.
ชีวิตสมัยเด็ก ๆ คุณสนุกมากแค่ไหน มาลองย้อนกลับไปมองกันเล่น ๆ ดีกว่า ปัจจุบันโลกของเราในขณะนี้วุ่นวายไปด้วยเรื่องต่าง ๆ นานา โรคระบาดบ้าง และ ในตอนนี้ยังมีกระแสข่าวเรื่องสงครามของต่างประเทศอีก วุ่นวายกันไปหมด
ชีวิตปัจจุบันมันเร่งรีบวุ่นวาย หากมีเวลาลองมานั่งหวนคืนคิดถึงวันวานสมัยยังเล็ก ๆ เล่น ๆ กันไหม มันมีความสุขกว่าตอนนี้แค่ไหน เราทำอะไรบ้าง ถึงตอนนั้นจะร้องไห้ก็ตาม มันคงไม่เหมือนชีวิตตอนโตใช่ไหม
ไม่ได้ให้จมปลักอยู่กับอดีต แต่! มันเป็นการย้อนวัย ย้อนเวลาเล่น ๆ เพลิน ๆ มีความสุขไปกับวันวานในตอนนั้นเพียงเท่านั้น จริงอยู่คนเราต้องอยู่กับปัจจุบันถึงจะถูก มีความสุขกับปัจจุบันถึงจะถูกต้อง มองอดีตให้เป็นบทเรียน มองอนาคตให้เป็นเป้าหมาย แต่การย้อนมองอดีตวัยเด็กก็มีความสุขยิ้มได้เหมือนกัน…
เรื่องมีอยู่ว่า…
เช้าวันหยุดของเดือนมีนาคม อีกไม่กี่วันก็จะปิดเทอมสองแล้ว แค่คิดก็มีความสุข วันก่อนยายพาพวกเธอหกคนพี่น้องไปงานกาชาดประจำปีในตัวเมือง ได้ของเล่นติดไม้ติดมือมาคนละอัน และ ได้เล่นเครื่องเล่นคนละอย่าง
เธอขอยายซื้อเกมมาเล่น พี่บอมได้เครื่องเล่นเพลงขนาดเล็ก พี่บอลได้ปืนกลของเล่น พี่สาวสองคนได้รองเท้าคนละคู่ ส่วนน้องบีมก็ได้เกมเหมือนกับเธอ งานกาชาดก็จะมีไปถึงวันที่สิบนู่น แต่พวกเธอได้ไปกันแค่วันเดียวเท่านั้น ปีละวัน! อยากไปอีกยายก็ไม่ยอมพาไป และ พวกเธอก็ไม่งอแงไปด้วย ปีละวันก็พอใจและมีความสุข
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ บอสไม่อยากอยู่บ้านอีกตามเคย สาย ๆ จึงชวนน้องบีมไปเล่นกับพิมพ์และแพรว ทว่าน้องบีมไม่ยอมตามไปด้วย บอสก็ไม่บังคับ บอกกับน้องสาวว่า ถ้าอยากไปตาม ไปได้ที่บ้านสองฝาแฝดนั่นแหละ ถ้าไม่เจอคืออยู่บ้านของย่า
บอสเดินมาถึงบ้านของพี่สาวฝาแฝด ถอดรองเท้าเดินเข้าไปหาในบ้านอย่างคุ้นเคย นำเกมติดมือมาเล่นด้วย พวกเธอนัดกันซื้อเกม รวมทั้งจ๋อมด้วยอีกคน พวกเธอนัดกันซื้อเกมมาเล่นด้วยกันที่โรงเรียน
สองพี่น้องฝาแฝดนอนดูรายการวันหยุดกันอยู่ พิมพ์หันหน้ามามองเธอเงียบ ๆ จากนั้นก็หันกลับไปเช่นเดิม “น้องบีมไปไส?” แพรวถาม มองเธอผ่านกระจกตู้ตั้งโทรทัศน์
“อยู่เฮือน” บอสตอบพร้อมนั่งลงข้าง ๆ แพรว ทว่าบอสไม่ได้สนใจรายการโทรทัศน์เลย หยิบเกมมาเล่นไปพลาง ๆ หรี่เสียงลงให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการดูโทรทัศน์ของพี่ ๆ
“บอสมืงเล่นเกมหยัง?!” พิมพ์ผินหน้ามาถาม นึกสนใจอยากเล่นเกมเหมือนเธอ ลุกเดินไปหยิบเกมของตนเองที่วางไว้กับตู้ตั้งโทรทัศน์มาเล่นด้วยคน
“เล่นเกมรถแข่ง” บอสตอบ
“กุเล่นเกมเตะตะกร้อ มวนเด๊มืง” แพรวตอบ
“กุเล่นเกมหนอน” พิมพ์ตอบ
