รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 54 ถามตรง ๆ

รับคำท้าฯ
ตอนที่ 54
 
                ปัถยามองหน้าหนุ่มหวานอย่างช่างใจ  เธอควรบอกสาเหตุการแต่งงานของพ่อกับแม่ของเขาตรง ๆ หรือไม่  เขาจำเป็นที่จะต้องรู้รึเปล่า?  แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วคงจะปิดเขาไว้ไม่ได้อีกแล้ว

                “พ่อพยายามจีบแม่ของเธอ แม้จะรู้ว่า มีเขามีแฟนแล้ว  แต่ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่ก็เปลี่ยนใจแม่ของเธอไม่ได้ เพราะแม่เธอกับพ่อหนูปริมรักกันมาก จนถึงวันที่ทั้งคู่ประกาศจะแต่งงานกัน  ก่อนถึงวันแต่งงาน พ่อเธอจึงนัดแม่เธอมาคุยเพื่อที่จะเคลียร์ปัญหาที่ยังค้างคาใจต่อกัน  แม่เธอยอมไปคุย  แต่พ่อของเธอวางยานอนหลับ แล้วพาแม่เธอกลับห้องพัก  เพราะคิดว่า  การได้ตัวแม่เธอมา จะไม่มีใครแย่งแม่ของเธอไปจากเขาได้อีก  แม่ของเธอเสียใจมาก  แต่ก็ไม่ยอมแต่งกับพ่อของเธอ  แต่สุดท้ายก็ยอมแต่งงาน เพราะตั้งท้อง” 

                หนุ่มนักดนตรีนิ่งอึ้งไปนานมาก  ไม่อยากเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย  พ่อของเขาแย่งแม่มาด้วยวิธีนี้หรือ? เป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นลูกผู้ชายเลย สมองที่รับรู้เรื่องราวชาดิกไปหมด   
 
                “แม่ของเธอ ไม่มีพ่อตั้งแต่เด็ก  ตั้งใจว่า ถ้ามีลูก ต้องเป็นครอบครัวที่มีทั้งพ่อทั้งแม่อยู่ด้วยกัน  นี่เป็นเหตุผลที่แม่ของเธอยอมแต่งงาน  เพราะรักเธอนะ”

                “ผม...ไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อกับแม่....”  เขาอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ ที่ไม่เกิดมาจากความรักของทั้งคู่ แต่กลับเกิดมาเพื่อทำลายความรักของคนอีกคู่หนึ่ง

                ปัถยาเอื้อมมือไปบีบมือของพ่อหนุ่มน้อยเอาไว้ มือนั้นเย็นเฉียบ มองหน้าคนฟังที่เหมือนไร้ความรู้สึก

                “ถึงเธอจะไม่ได้เกิดจากความรักของพ่อกับแม่  แต่พ่อกับแม่ก็รักเธอมาก เธอรู้ใช่มั้ย? แม่ยอมเสี่ยงชีวิต เก็บเธอเอาไว้ ไม่ยอมให้หมอเอาออก  ตอนเธอคลอด  แม่เกือบเอาชีวิตไม่รอด  พ่อเธอทำทุกวิถีทางที่จะรักษาชีวิตของแม่และลูก  เขาหมดเงินไปจำนวนมาก และยังเป็นหนี้เป็นสินจนถึงทุกวันนี้  ผอ.รพ. ได้บอกว่า ถ้าเธอยอมแต่งงานกับลูกสาวของเขา  จะยกหนี้สินให้ทั้งหมด”

                หนุ่มผมยาวเพิ่งเข้าใจเหตุผลที่พ่อเชียร์เขากับคุณปักษาเหลือเกิน เพราะมีที่มาที่ไปแบบนี้นี่เอง

