.
กึก!!! กึก!!!
เสียงดันฝาถังน้ำแข็งให้เปิดออกจากด้านใน “เปิด!! เปิดให้กูแน เปิดเดี๋ยวนี้เลย กูหายใจบ่ออก ฮือ..”
ตึก… ตึก… ตึก ๆๆๆ
บอสออกแรงเขย่าอย่างรัว ๆ แต่ก็ไม่สามารถเปิดฝาถังน้ำแข็งได้ เรี่ยวแรงก็เริ่มจะโรยราเข้าทุกที เธอเริ่มหมดแรงแล้ว ยอมรับชะตากรรม คงต้องตายในถังน้ำแข็งใบนี้ กว่าตากับยายจะรู้จะหาเจอ เธอคงเน่าเฟะไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้พวกเธอชวนกันเข้าไปเล่นในถังน้ำแข็ง จากนั้นก็ปิดฝาเอาไว้ นับเวลาว่าใครจะสามารถอยู่ในนั้นได้นานที่สุด บอสท้าเพื่อน ๆ ว่าตนเองสามารถเข้าไปอยู่ในถังได้ยี่สิบวินาที เพราะอยากเอาชนะทุกคน เพราะทุกคนทำได้แค่สิบถึงสิบห้าวิเท่านั้น เมื่อตกลงกติกาเสร็จตนเองก็เข้าไปอยู่ในถังน้ำแข็ง ปิดฝาเอาไว้แล้วให้เพื่อน ๆ ที่อยู่ด้านนอกนับหนึ่งถึงยี่สิบ
เมื่อนับครบแล้วบอสจะเปิดฝาออกมาแต่เปิดไม่ได้ เหมือนมีคนกดฝาถังเอาไว้จากด้านนอกได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของเพื่อน ๆ ในขณะที่ตนเองกำลังเขย่าฝาถังสุดฤทธิ์ และดันให้เปิดออก แต่เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ได้สักที ‘มีคนกดไว้’
ด้านในถังมันร้อนอบอ้าวมาก เหงื่อซึมไหลออกมาตามใบหน้าและเนื้อตัว ตอนนี้เธอเริ่มหายใจไม่ออก มันอึดอัด มืดไปหมด เริ่มหมดแรงที่จะเขย่าฝาถังน้ำแข็งให้เปิดออก เสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ ยังดังแว่วมาให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ พวกเขาสนุกกันมากหรือไร รู้ไหมเธอกำลังจะขาดใจตายอยู่แล้ว
บอสร้องไห้อยู่ข้างใน ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเขย่าฝาถังน้ำแข็งสุดฤทธิ์อีกครั้ง ตะโกนแหกปากร้องขอความช่วยเหลืออีกรอบก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครได้ยินและเปิดให้เธอออกไปเลย ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่ดังอย่างสนุก ยิ่งเธอตะโกนเสียงดังเท่าไหร่ ออกแรงเขย่ามากเท่าใด เพื่อน ๆ ยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นเท่านั้น ทุกคนจะแกล้งเธอไปถึงไหน เธอจะตายรู้แล้วไม่รู้เลย
“ปะพวกเฮามาเมือ” บอสได้ยินเสียงแพรวบอกกับเพื่อน ๆ บอสตกใจ จะกลับกันไม่ได้ ยังไม่ได้ช่วยเธอออกมาจากถังใบนี้เลย มันอุดอู้และหายใจไม่ออกมาก
“ปะเมือกะเมือ แม่กูถามหาแล้ว” บอสได้ยินเสียงจ๋อมพูด บอสร้องไห้กลัวทุกคนจากไปแล้วทิ้งเธอไว้ในถังใบนี้เพียงลำพัง ตอนนี้เธอเหนื่อยที่จะออกแรงผลักและตะโกนเรียกทุกคนให้ช่วยแล้ว
“เปิดให้กูก่อน ฮือ… เปิด!! กูเซาเล่นแล้ว เปิดฝาให้กู ฮือ ๆๆๆ” บอสพูดทั้งร้องไห้อยู่ในถังน้ำแข็ง เธอนึกเสียดายที่ไม่น่าเป็นคนชวนเพื่อน ๆ เล่นแบบนี้เลย เธอเองที่เป็นคนชวนทุกคนให้เข้ามาเล่นในถังน้ำแข็งแล้วนับเวลาแบบนี้ เธอรู้สึกผิดกับตัวเองและอยากย้อนเวลากลับไปมาก
แกร่ก แกร่ก…