ตอนนี้พวกเธอเลิกสนใจรายการโทรทัศน์กันแล้ว นั่งเล่นเกมด้วยกัน แต่ก็เปิดโทรทัศน์เอาไว้เพื่อฟังเสียง เปิดพัดลมเพดานไล่ยุง หน้าร้อนแบบนี้ยุงลายชุมนัก ลุงวิทย์กับป้าแพงก็ไม่บ่นที่พวกเธอเปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้โดยไม่สนใจดู
พวกเธอเล่นเกมแข่งกันว่าใครจะทำคะแนนได้มากที่สุด เล่นเกมเดียวกันคือเกมหนอน เล่นคนละเครื่องของใครของมัน เกมของเธอสีส้ม ของพิมพ์สีเขียวอ่อน ของแพรวสีเหลือง ของจ๋อมสีฟ้า วันหยุดแบบนี้จ๋อมไม่ค่อยได้มาเล่นด้วย พวกเธอเองก็ไม่ค่อยได้ไปเล่นด้วยเช่นกัน
ระหว่างนั่งเล่นเกมพวกเธอก็พากย์เกมไปด้วย ใส่อารมณ์เข้าไปในการเล่นเกม คนที่อารมณ์ร้อนที่สุดเห็นจะเป็นพิมพ์ เล่นจริงจังมาก ตายแล้วตายอีก เริ่มใหม่แล้วเริ่มใหม่อีก สะสมคะแนนใหม่อีก ทว่าก็เป็นไปในแนวตลกขบขัน เธอกับแพรวหัวเราะพิมพ์กันใหญ่
“มืงกะเล่นใจเย็น ๆ แนพิมพ์! อี่หนิใช่ตะอารมณ์เล่น จังว่ามันตายเร็วล่ะ” บอสแซวพี่สาว ปรายตามองพิมพ์แว่บเดียว ก่อนจะกลับมาสนใจเกมของตนเองต่อไป
“ของสูได้จักแต้มแล้ว กูได้หมื่นแล้วเด้อ ฮ่า!” แพรวถาม อวดคะแนนไปในตัว เกมงูของแพรวเลื้อยเก็บแต้มได้ยาวเฟื้อย พองูหางยาวก็ต้องเล่นอย่างระมัดระวัง นอกจากจะคอยระวังไม่ให้ชนสิ่งกีดขวางแล้ว ยังต้องระวังชนหางของงูด้วย ไม่อย่างนั้นก็จบเกมแล้วเริ่มต้นใหม่
“ป้าด… แพรวคือได้แต้มหลายแถะ ของกูตำหางจะของเสย ได้เริ่มต้นใหม่เลย ห่าขั้ว!” บอสพูดปนหัวเราะ เห็นเป็นเรื่องตลก แซวตนเองไปด้วย รู้สึกเซ็งมากอุตส่าห์สะสมแต้มมาเกือบถึงหมื่นแล้ว ดันชนหางตนเองซะอย่างนั้น ต้องเริ่มเก็บใหม่อีกรอบ
“อี่พิมพ์ตายแล้วตายอีกอยู่” แพรวแซวน้องสาวฝาแฝดของตน
“กุหน่าย! ดึกเกมถิ่มซะบ้อ! กดกะบ่อไป” พิมพ์ใส่อารมณ์มาก เพราะเล่มตายบ่อย พวกเธอสองคนหัวเราะพิมพ์กันใหญ่ “เอ้อบอสมืงไปงานกาชาดจักมื้อแล้ว” พิมพ์ถามขณะยังก้มหน้าเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไปมื้อเดียวนึง ยายกูให้ไปมื้อเดียว” บอสเงยหน้าตอบ อยากไปอีกวันแต่ไม่กล้าขอยาย เพราะถึงขอยายก็ไม่พาไปอยู่ดี ระหว่างนั้นบอสก็คิดถึงแม่แว่บหนึ่ง ถ้าแม่อยู่คงได้ไปหลายวัน และ ได้ของเล่นเยอะกว่านี้ จากนั้นก็เล่นเกมต่อ
“ไปนำกูบ่อพ่อกูจะพาไปอีก” แพรวชวน
“มื้อใด?!” บอสถามอย่างสนใจ ทราบดีว่าหากไปกับลุงวิทย์ยายอนุญาตเสมอ แววตามีประกายแห่งความหวังและความสุข
“มื้อสุดท้าย พ่อกูว่าไปเบิ่งไหมไทย”
“ไป! เอ้อแพรว… ให้อ้ายกับเอื้อยกูไปนำเด้อ เทือเราอยากไป” บอสหมายถึงพี่ ๆ ทั้งสี่คน แพรวยักคิ้วให้เป็นการตกลง จากนั้นพวกเธอก็ตั้งใจเล่นเกมกันต่อ ส่วนน้องบีมอย่างไรก็ต้องได้ตามไปด้วยอยู่ดี นอกจากยายจะไม่อนุญาตเพราะเห็นว่ายังเล็กอยู่
