หลังคลอดมีใครกลับมาทำงานแล้วโดนแบบนี้บ้างไหมคะ

กระทู้คำถาม
เราขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่า เราจะไม่เปิดเผยชื่อที่ทำงานและชื่อจริงเราไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม
เนื่องจากกลัวผลกระทบค่ะ และอยากมาปรึกษาปัญหาเป็นกรณีๆ ไปเท่านั้น

เราเพิ่งคลอดลูกแฝดไปค่ะ และกลับมาทำงานได้ 2 สัปดาห์แล้ว
ตำแหน่งที่เรากลับมาทำคือ Hr หรือฝ่ายบุคคลค่ะ 
ซึ่งบริษัทที่ทำตอนนี้เป็นการ Work Remote 100% 
และตามนโยบายผู้บริหารคือ ตำแหน่งหลังบ้านทั้งหมดจะทำงานแบบ Remote แล้ว 
ซึ่งมีเพียงพนักงานหน้าร้านที่ต้องเข้าออกเวลางาน 

ส่วนปัญหาที่เรากลับมาเจอคือ 
เราคลอดลูกแฝดค่ะ เลี้ยงกันเองกับสามี 
สามีจะดูลูกให้เวลากลางคืน เนื่องจากเขาทำงานกลางคืน 
ส่วนเราจะทำงานเวลากลางวัน ก็จะดูลูกเวลากลางวันเช่นกัน 
สามีจะตื่นมากินข้าวบ้าง ซึ่งเขาก็ช่วยดูแลลูกในเวลาที่ตื่นมา 
ส่วนเด็กๆ ตอนนี้ยังไม่กี่เดือนค่ะ ซึ่งเลี้ยงค่อนข้างง่าย กินแล้วนอนแค่นั้นเลย 

ในมุมของเราการทำงานไม่มีปัญหาค่ะ เพราะเวลาประชุมหรืออะไรเราก็ตั้งกล้องให้เห็นตั้งแต่คอขึ้นมา 
เนื่องจากจะมีบางเวลาที่เวลาให้นมตรงกับเวลาที่ต้องประชุม 
เราเคยขอผู้บริหารแล้วว่าเราขอไม่เปิดกล้องได้ไหม เพราะบางทีต้องให้นมลูก 
ซึ่งทางผู้บริหารไม่อนุญาติ เนื่องจากจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่ทีมและพนักงานคนอื่น 
2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราจึงต้องเปิดกล้องโดยให้เห็นตั้งแต่คอขึ้นมาเท่านั้น 
โดยที่การประชุมในแต่ละครั้งค่อนข้างลากยาวพอสมควร เช่นตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น 
ดังนั้นต่อ 1 วาระการประชุม ลูกจะเข้าเต้าเรา 2-3 ครั้ง แต่การประชุมก็เป็นไปอย่างราบรื่นมาตลอดค่ะ

แต่ปัญหามาเกิดตรงที่หลังๆ ผู้บริหารเริ่มจะมีการติงเราว่า ไม่มีใครตั้งกล้องแบบเรา มันทำให้ดูเสียความเป็นระเบียบไป 
อยากให้เราตั้งกล้องเหมือนคนอื่น นั่นคือจะเห็นตั้งแต่ช่วงหน้าอกขึ้นมา 
เราชี้แจงไปว่าระหว่างการประชุมเราต้องเอาลูกเข้าออกเต้า แม้จะใส่ผ้าคลุมให้นม แต่มันก็ไม่สมควรที่ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นต้องมาเห็น
ผู้บริหารเสนอว่าให้เราเปลี่ยนเป็นการปั๊มนมแทนการเอาลูกเข้าเต้า จะได้ไม่ต้องเอาลูกเข้าออกเต้าให้คนอื่นเห็น 
แต่เราก็ชี้แจงไปว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ ซ้ำเสียงที่ปั๊มนมยังค่อนข้างดังกว่าเสียงลูกเข้าเต้า
ตอนนี้เราเลยถูกกดดันให้เลือก 2 ทางค่ะ คือต้องตั้งกล้องอย่างที่ผู้บริหารต้องการ กับอีกแนวทางนึงที่สามีเสนอคือลาออกมาเลย
และเราดูจะเอนเอียงไปในแนวทางที่ 2 พอสมควรค่ะ 

จริงๆ ก็เคยคิดมาก่อนหน้านี้ว่าหลังคลอด อาจจะลาออก เนื่องจากกลัวเหนื่อยจากงานแล้วจะเลี้ยงลูกได้ไม่เต็มที่ 
เรายังสองจิตสองใจ แม้สามีจะมีรายได้จากหลายทางที่ดีมาก และตัวเราเองจะมีรายได้จากทางอื่นบ้าง 
เพราะเรากลัวเรื่องไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น แล้วสมัยนี้งานก็หาไม่ง่ายแม้เราจะแค่ 30 ต้นๆ ก็ตาม 
อีกอย่างคือเราค่อนข้างชอบการทำงานแบบ Remote 100% แล้วด้วยค่ะ กลัวว่าถ้าหางานใหม่ในตำแหน่งใกล้เคียงกัน 
แล้วการทำงานจะไม่ได้ Remote 100% ค่ะ แต่อีกใจนึงก็อยากจะเต็มที่กับการเลี้ยงลูกด้วย 