บอสได้ยินเสียงเหมือนมีวัตถุบางอย่างกระทบกับฝาถัง ฟังดี ๆ คล้ายคนนำแม่กุญแจมาคล้องไว้ ใครคนใดคนหนึ่งกำลังล็อกแม่กุญแจอย่างนั้นหรือ… ไม่!!!! คราวนี้บอสใช้แรงที่โรยราเต็มที่ออกแรงเขย่าเรียกทุกคน ทุกคนจะขังเธอไว้แบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครได้ยินและสนใจจะช่วยเธอออกมาเลย
“ปะมาเมือ น้องบีมล็อกกุญแจไว้ให้หลวงตาเรียบร้อยแล้ว” บอสได้ยินเสียงน้องบีมพูด พวกเขาล็อกเธอไว้ในถังน้ำแข็งแล้วกลับบ้าน ทิ้งเธอไว้ในถังเพียงลำพัง ไม่มีใครคิดช่วยสักคน
“ฮือ ๆๆๆ อี่บีมมืงล็อกกูเฮ็ดหยัง มืงถิ่มกูไปเฮ็ดหยัง กูเอื้อยมืงเด๊ บักบอล อี่แป้ง อี่แพรว อี่จ๋อม อี่พิมพ์ อี่กวาง ฮือ ๆๆๆ มืงล็อกกูเฮ็ดหยัง อี่พ่ออี่แม่ช่วยบอสแน อี่ยายอี่ตาบอสออกบ่ได้ บอสอยากเมือ… ฮือ ๆๆๆ” บอสร้องไห้ ยอมรับชะตากรรมตนเองคงต้องตายอยู่ในถังน้ำแข็งใบนี้เพียงลำพัง
แต่แล้วจู่ ๆ ภาพก็ตัดไปเป็นตอนเธอนั่งไกวชิงช้า ไกวแรงมาก แรงมาก! แรงจนโซ่ชิงช้าขาด ร่างของเธอหลุดลอยขว้างไปกลางอากาศ จากนั้นเธอก็สะดุ้งตื่นสุดตัว
บอสลืมตาตื่นจากฝันเมื่อครู่ มองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้มืดสนิท นี่คือที่บ้านของเธอเอง ไม่ใช่ที่วัด และก็ไม่ได้อยู่ในถังน้ำแข็งด้วย เธอกำลังนอนอยู่ในมุ้งกับพี่สาวทั้งสองคน
จำได้เธอเข้ามานอนในมุ้งกับพี่ปาวพี่แป้ง ส่วนน้องบีมนอนมุ้งกับยายและตา พอสายตาปรับสมดุลกับความมืดได้ บอสมองเห็นพี่แป้งกับพี่ปาวหลับสนิท แอบจับตัวพี่ปาวดู โล่งอกที่แท้ฝันไป ฝันถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ที่พวกเธอพากันไปเล่นที่วัดนี่เอง แต่มันช่างน่ากลัวชะมัด สาบานกับตัวเองว่าจะไม่เข้าไปเล่นในถังน้ำแข็งอีกตลอดไป เพราะกลัวเป็นแบบในฝัน
พอตื่นจากฝันมันก็ยังนอนไม่หลับเสียทีเดียว ทำให้บอสนึกไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน พวกเธอชวนกันไปเล่นชิงช้าที่ลานวัด ปีนต้นลำไยหลวงตา จากนั้นก็มองเห็นถังใส่น้ำแข็งวางอยู่ แล้วชวนกันเข้าไปเล่นในนั้น จนเก็บเอามาฝันน่ากลัวแบบนี้
…………………………………………
กรี๊ด!!! ว้าย… ฮ่า…
เสียงของพวกเธอกำลังเล่นกระโดดยางอยู่ภายในบริเวณลานวัด วัดเป็นอีกสถานที่ที่เด็กบ้านนอกอย่างพวกเธอชอบไปเล่น วันนี้บอสและเพื่อน ๆ ชวนกันมาเล่นที่ลานวัด ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วที่พวกเธอขลุกตัวอยู่ที่นี่
บอส จ๋อม พิมพ์ แพรว พี่บอล พี่แป้ง น้องบีม และพี่กวาง พวกเธอกำลังเล่นกระโดดยางกันอยู่ ใกล้ ๆ กับบริเวณที่พวกเธอเล่น จะมีต้นลำไยอยู่หนึ่งต้น และศูนย์เด็กเล็ก เมื่อพวกเธอเล่นกันจนเมื่อยแล้ว ก็แอบไปปีนต้นลำไยของหลวงตากิน หลวงตาไม่ได้หวงอะไร เพียงแค่ห้ามปีน ให้ใช้ไม้สอยเอา ทว่าพอลับตาหลวงตา พวกเธอก็แอบปีนอยู่ดี ต้นของมันไม่ได้สูงมากนักพอปีนขึ้นไปเก็บได้ ส่วนลูกดกเต็มต้นเลย