พวกเธอเล่นเกมจนเบื่อแล้วจึงชวนกันไปบ้านย่า เนื่องจากบ้านของย่ามีต้นมะม่วงฟ้าลั่นอยู่ ตอนนี้กำลังออกผลดกเต็มต้น ทุก ๆ ปีคนละแวกคุ้มของย่าชอบมาขอไปกินประจำ มันดกจริง ๆ ทั้งมะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงเขียวเสวย และ มะม่วงแก้ว ย่าปลูกเอาไว้ข้างบ้าน
พวกเธอสามคนพี่น้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งก็ถึงบ้านของย่าแล้ว เนื่องจากบ้านของสองฝาแฝดกับบ้านของย่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เยื้อง ๆ กันนิดหน่อย ถัดไปก็เป็นบ้านของย่าน้อยอยู่ติด ๆ กัน
“ใหญ่นงค์บอสกินบักม่วงมันเด้อ” บอสเอ่ยขอย่าพอเป็นพิธี
“ต๊อยเอาเด้อ อย่าปีน” ย่าตอบกลับมา ให้พวกเธอใช้ไม้สอยเอาเท่านั้น
“จ้า…!!!” พวกเธอทั้งสามคนพี่น้องตอบประสานเสียงกัน มองหน้ากัน หัวเราะคิกคักให้กันเบา ๆ เพราะพวกเธอจะปีนนั่นเอง
พวกเธอสามคนค่อย ๆ ปีนต้นมะม่วงฟ้าลั่นอย่างเบา ๆ ต้นมะม่วงก็ไม่ได้สูงมาก พวกเธอเลือกกิ่งก้านหาที่นั่งกินมะม่วง กัดกินแบบไม่ต้องล้างกันเลย อร่อยได้อรรถรสมาก มะม่วงฟ้าลั่นตอนนี้มันยังไม่แก่มาก มันก็จะออกรสชาติมัน ๆ เปรี้ยว ๆ อร่อยเหมือนกัน เมื่อไหร่ที่มันแก่เต็มที่ แค่โดนอะไรกระทบนิดหน่อยมันก็แตก นั่นแหละตอนนั้นแหละ มันจะอร่อยที่สุด มันส์ที่สุด
พวกเธอสามคนกินไปคุยกันไป วิมานบนต้นมะม่วงกำลังไปได้สวย มีความสุข หากน้องสาวของเธอไม่ตามหาเธอ
“จุ๊ ๆ” แพรวจุ๊ปากให้พวกเธอเงียบ ๆ อย่างตลก อยากแกล้งน้องบีมเล่น เห็นน้องบีมเดินมาที่บ้านย่าคนเดียว แพรวแกล้งทิ้งใบมะม่วงลงไปใส่น้องบีมด้วย พวกเธอก็หัวเราะกันเบา ๆ อย่างสนุก ที่แกล้งน้องบีมได้
“ใหญ่นงค์เอื้อยบอสไปไส?!” น้องบีมถามย่า
“เอา… เขากะอยู่ต้นบักม่วงมันนั่นเด้ บ่เห็นเขาบ่” ย่าตอบ
“บ่! บ่เห็นไผ”
พวกเธอฟังน้องบีมกับย่าคุยกัน หัวเราะอยู่บนต้นมะม่วง สนุกกันใหญ่ที่น้องบีมไม่เห็น
“ไปไสแล้ว! วังหั่นคือจังอยู่ต้นบักม่วงอยู่” ย่าตอบแบบไม่สนใจเท่าไหร่นัก
“เอ้า… ฮ่วย! เอื้อยบอสไปไส หา! ใหญ่นงค์…” น้องบีมหน้ามุ่ย ต้องการหาเธอ เพียงต้องการอยากเล่นด้วยเท่านั้น เธอรู้! ยายไม่ได้ใช้ให้มาตาม
“เอ้า… คนสิไปฮู้บ่ บ่ได้ห่อข้าวตามก้น มาผิมานั่งอู่ถ่าเขาผิไว ๆ จักนอยเขากะมา” ย่าพูดเอาใจ เพราะเป็นหลานคนเล็กสุดของตระกูล
“อยู่พี่!” บอสตอบแล้วแอบหลบใช้ใบมะม่วงอำพรางตัว เหมือนน้องบีมได้ยิน หันซ้ายแลขวาแต่ก็มองไม่เห็นพวกเธอ
“บีม!” แพรวเรียกน้องบีม และแอบใช้ใบมะม่วงกำบังเหมือนกัน น้องบีมก็หันซ้ายหันขวาใหญ่ แต่ก็ไม่ยอมมองขึ้นมาบนต้นมะม่วงสักที
ปุ๊ก!!! เสียงมะม่วงหล่นลงพื้น พิมพ์เด็ดลูกมะม่วงแล้วโยนลงไปตรงตำแหน่งที่น้องบีมยืนคุยกับย่า พวกเธอหัวเราะกันใหญ่ แต่เป็นการหัวเราะเบา ๆ
น้องบีมมองลูกมะม่วงที่กลิ้งมาหาเท้าตัวเอง เริ่มรู้แล้ว! แหงนหน้าขึ้นมามองต้นมะม่วงเห็นพวกเธอสามคนจะจะ
