม่ทนงาน นี่เป็นเสียงจากคนในครอบครัว เราเหนื่อยจริงๆ จนเราไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว สุดท้ายสุดที่การที่เราทำร้ายตัวเอง แค่อยากให้รู้สึกว่าเจ็บไม่ได้ถึงตาย
อยากนอนอยู่ตรงนี้เฉยๆไม่อยากทำอะไรแล้วมันไม่ไหวแล้วจริงๆแต่ไม่มีใครเข้าใจตอนนี้จริงๆไม่มีวันหยุดนะคะงานแต่วันนี้เราขอลา1วัน เพราะไม่ไหว จนวันสุดท้ายเราไปทำงานตอนเช้าปกติและตั้งใจจะไปลาออกให้ได้
ก็เหมือนเดิมเขาพูดโน้นนี้จนบีบน้ำตาว่าไม่ออกได้ไหมแต่ตอนนั้นเราเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้เราหมือนจะตีเขาแบบอารมณ์ไปแล้วเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร
เราไม่ฟังอะไรทั้งนั้นและขอกลับหอ
จนเราออกจากตรงนั้นเราก็ยังเป็นแบบนี้คือ จิตใจไม่ไหวแล้ว
เราอยากให้พ้นๆจากตรงนี้ตลอดไม่อยากอยู่แล้วไม่อยากรับผิดชอบอะไรแล้ว
มองอะไรก็อยากจะหยิบมาทำร้ายตัวเองอะไรที่ทำได้ อยากร้องไห้ตลอดเวลาแล้วก้ต้องร้องให้ได้
กลับมาก็โดนซ้ำด้วยการที่โดนพูดไส่ว่าเอ้าไม่ทำงานหรือไง เราบอกเราไม่ไหว ก็บอกว่าไม่ทนงาน เราอยากจะเดินไปให้รถชนให้ได้เลย
สุดท้ายพี่พาไปรพเพราะเราขอให้พาไปเราไม่อยากเป็นแบบนี้ ค่ะ สุดท้ายแล้วหมอขอคุยกับพี่ส่วนตัว และให้ยาลอราซิแปมกับฟลูโอซีนมา
และต้องไปตามนัดตลอดจนปัจจุบันเลยอะค่ะ
หลังจากนั้นเขามาตามเราที่หอแต่ตอนนั้นเราบังเอิญไม่อยู่ เขาอยากเจอตลอดไม่รู้ทำไม
โทรมา ไลน์มา สุดท้ายเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเราให้เราได้เจอแกอีกครั้งตอนไปรพ บังเอิญมากๆทำให้เรารู้สึกเหมือนแค่เห็นแกก็รู้สึกจะร้องไห้ ทั้งที่ไม่ได้อยากร้อง ไม่เข้าใจตัวเองเลย
แต่เรารู้แน่ๆว่าแกต้องเอาไปคุยกันแกเป็นคนรู้จักคนมากมาย บางครั้งชอบมีคนมาจ้องหน้าเราและเราจำได้เป็นลูกค้าประจำที่ร้านที่เราเคยอยู่ มันเหมือนเราไม่เป็นส่วนตัวเลย ประเด็นหลักๆก็คือยังอยากให้เรากลับไปหาไปทำงาน ดูสภาพเราเขาไม่เคยเข้าใจเราเลยด้วยซ้ำ
#แต่ตอนนี้เราดีขึ้นมากแล้วค่ะเลยมาตั้งกระทู้นี้
#อยากขอความคิดว่าเราควรกลับไปไหม จริงๆเขามีบุญคุณกับเราเยอะเหมือนกันค่ะแต่เราก็เกือบตายเหมือนกัน
อยากขอความคิดเห็นจากทุกๆคนจริงๆค่ะ
ทั้งหมดเป็นเรื่องทุกประการค่ะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ
ขอคำปรึกษาค่ะ
กระทู้นี้เป็นกระทู้ขอความคิดเห็นและคำปรึกษา
จขท.อายุ20นะคะเป็นผู้หญิง
1.ทำไมถึงเลือกมาระบายในพันทิป
เพราะครอบครัวไม่สามารถให้คำปรึกษาได้เลย