“น้องบีมบ่ต้องขึ้นมานำพวกอ้ายมันสิตก เดี๋ยวอ้ายเด็ดให้” พี่บอลชายเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มกล่าวกับน้องสาวของเธอ น้องบีมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ปีนต้นลำไยด้วย เพราะเด็กเกินกว่าจะปีนได้ หากตกลงมาแขนหาหักไม่คุ้มกัน ทว่าน้องบีมก็ดื้อรั้น ก็ยังพยายามปีนตามพวกเธอขึ้นมาอยู่ดี ถึงจะปีนได้แค่เพียงโคนต้นก็ตาม ขอแค่ได้ปีนด้วยก็พอใจ ส่วนพวกเธอปีนไปจับจองกิ่งของใครของมันแล้ว
“ลงไปฮับอยู่ขี้ดิน สั่นอ้ายบ่เอาให้เด๊” พี่บอลขู่น้องบีม บอสมองลงมายังน้องบีมก็ยิ้มให้ หัวเราะน้องสาวที่ปีนมาเก็บลำไยด้วยไม่ได้ รอให้สูงกว่านี้ก่อนแล้วกัน น้องบีมหน้ามุ่ยให้พี่บอล ก่อนจะไถลตัวลงมารอรับที่พื้นตามคำสั่ง
“บีมอะเอื้อยเอาให้อีกพวงนึง” แพรวกล่าวกับน้องบีม พร้อมโยนพวงลำไยให้น้องบีมด้วย น้องบีมดึงชายเสื้อขึ้นมารองรับเพื่อมิให้ลำไยหล่นลงพื้นเสียหาย จากนั้นก็ไปนั่งกินลำไยที่พื้นปูนบริเวณโรงครัวของวัด ซึ่งก็อยู่ติดกับต้นลำไยนี่เอง ถึงจะลูกเล็กเนื้อน้อยแต่ก็อร่อยสำหรับพวกเธอ
“เอื้อยแป้งเที่ยงแล้ว เฮาเมือกินข้าวปะ” บอสเอ่ยชวนพี่สาว และนั่นแหละเธอชวนทุกคนด้วย พูดจบก็กัดเข้าที่เปลือกลำไย คลายเปลือกทิ้งแล้วเคี้ยวเนื้อลำไยอย่างอร่อยรอคำตอบของพี่สาว
“เอาจังใดสู เมือบ่สั่น” พี่แป้งขอความคิดเห็น
“เมือกะเมือ เฮากลับมาเล่นวัดอีกบ่ฮั่น จ๋อมจะได้กลับมากินข้าวแล้ว” จ๋อมถาม เพราะบ้านจ๋อมอยู่ไกลกว่าคนอื่น ๆ
“พวกพิมพ์เอาจังใดกะได้” พิมพ์กล่าว ไปไหนไปกันอยู่แล้ววันนี้
“บ่ต้องเมือหรอก ไปกินข้าวเฮือนกู พ่อกับแม่กูบ่อยู่เฮือนเราไปนา ออกเงินกันซื้อตำป่าไปกินบ่เฮา” พี่กวางเสนออีกแนวทาง พวกเธอที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนจะตกลงตามนั้น เอาตามที่พี่กวางว่ากันเลย
พี่กวางอยู่คุ้มเดียวกันกับเธอเอง คุ้มหน้าวัด ทว่าบ้านของพี่กวางอยู่ใกล้ที่สุด เดินพ้นประตูวัดออกไปก็ถึงแล้ว เมื่อพวกเธอตกลงกันได้ดังนั้น จึงใช้เวลาเก็บลำไยต่ออีกนิดเพื่อนำไปกินที่บ้าน เมื่อได้เยอะจนพอใจแล้วพวกเธอจึงลงมาจากต้น นัดแนะกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
“ออกเงินกันคนละห้าบาท อี่น้องบีมบ่ต้องออกหรอก เอื้อยกวางให้กินฟรี” พี่กวางเป็นคนจัดแจง พวกเธอรวมเงินกันได้สามสิบห้าบาท เยอะพอสำหรับกับข้าวมื้อเที่ยงนี้“ให้บักบอลไปซื้อเด้อ เอาตำป่า กับตำบักหุ่ง ตำป่ายี่สิบ ตำบักหุ่งสิบบาท แนวกินเฮือนกูกะมี อีกห้าบาทซื้อขนมมากินนำกัน”
“กะได้!“ พี่บอลตกลงตามนั้น เพราะเป็นผู้ชายคนเดียวจึงต้องเสียสละ “ซื้อตำเฮือนไผฮั่น เฮือนยายกันหรือยายนี”
“อ้ายบอลเอาเฮือนยายนีจังแซ่บ” จ๋อมเสนอ นอกจากจะอร่อยอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังได้เยอะสมราคาอีกด้วย เป็นร้านที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้สุด ๆ
“ตามนั้น อ่ะบอลเงินไปซื้อเลย ส่วนพวกกูสิไปถ่าอยู่เฮือนกูเด้อ” พี่กวางยื่นเงินให้พี่บอล จากนั้นก็แยกย้ายกัน พี่บอลปั่นจักรยานไปซื้อกับข้าว ส่วนพวกเธอปั่นจักรยานกลับบ้านพี่กวาง ซึ่งอยู่เพียงหน้าวัด