ฮ่า!!!! กรี๊ด!!!! เสียงพวกเธอหัวเราะ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างตลก สนุกสนานอยู่บนต้นมะม่วงกันใหญ่ น้องบีมหัวเราะอย่างพอใจเหมือนกันที่หาเธอเจอ
“แมนหยัง! นั่น! พากันขึ้นต้นบักม่วงบ่ บอกให้ต๊อยเอาเป็นหยังจังบ่ต๊อย… ลงมาแหมะ! ตกแขนหักขาหักมาล่ะบาดเดียว” ย่าบ่น เดินมาหยุดเท้าสะเอวมองพวกเธอบนต้นมะม่วง ยืนคู่กันกับน้องบีม
พวกเธอหัวเราะไม่สะทกสะท้านกับคำบ่นของย่า พร้อมเด็ดลูกมะม่วงติดมือลงมาด้วย ให้น้องบีมกับย่ากิน พวกเธอทั้งสามคนลงมานั่งเปลกินมะม่วงในบ้านของย่าอย่างอร่อย
แพรวนั่งเปลกินมะม่วงกับน้องบีม เธอนั่งกับแพรว ส่วนย่านั่งบนแคร่ กำลังถักไม้กวาดทางมะพร้าวอยู่ ย่าทำขายด้ามละห้าสิบบาท ที่ขื่อบ้านมีไม้กวาดทางมะพร้าวแขวนโชว์เอาไว้หลายอัน พร้อมติดป้ายราคาเอาไว้
“ตอนบ่ายพากันไปเอาก้านบักพร้าวมาถักพอยซอยย่าแนเด้อ กินข้าวเที่ยงแล้วจังไปเฮา” ย่าชวนพวกเธอ ย่าแทนตัวเองว่าย่า แต่พวกเธอชอบเรียก ‘ใหญ่’ ใหญ่แปลว่ายายหรือแปลว่าย่าได้เหมือนกัน แล้วแต่ครอบครัวนั้น ๆ จะใช้เรียก
“ไปเอาอยู่ไสใหญ่นงค์” พิมพ์ถาม
“หนองสาแม่ใหญ่เรืองนั่นเด้ บ่จักอึด”
………………………………………….
หลังทานมื้อเที่ยงกันเสร็จ ย่าก็พาพวกเธอเดินถือมีดบางเดินไปยังชายทุ่ง มุ่งหน้าไปที่นาของยายเรื่อง ที่สระของยายเรืองปลูกต้นมะพร้าวเอาไว้หลายต้น
ยายเรืองไม่หวงอยู่แล้ว เพราะก้านมะพร้าวที่มันแห้งและหล่นลงจากต้น หากย่าหรือคนอื่น ๆ ไม่นำมาทำไม้กวาดทางมะพร้าว มันก็แห้งเน่าเปื่อยอยู่ดี ยายเรืองเองก็ไม่ได้นำมาทำประโยชน์อะไร ปล่อยให้ร่วงรกขอบสระอยู่อย่างนั้น
พวกเธอสี่คนพี่น้องพร้อมกับย่าเดินเรียงกันไปที่สระของยายเรือง ทางมะพร้าวหล่นร่วงเกลื่อนพื้นไปหมด นัยน์ตาของย่าฉายแววดีใจมาก เพราะตนเองมาก่อนใคร ยังไม่มีใครมาเก็บ เนื่องจากมีคนในหมู่บ้านทำไม้กวาดทางมะพร้าวขายกันหลายคน มีเป้าหมายเดียวกันคือทางมะพร้าวที่สระยายเรือง
“ไป! เฮ็ดสองคนต่อง่าเด้อ! ฉีกซอยกัน ฉีกใบมันออกให้ย่าเมิด ๆ” ย่าจัดแจงแบ่งงาน เธอคู่กับน้องบีม สองฝาแฝดคู่กัน ส่วนย่าทำคนเดียว
ย่าให้มีดบางมาคนละด้าม ไม่คมนัก พอฉีกใบมะพร้าวออกจากลำก้านของมันได้ “บีมเฮ็ดเป็นบ่” ย่าถาม
“น้องบีมเฮ็ดเป็นอยู่” น้องบีมตอบ
“เหลาใบมันออกเกลี้ยง ๆ เด้อ มันจังกวาดดี สิให้เงินกินขนมคนละห้าบาท”
“เย้! ฮ่า…” พวกเธอดีใจ หัวเราะประสานกัน และเสียงพูดคุยของพวกเธอดังไปทั่วสระยายเรือง บรรยากาศถึงจะเงียบทว่าไม่น่ากลัว เสียงปลาขึ้นฟอดในน้ำดังเป็นระยะ ๆ
ปุ๊ก!!!! เสียงมะพร้าวหล่นจากต้น พวกเธอหันขวับไปมอง
“ไปแหมะ! บักพร้าวหล่นตั้วนั่น บักพร้าวแห้ง ย่าสิเฮ็ดข้าวหัวหงอกให้กิน” ย่าบอกพวกเธอ น้องบีมวางมีดรีบวิ่งไปยังตำแหน่งที่ได้ยินเสียง
วันวาน 4
.