                “แม่ของเธอทุ่มเทความรักทั้งหมดที่มีให้กับเธอคนเดียว  พ่อกับแม่เลี้ยงดูเธอมาอย่างมีความสุข  ส่วนพ่อของหนูปริมได้ไปเจอแม่ของหนูปริมซึ่งเป็นสาวชาวสวนที่ต่างจังหวัดและแต่งงานกัน  วันหนึ่งแม่ของเธอไปดูงานที่ต่างประเทศแล้วไปเจอพ่อของหนูปริมเข้าโดยบังเอิญ มีฝรั่งจะเข้าไปลวนลาม  พ่อของหนูปริมนั่งดื่มเหล้าอยู่กับเพื่อน  เลยเข้าไปช่วยไว้แล้วไปส่งแม่ของเธอที่ห้องพัก  วันนั้นฝนตกหนักทั้งคู่เลยอยู่ด้วยกันคุยกันยาว ในใจลึก ๆ ต่างยังรักกันอยู่  เลยเผลอใจมีอะไรกัน  แม่เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อเธอ จนตั้งท้อง  พอพ่อเธอรู้เรื่อง  เขาโกรธมาก  แต่ตอนหลังก็ทำใจได้ เพราะรู้สึกผิดที่แย่งแม่ของเธอมาจากคนรักตั้งแต่แรก  และรู้ดีว่า แม่ของเธอไม่เคยรักเขาเลย  แม้จะอยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี  จึงยอมปล่อยแม่เธอไปอยู่กับคนที่รัก มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำให้แม่ของเธอได้ ส่วนแม่ของหนูปริมพอรู้เรื่องจึงขอหย่าแล้วพาลูก ๆ กลับไปอยู่ต่างจังหวัดที่บ้านสวน  เรื่องก็เป็นแบบนี้”  ปัถยาตบมือของพ่อหนุ่มน้อยอย่างให้กำลังใจ

                “เธอรู้มั้ย?  ตอนที่พ่อของเธอจะแต่งงานกับแม่ ทางบ้านไม่เห็นด้วยเลย  ถ้าจะแต่งจะถูกตัดออกจากกองมรดก  แต่พ่อของเธอไม่สนใจ  ดื้อจะแต่งงานกับแม่ของเธอให้ได้  เลือดพ่อในตัวเธอแรงมาก  เธอตามจีบหนูปริมอย่างไม่ยอมแพ้  เธอเหมือนพ่อของเธอมาก รู้มั้ย...?” ปัถยาพยายามพูดเพื่อคลี่คลายบรรยากาศที่รู้สึกตึงเครียดมาตลอด

                เวลานี้เขารู้สึกขำไม่ออกเลย  สมองสับสนมึนงงไปหมด
               
                ******************* 
 
                ปฏิการนอนก่ายหน้าผากคิดวกวนอยู่กับเรื่องราวความรักของพ่อกับแม่ของเขา ที่ปัถยาเล่ายอมเล่าให้ฟังทั้งหมด  เขาควรทำอย่างไรต่อไปดี  แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองภาพล็อกหน้าจอเป็นรูปของปริมากำลังยิ้ม รอยยิ้มของเธอสดใสมาก ทำให้เขามีกำลังใจขึ้นมาทุกครั้งไม่ว่าจะพบเจอปัญหาหนักหนาแค่ไหน  เพราะรู้ว่า เธอเป็นเป้าหมายอยู่ที่ปลายทาง  แต่ตอนนี้ปลายทางที่ต้องไปให้ถึงนั้น  รู้สึกเหมือนห่างไกลออกไปอีก  แล้วกดโทรไลน์ไปหาเจ้าของรอยยิ้มที่เขาแสนคิดถึง

                “ทำอะไรอยู่เหรอ...”  หนุ่มผมยาวพยายามบังคับน้ำเสียงที่ไม่ค่อยปกติให้เป็นปกติ

                “คีย์ออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งของเข้ามาอยู่จ้ะ”  อีกฝ่ายตอบ พลางวางโทรศัพท์ไปบนโต๊ะ แล้วเปิดลำโพงไว้

                “ยุ่งอยู่เหรอ...”  เขามองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ ขณะนั้นบอกเวลาสามทุ่มแล้ว

                “มีอะไรรึเปล่า...?”  เธอรู้สึกว่า น้ำเสียงของเขาไม่แจ่มใสเหมือนเคยเลย ฟังดูเศร้าอยู่ลึก ๆ  แล้วละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มามองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง

                หนุ่มหน้าหวานเกร็งมือจับโทรศัพท์แน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว  เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอดี กับความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นบนเส้นทางความรักของเขาและเธอ จึงได้แต่นิ่งเงียบไป 

                ปริมารู้สึกแปลกใจที่คนโทรมาเงียบไปอย่างผิดปกติ ทุกทีเขาจะเป็นฝ่ายพูดจ้อเลย จนเธอฟังแทบไม่ทัน

                “มีเรื่องอะไรเหรอ...?”  เธอรู้สึกได้ว่า เขามีเรื่องอะไรอยู่ในใจแม้จะเงียบไม่ได้พูดออกมาก็ตาม

                “บ่นให้ฉันฟัง...ได้นะ...”