มาถึงบ้านพี่กวางพวกเธอเปิดโทรทัศน์ดูรอพี่บอลอย่างสบายอารมณ์ เป็นอิสระในการเล่นที่บ้านหลังนี้เต็มที่ เพราะผู้ใหญ่ไม่มีใครอยู่สักคน พวกเธอนอนแผ่หลากันหน้าโทรทัศน์ เปิดพัดลมเพดานไล่ยุง เท่านี้ก็สุขใจ มิหนำซ้ำพี่กวางยังมีหวานเย็นชื่นใจเลี้ยงพวกเธอด้วยคนละอัน ทุกคนต่างรับไปด้วยรอยยิ้มที่เหนือความคาดหมาย ไม่คิดว่าจะได้กินอะไรแบบนี้
บอสตาลุกวาว รับหวานเย็นจากพี่กวางมากิน มันเย็นชื่นใจมาก “เอื้อยกวางเฮ็ดเองบ่” บอสถามด้วยความตื่นเต้น ในใจคิดว่ากลับไปบ้านจะชวนพี่ปาวกับพี่แป้งทำบ้าง ที่กินอยู่ตอนนี้มันอร่อยมาก
“แมน เฮ็ดเองกับแม่เอื้อย” พี่กวางตอบ
“มาแล้วสู!” พี่บอลตะโกนเข้ามาในบ้าน ก่อนจะจอดจักรยานไว้แล้วถือถุงส้มตำเข้ามา
“อะบอลหวานเย็น” พี่กวางยื่นหวานเย็นถุงสีเขียวให้พี่บอล มันมีหลากสีมาก แต่ละสีก็หลากรสชาติกันไป
กับข้าวมื้อเที่ยงพร้อมแล้ว มีตำปูปลาร้า ตำป่า และคั่วจิ้งหรีดที่แม่พี่กวางทำไว้ ข้าวเหนียวหนึ่งกระติบ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับพวกเธอแปดคนในมื้อเที่ยงนี้ เป็นมื้อเที่ยงที่แสนอร่อยที่สุดอีกวัน คุยกันไปกินข้าวกันไป มือก็คุ้ยส้มตำกันไป พวกเธอไม่มีใครใช้ช้อนกันเลยสักคน
“เผ็ดบ่บีมน้อย” จ๋อมหันมาถามน้องสาวของเธอ ขณะที่น้องบีมสูดน้ำมูกพร้อมเลียนิ้วมือไปด้วย
“บ่เผ็ดเอื้อยจ๋อม!” น้องบีมตอบพลางสูดน้ำมูกอีก จากนั้นก็หยิบตำป่าเข้าปากตามด้วยดื่มน้ำไปอีกหนึ่งอึก พวกเธอมองหน้าน้องบีมแล้วยิ้ม ต่างก็เผ็ดกันทว่าพอทนกันได้ เป็นความโชคดีของพวกเธออีกครั้ง เมื่อทานข้าวเสร็จ พี่กวางเลี้ยงหวานเย็นแก้เผ็ดอีกคนละอัน พวกเธอยิ้มหน้าบาน เพราะอาการเผ็ดของแต่ละคนยังไม่หายไป
“เอื้อยแป้ง ชวนเอื้อยปาวเฮ็ดกินบ่เฮา เฮ็ดบ่แฝด” บอสอดที่จะเอ่ยปากชวนพี่ ๆ ไม่ได้ มันอร่อยติดใจจนอยากทำไว้กินเอง พอหายเผ็ดแล้วพวกเธอจึงชวนกันกลับไปเล่นที่ลานวัดกันอีกครั้ง
ช่วงบ่ายพวกเธอไม่ได้เล่นกระโดดยางเหมือนช่วงเช้า ทำเพียงเล่นชิงช้าเล่นเครื่องเล่นของน้อง ๆ วัยเตรียมอนุบาล สลับกันแกว่งชิงช้าให้กันเรื่อย ๆ ยังไม่คิดจะเล่นอะไรอีก แต่แล้วพี่แป้งก็นึกอะไรได้ เมื่อมองเห็นถังน้ำแข็งใบขนาดใหญ่วางอยู่ข้าง ๆ ศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งมันไม่ได้ล็อก สามารถเปิดดูข้างในได้
“สู… พวกสูว่ามันมีอิหยังบ่ในถังนั่น” พี่แป้งพูดและบุ้ยหน้าไปยังถังใบนั้น
“บ่แมนถังใส่นมเด็กน้อยบ่” แพรวแสดงความคิดเห็น
“ลองเปิดเบิ่งบ่!” พี่แป้งดูจริงจังมาก “เทือมีนมในนั่น หรือมีของกินในนั่นกะได้” พวกเธอมองหน้ากัน ไม่ได้รู้ผิดชอบชั่วดีอะไรนัก คิดแต่ว่าหากมีขนมหรือของกินได้ในถังนั้น มันจะเสร็จพวกเธอแน่ ๆ
“ครูพรจะบ่ฮ่ายเฮาบ่” จ๋อมกล้า ๆ กลัว พูดถึงคุณครูประจำศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้ บอสเองก็คิดเช่นนั้น กล้า ๆ กลัว ๆ กับสิ่งที่กำลังจะทำในอีกไม่ช้านี้
ถังใบนั้น
.
กึก!!! กึก!!!
เสียงดันฝาถังน้ำแข็งให้เปิดออกจากด้านใน “เปิด!! เปิดให้กูแน เปิดเดี๋ยวนี้เลย กูหายใจบ่ออก ฮือ..”