ชีวิตสมัยเด็ก ๆ คุณสนุกมากแค่ไหน มาลองย้อนกลับไปมองกันเล่น ๆ ดีกว่า ปัจจุบันโลกของเราในขณะนี้วุ่นวายไปด้วยเรื่องต่าง ๆ นานา โรคระบาดบ้าง และ ในตอนนี้ยังมีกระแสข่าวเรื่องสงครามของต่างประเทศอีก วุ่นวายกันไปหมด
ชีวิตปัจจุบันมันเร่งรีบวุ่นวาย หากมีเวลาลองมานั่งหวนคืนคิดถึงวันวานสมัยยังเล็ก ๆ เล่น ๆ กันไหม มันมีความสุขกว่าตอนนี้แค่ไหน เราทำอะไรบ้าง ถึงตอนนั้นจะร้องไห้ก็ตาม มันคงไม่เหมือนชีวิตตอนโตใช่ไหม
ไม่ได้ให้จมปลักอยู่กับอดีต แต่! มันเป็นการย้อนวัย ย้อนเวลาเล่น ๆ เพลิน ๆ มีความสุขไปกับวันวานในตอนนั้นเพียงเท่านั้น จริงอยู่คนเราต้องอยู่กับปัจจุบันถึงจะถูก มีความสุขกับปัจจุบันถึงจะถูกต้อง มองอดีตให้เป็นบทเรียน มองอนาคตให้เป็นเป้าหมาย แต่การย้อนมองอดีตวัยเด็กก็มีความสุขยิ้มได้เหมือนกัน…
เรื่องมีอยู่ว่า…
เช้าวันหยุดของเดือนมีนาคม อีกไม่กี่วันก็จะปิดเทอมสองแล้ว แค่คิดก็มีความสุข วันก่อนยายพาพวกเธอหกคนพี่น้องไปงานกาชาดประจำปีในตัวเมือง ได้ของเล่นติดไม้ติดมือมาคนละอัน และ ได้เล่นเครื่องเล่นคนละอย่าง
เธอขอยายซื้อเกมมาเล่น พี่บอมได้เครื่องเล่นเพลงขนาดเล็ก พี่บอลได้ปืนกลของเล่น พี่สาวสองคนได้รองเท้าคนละคู่ ส่วนน้องบีมก็ได้เกมเหมือนกับเธอ งานกาชาดก็จะมีไปถึงวันที่สิบนู่น แต่พวกเธอได้ไปกันแค่วันเดียวเท่านั้น ปีละวัน! อยากไปอีกยายก็ไม่ยอมพาไป และ พวกเธอก็ไม่งอแงไปด้วย ปีละวันก็พอใจและมีความสุข
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ บอสไม่อยากอยู่บ้านอีกตามเคย สาย ๆ จึงชวนน้องบีมไปเล่นกับพิมพ์และแพรว ทว่าน้องบีมไม่ยอมตามไปด้วย บอสก็ไม่บังคับ บอกกับน้องสาวว่า ถ้าอยากไปตาม ไปได้ที่บ้านสองฝาแฝดนั่นแหละ ถ้าไม่เจอคืออยู่บ้านของย่า
บอสเดินมาถึงบ้านของพี่สาวฝาแฝด ถอดรองเท้าเดินเข้าไปหาในบ้านอย่างคุ้นเคย นำเกมติดมือมาเล่นด้วย พวกเธอนัดกันซื้อเกม รวมทั้งจ๋อมด้วยอีกคน พวกเธอนัดกันซื้อเกมมาเล่นด้วยกันที่โรงเรียน
สองพี่น้องฝาแฝดนอนดูรายการวันหยุดกันอยู่ พิมพ์หันหน้ามามองเธอเงียบ ๆ จากนั้นก็หันกลับไปเช่นเดิม “น้องบีมไปไส?” แพรวถาม มองเธอผ่านกระจกตู้ตั้งโทรทัศน์
“อยู่เฮือน” บอสตอบพร้อมนั่งลงข้าง ๆ แพรว ทว่าบอสไม่ได้สนใจรายการโทรทัศน์เลย หยิบเกมมาเล่นไปพลาง ๆ หรี่เสียงลงให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการดูโทรทัศน์ของพี่ ๆ
“บอสมืงเล่นเกมหยัง?!” พิมพ์ผินหน้ามาถาม นึกสนใจอยากเล่นเกมเหมือนเธอ ลุกเดินไปหยิบเกมของตนเองที่วางไว้กับตู้ตั้งโทรทัศน์มาเล่นด้วยคน
“เล่นเกมรถแข่ง” บอสตอบ
“กุเล่นเกมเตะตะกร้อ มวนเด๊มืง” แพรวตอบ
“กุเล่นเกมหนอน” พิมพ์ตอบ