                ทันทีที่เธอถามถึงด้วยความห่วงใยนั้น น้ำตาก็รื้นขึ้นมาคลออยู่ที่ดวงตาของเขาทันที หนุ่มหน้าหวานรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างไป  ยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดปากเอาไว้ กลัวว่าเธอจะได้ยินเสียงที่อาจจะไม่ปกติ เขาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ ก่อนจะพยายามตอบไปด้วยน้ำเสียงสดใสขึ้นกว่าเดิม

                “เปล่า...กิน...ข้าวหรือยังครับ”  น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย

                “เป็นอะไร...ตอบมาก่อน...”  เธอยังถามต่อไปอย่างเป็นห่วง

                หนุ่มนักดนตรีเงยหน้าขึ้นมองเพดานให้น้ำตาเหือดแห้งไหลกลับเข้าไปข้างใน

                “เป็น...หวัด...นิดหน่อย” เขาตอบไปอย่างตะกุกตะกัก

                “กินข้าวหรือยังครับ”

                ปริมารีบหันไปมองแก้วน้ำปั่นผักที่หมดไปครึ่งแก้วแล้ว  มองจานข้าวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ นั้นก็แหว่งไปไม่ถึงครึ่งจาน  แล้วรีบดื่มน้ำปั่นผักให้หมด

                “กิน..กินแล้วจ้ะ...”  เธอตอบไปอย่างอ้อมแอ้มราวกับกำลังโดนคุณครูถามว่า การบ้านว่าทำเสร็จแล้วรึยังกระนั้น

                “กินข้าวกับอะไรเหรอ...ไหน...ถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยสิ”

                “กินแล้วไง จะถ่ายให้ดูได้ไง”  เธอพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะต้องถ่ายรูปให้เขาดู  มองจานข้าวตัวเองแล้ว  ถ่ายให้เขาดูไม่ได้เด็ดขาด

                “ฉันสัญญากับนายแล้วว่าจะกินข้าวสามเวลา ฉันก็ทำแล้วไง”

                “ต่อไป...ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยนะ ว่าทานข้าวกับอะไร กินหมดหรือเปล่า” เขารู้สึกว่า เธอตอบไม่เต็มเสียง  ต้องกำลังกินอยู่ หรือกินน้อยมากแน่ ๆ

                “มากไปแล้วมั้ง”  อีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิดแม้จะรู้ว่า เขาเป็นห่วง  เธอเองก็พยายามทำอยู่แล้ว  จะเอาอะไรกับเธอนักหนา

                “ถ่ายมานะ”

                “ไม่ถ่าย!”  เธอตอบเสียงแข็ง

                “นายจะเป็นพ่อฉันรึไง”

                ‘ฉันอยากเป็นพ่อเธอที่ไหนเล่า....ฉันอยากเป็นแฟนเธอต่างหาก ยัยตัวแสบเอ๊ย!!’  เขาพูดต่อในใจ  ไม่กล้าพูดออกไป เพราะที่ผ่านมาพูดทีไรเธอจะอารมณ์เสีย แล้วยกสัญญาขึ้นมาอ้างทุกที  เขาคงต้องยอมตัดผมเสียแล้ว เพื่อให้เธอหมดข้ออ้าง  ดูซิ! ทีนี้จะว่าไง ต้องยอมรับเขาเป็นแฟนแล้วล่ะ   แต่ทว่าก็อดสับสนไม่ได้  หรือเพราะว่า  เขาไม่สามารถทำให้เธอชอบเขาได้จริง ๆ  เขาไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของเธอมาก่อนเลย  เธอรู้สึกอย่างไรกับเขา  เธอแคร์กันบ้างไหม...?  เขามีความหมายในสายตาของเธอบ้างรึเปล่า?  หรือมีแต่เขา...ที่คิดไปเองอยู่ฝ่ายเดียว...