ตึก… ตึก… ตึก ๆๆๆ
บอสออกแรงเขย่าอย่างรัว ๆ แต่ก็ไม่สามารถเปิดฝาถังน้ำแข็งได้ เรี่ยวแรงก็เริ่มจะโรยราเข้าทุกที เธอเริ่มหมดแรงแล้ว ยอมรับชะตากรรม คงต้องตายในถังน้ำแข็งใบนี้ กว่าตากับยายจะรู้จะหาเจอ เธอคงเน่าเฟะไปหมดแล้ว
ก่อนหน้านี้พวกเธอชวนกันเข้าไปเล่นในถังน้ำแข็ง จากนั้นก็ปิดฝาเอาไว้ นับเวลาว่าใครจะสามารถอยู่ในนั้นได้นานที่สุด บอสท้าเพื่อน ๆ ว่าตนเองสามารถเข้าไปอยู่ในถังได้ยี่สิบวินาที เพราะอยากเอาชนะทุกคน เพราะทุกคนทำได้แค่สิบถึงสิบห้าวิเท่านั้น เมื่อตกลงกติกาเสร็จตนเองก็เข้าไปอยู่ในถังน้ำแข็ง ปิดฝาเอาไว้แล้วให้เพื่อน ๆ ที่อยู่ด้านนอกนับหนึ่งถึงยี่สิบ
เมื่อนับครบแล้วบอสจะเปิดฝาออกมาแต่เปิดไม่ได้ เหมือนมีคนกดฝาถังเอาไว้จากด้านนอกได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานของเพื่อน ๆ ในขณะที่ตนเองกำลังเขย่าฝาถังสุดฤทธิ์ และดันให้เปิดออก แต่เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ได้สักที ‘มีคนกดไว้’
ด้านในถังมันร้อนอบอ้าวมาก เหงื่อซึมไหลออกมาตามใบหน้าและเนื้อตัว ตอนนี้เธอเริ่มหายใจไม่ออก มันอึดอัด มืดไปหมด เริ่มหมดแรงที่จะเขย่าฝาถังน้ำแข็งให้เปิดออก เสียงหัวเราะของเพื่อน ๆ ยังดังแว่วมาให้ได้ยินอยู่เนือง ๆ พวกเขาสนุกกันมากหรือไร รู้ไหมเธอกำลังจะขาดใจตายอยู่แล้ว
บอสร้องไห้อยู่ข้างใน ใช้แรงเฮือกสุดท้ายเขย่าฝาถังน้ำแข็งสุดฤทธิ์อีกครั้ง ตะโกนแหกปากร้องขอความช่วยเหลืออีกรอบก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครได้ยินและเปิดให้เธอออกไปเลย ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่ดังอย่างสนุก ยิ่งเธอตะโกนเสียงดังเท่าไหร่ ออกแรงเขย่ามากเท่าใด เพื่อน ๆ ยิ่งหัวเราะเสียงดังขึ้นเท่านั้น ทุกคนจะแกล้งเธอไปถึงไหน เธอจะตายรู้แล้วไม่รู้เลย
“ปะพวกเฮามาเมือ” บอสได้ยินเสียงแพรวบอกกับเพื่อน ๆ บอสตกใจ จะกลับกันไม่ได้ ยังไม่ได้ช่วยเธอออกมาจากถังใบนี้เลย มันอุดอู้และหายใจไม่ออกมาก
“ปะเมือกะเมือ แม่กูถามหาแล้ว” บอสได้ยินเสียงจ๋อมพูด บอสร้องไห้กลัวทุกคนจากไปแล้วทิ้งเธอไว้ในถังใบนี้เพียงลำพัง ตอนนี้เธอเหนื่อยที่จะออกแรงผลักและตะโกนเรียกทุกคนให้ช่วยแล้ว
“เปิดให้กูก่อน ฮือ… เปิด!! กูเซาเล่นแล้ว เปิดฝาให้กู ฮือ ๆๆๆ” บอสพูดทั้งร้องไห้อยู่ในถังน้ำแข็ง เธอนึกเสียดายที่ไม่น่าเป็นคนชวนเพื่อน ๆ เล่นแบบนี้เลย เธอเองที่เป็นคนชวนทุกคนให้เข้ามาเล่นในถังน้ำแข็งแล้วนับเวลาแบบนี้ เธอรู้สึกผิดกับตัวเองและอยากย้อนเวลากลับไปมาก
แกร่ก แกร่ก…
บอสได้ยินเสียงเหมือนมีวัตถุบางอย่างกระทบกับฝาถัง ฟังดี ๆ คล้ายคนนำแม่กุญแจมาคล้องไว้ ใครคนใดคนหนึ่งกำลังล็อกแม่กุญแจอย่างนั้นหรือ… ไม่!!!! คราวนี้บอสใช้แรงที่โรยราเต็มที่ออกแรงเขย่าเรียกทุกคน ทุกคนจะขังเธอไว้แบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีใครได้ยินและสนใจจะช่วยเธอออกมาเลย