ตอนนี้พวกเธอเลิกสนใจรายการโทรทัศน์กันแล้ว นั่งเล่นเกมด้วยกัน แต่ก็เปิดโทรทัศน์เอาไว้เพื่อฟังเสียง เปิดพัดลมเพดานไล่ยุง หน้าร้อนแบบนี้ยุงลายชุมนัก ลุงวิทย์กับป้าแพงก็ไม่บ่นที่พวกเธอเปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้โดยไม่สนใจดู
พวกเธอเล่นเกมแข่งกันว่าใครจะทำคะแนนได้มากที่สุด เล่นเกมเดียวกันคือเกมหนอน เล่นคนละเครื่องของใครของมัน เกมของเธอสีส้ม ของพิมพ์สีเขียวอ่อน ของแพรวสีเหลือง ของจ๋อมสีฟ้า วันหยุดแบบนี้จ๋อมไม่ค่อยได้มาเล่นด้วย พวกเธอเองก็ไม่ค่อยได้ไปเล่นด้วยเช่นกัน
ระหว่างนั่งเล่นเกมพวกเธอก็พากย์เกมไปด้วย ใส่อารมณ์เข้าไปในการเล่นเกม คนที่อารมณ์ร้อนที่สุดเห็นจะเป็นพิมพ์ เล่นจริงจังมาก ตายแล้วตายอีก เริ่มใหม่แล้วเริ่มใหม่อีก สะสมคะแนนใหม่อีก ทว่าก็เป็นไปในแนวตลกขบขัน เธอกับแพรวหัวเราะพิมพ์กันใหญ่
“มืงกะเล่นใจเย็น ๆ แนพิมพ์! อี่หนิใช่ตะอารมณ์เล่น จังว่ามันตายเร็วล่ะ” บอสแซวพี่สาว ปรายตามองพิมพ์แว่บเดียว ก่อนจะกลับมาสนใจเกมของตนเองต่อไป
“ของสูได้จักแต้มแล้ว กูได้หมื่นแล้วเด้อ ฮ่า!” แพรวถาม อวดคะแนนไปในตัว เกมงูของแพรวเลื้อยเก็บแต้มได้ยาวเฟื้อย พองูหางยาวก็ต้องเล่นอย่างระมัดระวัง นอกจากจะคอยระวังไม่ให้ชนสิ่งกีดขวางแล้ว ยังต้องระวังชนหางของงูด้วย ไม่อย่างนั้นก็จบเกมแล้วเริ่มต้นใหม่
“ป้าด… แพรวคือได้แต้มหลายแถะ ของกูตำหางจะของเสย ได้เริ่มต้นใหม่เลย ห่าขั้ว!” บอสพูดปนหัวเราะ เห็นเป็นเรื่องตลก แซวตนเองไปด้วย รู้สึกเซ็งมากอุตส่าห์สะสมแต้มมาเกือบถึงหมื่นแล้ว ดันชนหางตนเองซะอย่างนั้น ต้องเริ่มเก็บใหม่อีกรอบ
“อี่พิมพ์ตายแล้วตายอีกอยู่” แพรวแซวน้องสาวฝาแฝดของตน
“กุหน่าย! ดึกเกมถิ่มซะบ้อ! กดกะบ่อไป” พิมพ์ใส่อารมณ์มาก เพราะเล่มตายบ่อย พวกเธอสองคนหัวเราะพิมพ์กันใหญ่ “เอ้อบอสมืงไปงานกาชาดจักมื้อแล้ว” พิมพ์ถามขณะยังก้มหน้าเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไปมื้อเดียวนึง ยายกูให้ไปมื้อเดียว” บอสเงยหน้าตอบ อยากไปอีกวันแต่ไม่กล้าขอยาย เพราะถึงขอยายก็ไม่พาไปอยู่ดี ระหว่างนั้นบอสก็คิดถึงแม่แว่บหนึ่ง ถ้าแม่อยู่คงได้ไปหลายวัน และ ได้ของเล่นเยอะกว่านี้ จากนั้นก็เล่นเกมต่อ
“ไปนำกูบ่อพ่อกูจะพาไปอีก” แพรวชวน
“มื้อใด?!” บอสถามอย่างสนใจ ทราบดีว่าหากไปกับลุงวิทย์ยายอนุญาตเสมอ แววตามีประกายแห่งความหวังและความสุข
“มื้อสุดท้าย พ่อกูว่าไปเบิ่งไหมไทย”
“ไป! เอ้อแพรว… ให้อ้ายกับเอื้อยกูไปนำเด้อ เทือเราอยากไป” บอสหมายถึงพี่ ๆ ทั้งสี่คน แพรวยักคิ้วให้เป็นการตกลง จากนั้นพวกเธอก็ตั้งใจเล่นเกมกันต่อ ส่วนน้องบีมอย่างไรก็ต้องได้ตามไปด้วยอยู่ดี นอกจากยายจะไม่อนุญาตเพราะเห็นว่ายังเล็กอยู่