                “ถ้า...ฉันทำให้เธอรำคาญ ยุ่งกับเธอมากเกินไป...ฉันขอโทษด้วยนะ ต่อไปจะไม่ทำให้เธอต้องรำคาญใจอีก”  พูดจบเขากดวางสายทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรอีกเลย

                ปริมามองหน้าจอโทรศัพท์อย่างงุนงง  เขาไม่เคยวางสายไปดื้อ ๆ แบบนี้เลย อดคิดไม่ได้ว่า พูดแค่นี้เอง ทำไมต้องน้อยใจด้วย  ที่ผ่านมาเธอพูดแรงกว่านี้อีก  เขาก็ยังต่อปากต่อคำกับเธอตลอด เคยยอมเธอที่ไหนกัน  สายตาหันไปมองจานข้าวตัวเอง  แล้วถ่ายรูปไว้  ลังเลอยู่นานว่าจะกดส่งรูปให้เขาหรือไม่ส่งดี  ได้แต่นั่งมองโทรศัพท์ในมือ แต่ก็ไม่ยอมกดส่ง 

                บนหน้าจอโทรศัพท์มีไลน์ของลูกค้าทักมา แจ้งว่า ของที่สั่งไปยังไม่ได้รับเลย สามวันเข้าไปแล้ว  เธอรีบตอบกลับไปว่า จะรีบตามให้ พอตรวจสอบแล้วพบว่า เธอใส่ที่อยู่ผิด เพราะชื่อเหมือนกัน ส่งไปผิดที่ผิดคน เธออยากจะบ้าตาย แต่โชคดีที่ลูกค้าที่ได้รับของบอกขนส่งว่า ไม่ได้สั่ง ของจึงกำลังถูกตีกลับมา เธอรีบติดต่อศูนย์ของขนส่ง ขอเปลี่ยนชื่อที่อยู่และเบอร์โทรของลูกค้าใหม่

                สาวบัญชีถอนหายใจออกเบา ๆ เมื่อเคลียร์ปัญหาจบไปเรื่องหนึ่งแล้ว  เธอกดปิดงานบนหน้าจอคอมพิวเตอร์จนหมด บนหน้าจอปรากฏรูปหนุ่มจอมกวนกำลังยิ้มหวานสดใสมาก  เธอรีบยกจานข้าวมาวางตรงหน้า ก้มหน้าก้มตากินข้าว  มืออยากจะกดมือถือขึ้นมาดูว่าลูกค้าตอบว่าอะไร  แต่ก็ตัดใจไม่กดดู  เพราะเสียงของหนุ่มผมยาวลอยมา

                “ขอร้อง เวลากินข้าว อย่าไปทำงานไปด้วย  มันทำให้เกิดความเครียด น้ำย่อยออกมาไม่ดีรู้มั้ย?  เวลาทานข้าวให้ทานสบาย ๆ อย่าเคร่งเครียด อย่าเร่งรีบ เข้าใจรึเปล่า?  รู้หมดแต่ไม่ทำ”  

                เธอรู้ดีว่า เวลาที่ต้องใช้สมอง หรือมีความเครียด เลือดจะไปเลี้ยงสมองมากกว่ากระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยไม่ดีไปด้วย  แต่ก็ยังอดไม่ได้ทำงานไปด้วย กินข้าวไปด้วยทุกที  หลาย ๆ คนที่เป็นโรคกรดไหลย้อนเรื้อรังไม่หายอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้  กระเพาะเป็นสิ่งที่เราต้องดูแลให้ดีรองต่อจากหัวใจเลยทีเดียว เพราะถ้ากระเพาะไม่ดี ระบบย่อยอาหารไม่ดีแล้ว  ทุกระบบในร่างกายจะรวนไปหมด

                 พอทานข้าวหมดจานแล้ว  เงยหน้าสบตากับชายหนุ่มบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

                “กินข้าวหมดแล้วนะ  เกลี้ยงจานเลย เห็นรึเปล่า?”  เธอยกจานให้หนุ่มบนหน้าจอดู  ก่อนจะวางจานข้าวลง  ยกนิ้วก้อยไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

                “ดีกันนะ  นายไม่โกรธฉันใช่รึเปล่า?”  สายตาก้มลงมองโทรศัพท์ของตัวเอง  เขาไม่ยอมโทรกลับมาอีกเลย  มองดูไลน์ก็ไม่เห็นส่งข้อความอะไรกลับมา  หรือว่า งอนนอนไปแล้ว  ปกติก่อนนอนเขาต้องส่งคำว่า ฝันดีมาให้ทุกคืน  นี่เงียบไปเลย
 
                **********************
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่