“ปะมาเมือ น้องบีมล็อกกุญแจไว้ให้หลวงตาเรียบร้อยแล้ว” บอสได้ยินเสียงน้องบีมพูด พวกเขาล็อกเธอไว้ในถังน้ำแข็งแล้วกลับบ้าน ทิ้งเธอไว้ในถังเพียงลำพัง ไม่มีใครคิดช่วยสักคน
“ฮือ ๆๆๆ อี่บีมมืงล็อกกูเฮ็ดหยัง มืงถิ่มกูไปเฮ็ดหยัง กูเอื้อยมืงเด๊ บักบอล อี่แป้ง อี่แพรว อี่จ๋อม อี่พิมพ์ อี่กวาง ฮือ ๆๆๆ มืงล็อกกูเฮ็ดหยัง อี่พ่ออี่แม่ช่วยบอสแน อี่ยายอี่ตาบอสออกบ่ได้ บอสอยากเมือ… ฮือ ๆๆๆ” บอสร้องไห้ ยอมรับชะตากรรมตนเองคงต้องตายอยู่ในถังน้ำแข็งใบนี้เพียงลำพัง
แต่แล้วจู่ ๆ ภาพก็ตัดไปเป็นตอนเธอนั่งไกวชิงช้า ไกวแรงมาก แรงมาก! แรงจนโซ่ชิงช้าขาด ร่างของเธอหลุดลอยขว้างไปกลางอากาศ จากนั้นเธอก็สะดุ้งตื่นสุดตัว
บอสลืมตาตื่นจากฝันเมื่อครู่ มองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้มืดสนิท นี่คือที่บ้านของเธอเอง ไม่ใช่ที่วัด และก็ไม่ได้อยู่ในถังน้ำแข็งด้วย เธอกำลังนอนอยู่ในมุ้งกับพี่สาวทั้งสองคน
จำได้เธอเข้ามานอนในมุ้งกับพี่ปาวพี่แป้ง ส่วนน้องบีมนอนมุ้งกับยายและตา พอสายตาปรับสมดุลกับความมืดได้ บอสมองเห็นพี่แป้งกับพี่ปาวหลับสนิท แอบจับตัวพี่ปาวดู โล่งอกที่แท้ฝันไป ฝันถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ที่พวกเธอพากันไปเล่นที่วัดนี่เอง แต่มันช่างน่ากลัวชะมัด สาบานกับตัวเองว่าจะไม่เข้าไปเล่นในถังน้ำแข็งอีกตลอดไป เพราะกลัวเป็นแบบในฝัน
พอตื่นจากฝันมันก็ยังนอนไม่หลับเสียทีเดียว ทำให้บอสนึกไปถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวัน พวกเธอชวนกันไปเล่นชิงช้าที่ลานวัด ปีนต้นลำไยหลวงตา จากนั้นก็มองเห็นถังใส่น้ำแข็งวางอยู่ แล้วชวนกันเข้าไปเล่นในนั้น จนเก็บเอามาฝันน่ากลัวแบบนี้
…………………………………………
กรี๊ด!!! ว้าย… ฮ่า…
เสียงของพวกเธอกำลังเล่นกระโดดยางอยู่ภายในบริเวณลานวัด วัดเป็นอีกสถานที่ที่เด็กบ้านนอกอย่างพวกเธอชอบไปเล่น วันนี้บอสและเพื่อน ๆ ชวนกันมาเล่นที่ลานวัด ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วที่พวกเธอขลุกตัวอยู่ที่นี่
บอส จ๋อม พิมพ์ แพรว พี่บอล พี่แป้ง น้องบีม และพี่กวาง พวกเธอกำลังเล่นกระโดดยางกันอยู่ ใกล้ ๆ กับบริเวณที่พวกเธอเล่น จะมีต้นลำไยอยู่หนึ่งต้น และศูนย์เด็กเล็ก เมื่อพวกเธอเล่นกันจนเมื่อยแล้ว ก็แอบไปปีนต้นลำไยของหลวงตากิน หลวงตาไม่ได้หวงอะไร เพียงแค่ห้ามปีน ให้ใช้ไม้สอยเอา ทว่าพอลับตาหลวงตา พวกเธอก็แอบปีนอยู่ดี ต้นของมันไม่ได้สูงมากนักพอปีนขึ้นไปเก็บได้ ส่วนลูกดกเต็มต้นเลย
“น้องบีมบ่ต้องขึ้นมานำพวกอ้ายมันสิตก เดี๋ยวอ้ายเด็ดให้” พี่บอลชายเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มกล่าวกับน้องสาวของเธอ น้องบีมเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ปีนต้นลำไยด้วย เพราะเด็กเกินกว่าจะปีนได้ หากตกลงมาแขนหาหักไม่คุ้มกัน ทว่าน้องบีมก็ดื้อรั้น ก็ยังพยายามปีนตามพวกเธอขึ้นมาอยู่ดี ถึงจะปีนได้แค่เพียงโคนต้นก็ตาม ขอแค่ได้ปีนด้วยก็พอใจ ส่วนพวกเธอปีนไปจับจองกิ่งของใครของมันแล้ว