พวกเธอเล่นเกมจนเบื่อแล้วจึงชวนกันไปบ้านย่า เนื่องจากบ้านของย่ามีต้นมะม่วงฟ้าลั่นอยู่ ตอนนี้กำลังออกผลดกเต็มต้น ทุก ๆ ปีคนละแวกคุ้มของย่าชอบมาขอไปกินประจำ มันดกจริง ๆ ทั้งมะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงเขียวเสวย และ มะม่วงแก้ว ย่าปลูกเอาไว้ข้างบ้าน
พวกเธอสามคนพี่น้องเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งก็ถึงบ้านของย่าแล้ว เนื่องจากบ้านของสองฝาแฝดกับบ้านของย่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน เยื้อง ๆ กันนิดหน่อย ถัดไปก็เป็นบ้านของย่าน้อยอยู่ติด ๆ กัน
“ใหญ่นงค์บอสกินบักม่วงมันเด้อ” บอสเอ่ยขอย่าพอเป็นพิธี
“ต๊อยเอาเด้อ อย่าปีน” ย่าตอบกลับมา ให้พวกเธอใช้ไม้สอยเอาเท่านั้น
“จ้า…!!!” พวกเธอทั้งสามคนพี่น้องตอบประสานเสียงกัน มองหน้ากัน หัวเราะคิกคักให้กันเบา ๆ เพราะพวกเธอจะปีนนั่นเอง
พวกเธอสามคนค่อย ๆ ปีนต้นมะม่วงฟ้าลั่นอย่างเบา ๆ ต้นมะม่วงก็ไม่ได้สูงมาก พวกเธอเลือกกิ่งก้านหาที่นั่งกินมะม่วง กัดกินแบบไม่ต้องล้างกันเลย อร่อยได้อรรถรสมาก มะม่วงฟ้าลั่นตอนนี้มันยังไม่แก่มาก มันก็จะออกรสชาติมัน ๆ เปรี้ยว ๆ อร่อยเหมือนกัน เมื่อไหร่ที่มันแก่เต็มที่ แค่โดนอะไรกระทบนิดหน่อยมันก็แตก นั่นแหละตอนนั้นแหละ มันจะอร่อยที่สุด มันส์ที่สุด
พวกเธอสามคนกินไปคุยกันไป วิมานบนต้นมะม่วงกำลังไปได้สวย มีความสุข หากน้องสาวของเธอไม่ตามหาเธอ
“จุ๊ ๆ” แพรวจุ๊ปากให้พวกเธอเงียบ ๆ อย่างตลก อยากแกล้งน้องบีมเล่น เห็นน้องบีมเดินมาที่บ้านย่าคนเดียว แพรวแกล้งทิ้งใบมะม่วงลงไปใส่น้องบีมด้วย พวกเธอก็หัวเราะกันเบา ๆ อย่างสนุก ที่แกล้งน้องบีมได้
“ใหญ่นงค์เอื้อยบอสไปไส?!” น้องบีมถามย่า
“เอา… เขากะอยู่ต้นบักม่วงมันนั่นเด้ บ่เห็นเขาบ่” ย่าตอบ
“บ่! บ่เห็นไผ”
พวกเธอฟังน้องบีมกับย่าคุยกัน หัวเราะอยู่บนต้นมะม่วง สนุกกันใหญ่ที่น้องบีมไม่เห็น
“ไปไสแล้ว! วังหั่นคือจังอยู่ต้นบักม่วงอยู่” ย่าตอบแบบไม่สนใจเท่าไหร่นัก
“เอ้า… ฮ่วย! เอื้อยบอสไปไส หา! ใหญ่นงค์…” น้องบีมหน้ามุ่ย ต้องการหาเธอ เพียงต้องการอยากเล่นด้วยเท่านั้น เธอรู้! ยายไม่ได้ใช้ให้มาตาม
“เอ้า… คนสิไปฮู้บ่ บ่ได้ห่อข้าวตามก้น มาผิมานั่งอู่ถ่าเขาผิไว ๆ จักนอยเขากะมา” ย่าพูดเอาใจ เพราะเป็นหลานคนเล็กสุดของตระกูล
“อยู่พี่!” บอสตอบแล้วแอบหลบใช้ใบมะม่วงอำพรางตัว เหมือนน้องบีมได้ยิน หันซ้ายแลขวาแต่ก็มองไม่เห็นพวกเธอ
“บีม!” แพรวเรียกน้องบีม และแอบใช้ใบมะม่วงกำบังเหมือนกัน น้องบีมก็หันซ้ายหันขวาใหญ่ แต่ก็ไม่ยอมมองขึ้นมาบนต้นมะม่วงสักที
ปุ๊ก!!! เสียงมะม่วงหล่นลงพื้น พิมพ์เด็ดลูกมะม่วงแล้วโยนลงไปตรงตำแหน่งที่น้องบีมยืนคุยกับย่า พวกเธอหัวเราะกันใหญ่ แต่เป็นการหัวเราะเบา ๆ
น้องบีมมองลูกมะม่วงที่กลิ้งมาหาเท้าตัวเอง เริ่มรู้แล้ว! แหงนหน้าขึ้นมามองต้นมะม่วงเห็นพวกเธอสามคนจะจะ