2.ทำไมครอบครัวถึงให้คำปรึกษาไม่ได้เลย
เพราะเราเป็นหัวหน้าครอบครัว(แต่เราอายุ20ปีเองค่ะ)
ขอเกิ่นก่อนนิดนึงนะคะ
เราทำงานอยู่ที่ๆหนึ่งเป็นที่ทำงานที่แรกตั้งแต่จบค่ะเป็นร้านยาแห่งหนึ่งค่ะ
ก่อนสมัครเราคิดว่าเรารักงานนี้มากๆค่ะเพราะเป็นสิ่งที่เรารักและเรียนจากสายวิท-คณิต
เราเลยทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้อยู่ในร้านยานี้ได้นานที่สุดประมาณ2ปีเราเริ่มไม่โอเคแต่ในระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ที่เรารู้สึกเหมือนทรมานยังไงบอกไม่ถูก
(ขอเล่าตั้งแต่เริ่มเข้านะคะ)
เดือนแรกเราตั้งใจมากที่จะฝึกเราพยายามจดชื่อยาทั้งหมดในร้านและจำในวันแรกให้ได้มากที่สุดกลับมาหอก็มานั่งอ่านและจำอีก และเราแบ่งเวลาทั้งเรียนออนไลนฺ์ย้อนหลังและอ่านชื่อยา
จนเวลาผ่านไปประมาณ1เดือนเราจำได้หมดและสามารถจ่ายยาได้เขาประทับใจมากสามารถขายสินค้าอื่นได้และยอดขายเพิ่มช่วงนี่เขารักเรามากจนกระทั่งเขาซื้อของโน้นนี่ให้เราก็รักเขาเหมือนครอบครัว
แต่พอเริ่มนานๆเข้าหน้าที่ก็เริ่มเพิ่มขึ้นเช็คสต๊อค รับของเข้า จริงๆตรงนี้ก็เป็นธรรมดาที่ต้องทำแต่ในส่วนหนึ่งที่เราเริ่มไม่โอเคคือเขาขอให้ช่วยทำงานบ้านเวลาที่แม่บ้านไม่อยู่หรือหยุด จริงๆตรงนี้ก็เริ่มไม่โอเคแล้วยังมีอีกคือให้ไปนอนที่ร้านทั้งที่เราไม่โอเค(เจ้าของเป็นผู้หญิงนะคะวัยกลางคน)แกไม่มีใคร หน้าที่ที่ต้องทำในวันที่ไปนอนก็คือตื่นตี5ทำทุกอย่างแทนแม่บ้านและต้องเข้าร้านเพื่อทำงานในร้านต่อ ตอนเย็นก็ทำงานบ้านให้เขา
ทั้งหมดนี้เขาใช้คำว่า"ช่วยพี่หน่อยนะ"แรกเราไม่คิดอะไรแต่นานไปก็มีเพิ่มขึ้น ช่วงนั้นโควิดแรกๆ เขาบอกจะจองวัคซีนให้เราก็ดีใจ แต่เป็นซิโนแวค ทุกคน(พี่ในร้าน1 แม่บ้าน1)พร้อมใจกันลงชื่อไปฉีดแต่พอถึงเวลาจริงๆเขายกเลิกกันหมดแล้วบอกกับเราว่า(สมมติเราชื่อบีนะคะ)บีไม่ต้องยกเลิกนะเป็นเด็กคงไม่เป็นไรไปฉีดเลยพี่จะได้รู้ด้วยว่าจะมีอาการไรไหม ในใจเราคืออ่าวแล้วถ้าเป็นไรล่ะเขารับผิดชอบชีวิตเรายังไง ช่วงนั้นเป็นวัคซีนล๊อตแรกที่ยังไม่ค่อยมีใครกล้าฉีด แต่หลังจากนั้นเรากลับมาเรามีอาการไม่ค่อยสบายค่ะ แต่เขาไม่ให้หยุดงานนะเขาให้มาทำต่อ เราก้ต้องฝืน พอผ่านไปปะมานอีก3เดือนครบรอบฉีดอีกเข็มก็ยังเป็นซิโนแวคเราก็ไม่มีอะไรค่ะแต่พอบูสเข็ม3เปนแอสตร้าเราไม่ไหวจริงค่ะ วันนั้นเป็นวันที่เขาขอให้ไปนอนที่ร้านเป็นเพื่อนเพราะแม่บ้านไม่อยู่
คืนนั้นเราเหมือนจะตายจริงๆยกแขนไม่ขึ้น จะอวก หน้ามืด นอนไม่ได้เลย ปวดหัวเหมือนจะแตก