“ลงไปฮับอยู่ขี้ดิน สั่นอ้ายบ่เอาให้เด๊” พี่บอลขู่น้องบีม บอสมองลงมายังน้องบีมก็ยิ้มให้ หัวเราะน้องสาวที่ปีนมาเก็บลำไยด้วยไม่ได้ รอให้สูงกว่านี้ก่อนแล้วกัน น้องบีมหน้ามุ่ยให้พี่บอล ก่อนจะไถลตัวลงมารอรับที่พื้นตามคำสั่ง
“บีมอะเอื้อยเอาให้อีกพวงนึง” แพรวกล่าวกับน้องบีม พร้อมโยนพวงลำไยให้น้องบีมด้วย น้องบีมดึงชายเสื้อขึ้นมารองรับเพื่อมิให้ลำไยหล่นลงพื้นเสียหาย จากนั้นก็ไปนั่งกินลำไยที่พื้นปูนบริเวณโรงครัวของวัด ซึ่งก็อยู่ติดกับต้นลำไยนี่เอง ถึงจะลูกเล็กเนื้อน้อยแต่ก็อร่อยสำหรับพวกเธอ
“เอื้อยแป้งเที่ยงแล้ว เฮาเมือกินข้าวปะ” บอสเอ่ยชวนพี่สาว และนั่นแหละเธอชวนทุกคนด้วย พูดจบก็กัดเข้าที่เปลือกลำไย คลายเปลือกทิ้งแล้วเคี้ยวเนื้อลำไยอย่างอร่อยรอคำตอบของพี่สาว
“เอาจังใดสู เมือบ่สั่น” พี่แป้งขอความคิดเห็น
“เมือกะเมือ เฮากลับมาเล่นวัดอีกบ่ฮั่น จ๋อมจะได้กลับมากินข้าวแล้ว” จ๋อมถาม เพราะบ้านจ๋อมอยู่ไกลกว่าคนอื่น ๆ
“พวกพิมพ์เอาจังใดกะได้” พิมพ์กล่าว ไปไหนไปกันอยู่แล้ววันนี้
“บ่ต้องเมือหรอก ไปกินข้าวเฮือนกู พ่อกับแม่กูบ่อยู่เฮือนเราไปนา ออกเงินกันซื้อตำป่าไปกินบ่เฮา” พี่กวางเสนออีกแนวทาง พวกเธอที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนจะตกลงตามนั้น เอาตามที่พี่กวางว่ากันเลย
พี่กวางอยู่คุ้มเดียวกันกับเธอเอง คุ้มหน้าวัด ทว่าบ้านของพี่กวางอยู่ใกล้ที่สุด เดินพ้นประตูวัดออกไปก็ถึงแล้ว เมื่อพวกเธอตกลงกันได้ดังนั้น จึงใช้เวลาเก็บลำไยต่ออีกนิดเพื่อนำไปกินที่บ้าน เมื่อได้เยอะจนพอใจแล้วพวกเธอจึงลงมาจากต้น นัดแนะกันว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
“ออกเงินกันคนละห้าบาท อี่น้องบีมบ่ต้องออกหรอก เอื้อยกวางให้กินฟรี” พี่กวางเป็นคนจัดแจง พวกเธอรวมเงินกันได้สามสิบห้าบาท เยอะพอสำหรับกับข้าวมื้อเที่ยงนี้“ให้บักบอลไปซื้อเด้อ เอาตำป่า กับตำบักหุ่ง ตำป่ายี่สิบ ตำบักหุ่งสิบบาท แนวกินเฮือนกูกะมี อีกห้าบาทซื้อขนมมากินนำกัน”
“กะได้!“ พี่บอลตกลงตามนั้น เพราะเป็นผู้ชายคนเดียวจึงต้องเสียสละ “ซื้อตำเฮือนไผฮั่น เฮือนยายกันหรือยายนี”
“อ้ายบอลเอาเฮือนยายนีจังแซ่บ” จ๋อมเสนอ นอกจากจะอร่อยอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังได้เยอะสมราคาอีกด้วย เป็นร้านที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงนี้สุด ๆ
“ตามนั้น อ่ะบอลเงินไปซื้อเลย ส่วนพวกกูสิไปถ่าอยู่เฮือนกูเด้อ” พี่กวางยื่นเงินให้พี่บอล จากนั้นก็แยกย้ายกัน พี่บอลปั่นจักรยานไปซื้อกับข้าว ส่วนพวกเธอปั่นจักรยานกลับบ้านพี่กวาง ซึ่งอยู่เพียงหน้าวัด