ฮ่า!!!! กรี๊ด!!!! เสียงพวกเธอหัวเราะ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างตลก สนุกสนานอยู่บนต้นมะม่วงกันใหญ่ น้องบีมหัวเราะอย่างพอใจเหมือนกันที่หาเธอเจอ
“แมนหยัง! นั่น! พากันขึ้นต้นบักม่วงบ่ บอกให้ต๊อยเอาเป็นหยังจังบ่ต๊อย… ลงมาแหมะ! ตกแขนหักขาหักมาล่ะบาดเดียว” ย่าบ่น เดินมาหยุดเท้าสะเอวมองพวกเธอบนต้นมะม่วง ยืนคู่กันกับน้องบีม
พวกเธอหัวเราะไม่สะทกสะท้านกับคำบ่นของย่า พร้อมเด็ดลูกมะม่วงติดมือลงมาด้วย ให้น้องบีมกับย่ากิน พวกเธอทั้งสามคนลงมานั่งเปลกินมะม่วงในบ้านของย่าอย่างอร่อย
แพรวนั่งเปลกินมะม่วงกับน้องบีม เธอนั่งกับแพรว ส่วนย่านั่งบนแคร่ กำลังถักไม้กวาดทางมะพร้าวอยู่ ย่าทำขายด้ามละห้าสิบบาท ที่ขื่อบ้านมีไม้กวาดทางมะพร้าวแขวนโชว์เอาไว้หลายอัน พร้อมติดป้ายราคาเอาไว้
“ตอนบ่ายพากันไปเอาก้านบักพร้าวมาถักพอยซอยย่าแนเด้อ กินข้าวเที่ยงแล้วจังไปเฮา” ย่าชวนพวกเธอ ย่าแทนตัวเองว่าย่า แต่พวกเธอชอบเรียก ‘ใหญ่’ ใหญ่แปลว่ายายหรือแปลว่าย่าได้เหมือนกัน แล้วแต่ครอบครัวนั้น ๆ จะใช้เรียก
“ไปเอาอยู่ไสใหญ่นงค์” พิมพ์ถาม
“หนองสาแม่ใหญ่เรืองนั่นเด้ บ่จักอึด”
………………………………………….
หลังทานมื้อเที่ยงกันเสร็จ ย่าก็พาพวกเธอเดินถือมีดบางเดินไปยังชายทุ่ง มุ่งหน้าไปที่นาของยายเรื่อง ที่สระของยายเรืองปลูกต้นมะพร้าวเอาไว้หลายต้น
ยายเรืองไม่หวงอยู่แล้ว เพราะก้านมะพร้าวที่มันแห้งและหล่นลงจากต้น หากย่าหรือคนอื่น ๆ ไม่นำมาทำไม้กวาดทางมะพร้าว มันก็แห้งเน่าเปื่อยอยู่ดี ยายเรืองเองก็ไม่ได้นำมาทำประโยชน์อะไร ปล่อยให้ร่วงรกขอบสระอยู่อย่างนั้น
พวกเธอสี่คนพี่น้องพร้อมกับย่าเดินเรียงกันไปที่สระของยายเรือง ทางมะพร้าวหล่นร่วงเกลื่อนพื้นไปหมด นัยน์ตาของย่าฉายแววดีใจมาก เพราะตนเองมาก่อนใคร ยังไม่มีใครมาเก็บ เนื่องจากมีคนในหมู่บ้านทำไม้กวาดทางมะพร้าวขายกันหลายคน มีเป้าหมายเดียวกันคือทางมะพร้าวที่สระยายเรือง
“ไป! เฮ็ดสองคนต่อง่าเด้อ! ฉีกซอยกัน ฉีกใบมันออกให้ย่าเมิด ๆ” ย่าจัดแจงแบ่งงาน เธอคู่กับน้องบีม สองฝาแฝดคู่กัน ส่วนย่าทำคนเดียว
ย่าให้มีดบางมาคนละด้าม ไม่คมนัก พอฉีกใบมะพร้าวออกจากลำก้านของมันได้ “บีมเฮ็ดเป็นบ่” ย่าถาม
“น้องบีมเฮ็ดเป็นอยู่” น้องบีมตอบ
“เหลาใบมันออกเกลี้ยง ๆ เด้อ มันจังกวาดดี สิให้เงินกินขนมคนละห้าบาท”
“เย้! ฮ่า…” พวกเธอดีใจ หัวเราะประสานกัน และเสียงพูดคุยของพวกเธอดังไปทั่วสระยายเรือง บรรยากาศถึงจะเงียบทว่าไม่น่ากลัว เสียงปลาขึ้นฟอดในน้ำดังเป็นระยะ ๆ
ปุ๊ก!!!! เสียงมะพร้าวหล่นจากต้น พวกเธอหันขวับไปมอง
“ไปแหมะ! บักพร้าวหล่นตั้วนั่น บักพร้าวแห้ง ย่าสิเฮ็ดข้าวหัวหงอกให้กิน” ย่าบอกพวกเธอ น้องบีมวางมีดรีบวิ่งไปยังตำแหน่งที่ได้ยินเสียง