มันทรมานมากเราโทรหาเขา เขามาดูแลเรานะ ดูแลดีเหมือนกันดีจนมีคนอื่นเริ่มอิจฉาคือพี่ในร้านที่ไม่ได้คิดไปเองเพราะพี่นร(ในร้าน)คุยเรื่องเรากับแม่บ้าน แล้วแม่บ้านมาบอกเราตอนเช้าพี่เจ้าของร้านฝากแม่บ้านมาดูเราแต่ มบ(แม่บ้าน) มาบ่นเราแทนบอกว่าถ้าจะมานอนแบบนี้กลับไปหอสะ ใครจะมาดูได้ตลอด คนก็มีงานมีการทำต่อ แต่ตอนนั้นเราไม่ไหวจิงๆค่ะจากคืนนั้นยันเที่ยงเรายังลุกไม่ไหวเลย จนแม่ที่อยู่กับเราโทรมาถามเป็นยังไงตอนนั้นเราบอกเราสบายดีเพราะไม่อยากให้คนที่บ้านคิดมากและเรากับพี่ของเราที่อยุ่บ้านว่าเราไม่ไหวแล้วอยากกลับพี่เลยมารับจากนั้นเราหายปกติ และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการทรมานยังไงก็บอกไม่ถูกนั้นแหละค่ะเราเริ่มคิดว่านี่เป็นสิ่งที่เรารักจริงๆใช่ไหมเรากลับมาทำงานปกติเริมโดนบ่นจาก มบ ทุกวันด้วยเรื่องจุกจิกบางเรื่องเราไม่ได้ทำแต่ก็โดน
จากพี่ในร้านเราก็โดนอาจเป็นเพราะเราเด็กสุดในร้าน ทุกคนมีอะไรจะมาลงที่เราตลอดต้องรองรับอารมณ์จากทุกฝ่าย
รวมถึงพี่เจ้าของด้วยก่อนหน้านี้พี่ในร้านเล่าให้ฟังว่าไม่มีเด็กคนไหนอยู่ได้เกิน5เดือน และเราตอนนี้ประมาณ1ปีแล้ว เวลาที่เราอยากจะออกเขาจะพูดกล่อมจนเราออกไม่ได้ในทุกๆครั้ง บ้างครั้งต้องไปนอนเป็นเดือนเราอยากกลับหอมากเขาไม่ให้กลับอ้างว่ากลัวโควิดทั้งที่หออยู่ใกล้ร้านมากๆ รู้สึกหดหู่ตลอดเวลา
แต่พอนานไปอีกก็มีเหตการณ์อีกพี่ จขร ค่อนข้างเอาแต่ใจมากขึ้นอยากได้ลูกของพี่ในร้าน(ผู้ชาย)มาช่วยงานทุกวันแต่ไม่อยากเสียเงินเขาจะคอยพูดถึงคนนี้ให้เราฟังตลอดเอาง่ายๆอยากให้เราคบกับคนนี้จริงๆเรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้เราเป็นคนมีพ่อแม่นะ เป็นเจ้าของร้านไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตแต่เราปฏิเสธทำให้เขาหงุดหงิดแล้วขึ้นเสียงกับเราแล้วพูดว่าทำตัวแบบนี้มีอะไรจะไม่ช่วยแกก็ไม่ช่วยจริงๆค่ะ เราไม่โอเคมากๆ
เราก็ยังทนอยู่นะคะเพราะออกไม่ได้จริงๆมีเรื่องมากมายค่ะแต่ขอยกตัวอย่างแค่นี้นะคะ
และทั้งหมดนี้ทำให้ตัวเราเองเริ่มไม่เป็นตัวเราเลยค่ะ ไม่อยากทำงาน อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากให้มีลูกค้าเข้า ไม่อยากพูดกับใคร อยากหนีออกจากตรงนี้เร็วๆ มันเหนื่อยมากทั้งที่งานไม่เหนื่อยเลย บางครั้งทอนเงินพลาดทั้งที่ไม่เคยพลาดเราเริ่มทำงานไม่ได้เพราะไม่มีสมาธิเลย
ไหนจะเรื่องในครอบครัวที่ก็มีปัญหา เรื่องเรียน และตอนเราเด็กก็เจอแต่เรื่องกดดันมากมาย