มาถึงบ้านพี่กวางพวกเธอเปิดโทรทัศน์ดูรอพี่บอลอย่างสบายอารมณ์ เป็นอิสระในการเล่นที่บ้านหลังนี้เต็มที่ เพราะผู้ใหญ่ไม่มีใครอยู่สักคน พวกเธอนอนแผ่หลากันหน้าโทรทัศน์ เปิดพัดลมเพดานไล่ยุง เท่านี้ก็สุขใจ มิหนำซ้ำพี่กวางยังมีหวานเย็นชื่นใจเลี้ยงพวกเธอด้วยคนละอัน ทุกคนต่างรับไปด้วยรอยยิ้มที่เหนือความคาดหมาย ไม่คิดว่าจะได้กินอะไรแบบนี้
บอสตาลุกวาว รับหวานเย็นจากพี่กวางมากิน มันเย็นชื่นใจมาก “เอื้อยกวางเฮ็ดเองบ่” บอสถามด้วยความตื่นเต้น ในใจคิดว่ากลับไปบ้านจะชวนพี่ปาวกับพี่แป้งทำบ้าง ที่กินอยู่ตอนนี้มันอร่อยมาก
“แมน เฮ็ดเองกับแม่เอื้อย” พี่กวางตอบ
“มาแล้วสู!” พี่บอลตะโกนเข้ามาในบ้าน ก่อนจะจอดจักรยานไว้แล้วถือถุงส้มตำเข้ามา
“อะบอลหวานเย็น” พี่กวางยื่นหวานเย็นถุงสีเขียวให้พี่บอล มันมีหลากสีมาก แต่ละสีก็หลากรสชาติกันไป
กับข้าวมื้อเที่ยงพร้อมแล้ว มีตำปูปลาร้า ตำป่า และคั่วจิ้งหรีดที่แม่พี่กวางทำไว้ ข้าวเหนียวหนึ่งกระติบ เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับพวกเธอแปดคนในมื้อเที่ยงนี้ เป็นมื้อเที่ยงที่แสนอร่อยที่สุดอีกวัน คุยกันไปกินข้าวกันไป มือก็คุ้ยส้มตำกันไป พวกเธอไม่มีใครใช้ช้อนกันเลยสักคน
“เผ็ดบ่บีมน้อย” จ๋อมหันมาถามน้องสาวของเธอ ขณะที่น้องบีมสูดน้ำมูกพร้อมเลียนิ้วมือไปด้วย
“บ่เผ็ดเอื้อยจ๋อม!” น้องบีมตอบพลางสูดน้ำมูกอีก จากนั้นก็หยิบตำป่าเข้าปากตามด้วยดื่มน้ำไปอีกหนึ่งอึก พวกเธอมองหน้าน้องบีมแล้วยิ้ม ต่างก็เผ็ดกันทว่าพอทนกันได้ เป็นความโชคดีของพวกเธออีกครั้ง เมื่อทานข้าวเสร็จ พี่กวางเลี้ยงหวานเย็นแก้เผ็ดอีกคนละอัน พวกเธอยิ้มหน้าบาน เพราะอาการเผ็ดของแต่ละคนยังไม่หายไป
“เอื้อยแป้ง ชวนเอื้อยปาวเฮ็ดกินบ่เฮา เฮ็ดบ่แฝด” บอสอดที่จะเอ่ยปากชวนพี่ ๆ ไม่ได้ มันอร่อยติดใจจนอยากทำไว้กินเอง พอหายเผ็ดแล้วพวกเธอจึงชวนกันกลับไปเล่นที่ลานวัดกันอีกครั้ง
ช่วงบ่ายพวกเธอไม่ได้เล่นกระโดดยางเหมือนช่วงเช้า ทำเพียงเล่นชิงช้าเล่นเครื่องเล่นของน้อง ๆ วัยเตรียมอนุบาล สลับกันแกว่งชิงช้าให้กันเรื่อย ๆ ยังไม่คิดจะเล่นอะไรอีก แต่แล้วพี่แป้งก็นึกอะไรได้ เมื่อมองเห็นถังน้ำแข็งใบขนาดใหญ่วางอยู่ข้าง ๆ ศูนย์เด็กเล็ก ซึ่งมันไม่ได้ล็อก สามารถเปิดดูข้างในได้
“สู… พวกสูว่ามันมีอิหยังบ่ในถังนั่น” พี่แป้งพูดและบุ้ยหน้าไปยังถังใบนั้น
“บ่แมนถังใส่นมเด็กน้อยบ่” แพรวแสดงความคิดเห็น
“ลองเปิดเบิ่งบ่!” พี่แป้งดูจริงจังมาก “เทือมีนมในนั่น หรือมีของกินในนั่นกะได้” พวกเธอมองหน้ากัน ไม่ได้รู้ผิดชอบชั่วดีอะไรนัก คิดแต่ว่าหากมีขนมหรือของกินได้ในถังนั้น มันจะเสร็จพวกเธอแน่ ๆ
“ครูพรจะบ่ฮ่ายเฮาบ่” จ๋อมกล้า ๆ กลัว พูดถึงคุณครูประจำศูนย์เด็กเล็กแห่งนี้ บอสเองก็คิดเช่นนั้น กล้า ๆ กลัว ๆ กับสิ่งที่กำลังจะทำในอีกไม่ช้านี้