จนกระทั่งเราไม่ไหวแล้ว และไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับใครได้ เขาทำได้แค่รับรู้แล้วบอกว่าเราไม่ทนงาน นี่เป็นเสียงจากคนในครอบครัว เราเหนื่อยจริงๆ จนเราไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว สุดท้ายสุดที่การที่เราทำร้ายตัวเอง แค่อยากให้รู้สึกว่าเจ็บไม่ได้ถึงตาย
อยากนอนอยู่ตรงนี้เฉยๆไม่อยากทำอะไรแล้วมันไม่ไหวแล้วจริงๆแต่ไม่มีใครเข้าใจตอนนี้จริงๆไม่มีวันหยุดนะคะงานแต่วันนี้เราขอลา1วัน เพราะไม่ไหว จนวันสุดท้ายเราไปทำงานตอนเช้าปกติและตั้งใจจะไปลาออกให้ได้
ก็เหมือนเดิมเขาพูดโน้นนี้จนบีบน้ำตาว่าไม่ออกได้ไหมแต่ตอนนั้นเราเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้เราหมือนจะตีเขาแบบอารมณ์ไปแล้วเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร
เราไม่ฟังอะไรทั้งนั้นและขอกลับหอ
จนเราออกจากตรงนั้นเราก็ยังเป็นแบบนี้คือ จิตใจไม่ไหวแล้ว
เราอยากให้พ้นๆจากตรงนี้ตลอดไม่อยากอยู่แล้วไม่อยากรับผิดชอบอะไรแล้ว
มองอะไรก็อยากจะหยิบมาทำร้ายตัวเองอะไรที่ทำได้ อยากร้องไห้ตลอดเวลาแล้วก้ต้องร้องให้ได้
กลับมาก็โดนซ้ำด้วยการที่โดนพูดไส่ว่าเอ้าไม่ทำงานหรือไง เราบอกเราไม่ไหว ก็บอกว่าไม่ทนงาน เราอยากจะเดินไปให้รถชนให้ได้เลย
สุดท้ายพี่พาไปรพเพราะเราขอให้พาไปเราไม่อยากเป็นแบบนี้ ค่ะ สุดท้ายแล้วหมอขอคุยกับพี่ส่วนตัว และให้ยาลอราซิแปมกับฟลูโอซีนมา
และต้องไปตามนัดตลอดจนปัจจุบันเลยอะค่ะ
หลังจากนั้นเขามาตามเราที่หอแต่ตอนนั้นเราบังเอิญไม่อยู่ เขาอยากเจอตลอดไม่รู้ทำไม
โทรมา ไลน์มา สุดท้ายเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเราให้เราได้เจอแกอีกครั้งตอนไปรพ บังเอิญมากๆทำให้เรารู้สึกเหมือนแค่เห็นแกก็รู้สึกจะร้องไห้ ทั้งที่ไม่ได้อยากร้อง ไม่เข้าใจตัวเองเลย
แต่เรารู้แน่ๆว่าแกต้องเอาไปคุยกันแกเป็นคนรู้จักคนมากมาย บางครั้งชอบมีคนมาจ้องหน้าเราและเราจำได้เป็นลูกค้าประจำที่ร้านที่เราเคยอยู่ มันเหมือนเราไม่เป็นส่วนตัวเลย ประเด็นหลักๆก็คือยังอยากให้เรากลับไปหาไปทำงาน ดูสภาพเราเขาไม่เคยเข้าใจเราเลยด้วยซ้ำ
#แต่ตอนนี้เราดีขึ้นมากแล้วค่ะเลยมาตั้งกระทู้นี้
#อยากขอความคิดว่าเราควรกลับไปไหม จริงๆเขามีบุญคุณกับเราเยอะเหมือนกันค่ะแต่เราก็เกือบตายเหมือนกัน
อยากขอความคิดเห็นจากทุกๆคนจริงๆค่ะ
ทั้งหมดเป็นเรื่องทุกประการค่ะ
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