ตอนนี้สามีเสนอมาว่า จะลองสอบถามไปยังบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ว่าพอจะมีตำแหน่งอะไรที่เราทำได้ไหม 
เพราะบริษัทสามีก็ทำงานแบบ Remote 100% เพียงแต่เป็นบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ ไม่ใช่บริษัทในไทยเหมือนบริษัทที่เราทำอยู่ค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้างานที่ทำไม่ใช่ Remote ต้องเข้า office 100% จขกท จะทำแบบไหนคะ

ต้องหาคนมาเลี้ยงใช่ไหมคะ

ในเมื่อกลับมาทำงานแล้ว ทำไมไม่หาคนมาเลี้ยงมาช่วยดูค่ะ แล้วก็ใช้ปั้มเหมือนที่ผู้บริการบอก

ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกเข้าเต้า หรือ ปั้มดูดนะะค

ประเด็นสำหรับผู้บริการคือ มันคือเวลางาน เพราะฉะนั้นต้องทำงานค่ะ ไม่ใช่เลี้ยงลูก เอาลูกเข้าเต้า มันจะเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ แล้วมันจะเสียระบบ

และเหมือนที่ท่านบนๆ บอก เรื่องนี้แก้ปัญหาได้ด้วยเงิน คือ

1. จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูลูก แล้ว จขกท ก็ปั้มนมเอา เดินไปดูลูกบ้างบางเวลา
2. ลาออกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
เราว่าคุณเข้าใจผิดเรื่อง wfh ละ บริษัทให้คุณ wfh คือทำงานที่บ้าน ไม่ได้หมายความว่าให้เลี้ยงลูกไปด้วย ทำงานไปด้วยนะคะ ถ้าเราเป็นผู้บริหาร เจอคุณตอบว่าต้องให้นมลูกตอนประชุมเนี่ย เราก็คงเซ็ง คือจ้างมาทำงาน แต่ให้สามารถทำงานที่บ้านได้ แต่ดันมาบอกว่าไม่สะดวกเพราะเลี้ยงลูกอยู่
ความคิดเห็นที่ 17
เวลางานก็คือเวลางานค่ะ ไม่ใช่เวลาเลี้ยงลูก  แยกแยะส่วนนี้ออกนะคะ  
ยิ่งแต่ทำงานอยู่ตำแหน่งฝ่ายบุคคลด้วยแล้วน่าจะทราบเหตุผลดีค่ะ
แนะนำให้จ้างพี่เลี้ยงมาช่วยดูลูกค่ะ แล้วถ้าประชุมใช้เวลายาวนานก็ปั้มนมไปด้วยค่ะ  แต่ไม่ควรที่จะเอาลูกมาเป็นข้ออ้างในการให้นม
ความคิดเห็นที่ 23
เวลาทำงาน ควรให้ความสำคัญกับเรื่องงานเป็นอันดับหนึ่งค่ะ
คุณอยู่บ้านคุณจะทำอะไรก็ได้ก็จริง แต่คุณต้องเตรียมพร้อมเสมอเมื่อมีเรื่องงานเข้ามา
ไม่ใช่บอกว่าตอนนี้ยังไม่สะดวกเพราะให้นมลูกอยู่
ความคิดแบบคุณก็ไม่ต่างจากคนที่ชอบเอาเรื่องลูกมาเป็นข้ออ้างในการเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
เช่นพวกที่มาสายกลับเร็วเพราะอ้างว่าต้องไปรับส่งลูก เป็นต้น
หรืออีกตัวอย่าง ถ้าคุณต้องติดต่องานกับพนักงานคนหนึ่ง แต่พนักงานคนนั้นบอกว่ายังไม่สะดวกจะคุยกับคุณเพราะกำลังให้นมลูกอยู่ คุณจะรู้สึกยังไง
ถ้าผู้บริหารยอมให้คุณมีอภิสิทธิ์ได้ คนอื่นก็ต้องขออภิสิทธิ์ได้เหมือนกัน
ต่อไปงานอาจจะเดินได้ช้า เพราะใครๆก็มีข้ออ้างในการทำเรื่องส่วนตัวในเวลางานได้ทั้งนั้น

ถ้าคุณไม่พอใจกับนโยบายของที่นี่ ก็สามารถหางานใหม่ได้ค่ะ คุณเองก็มีสิทธิ์เลือก
แต่ถ้าจะบอกว่าบริษัทนี้ใจแคบ เราไม่เห็นด้วย เพราะสิ่งที่คุณทำคือจุดเริ่มต้นของการเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
การที่เค้าไม่ยอมให้เราเอาเปรียบแล้วเราไปตำหนิเค้าว่าใจแคบ คงไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก
ความคิดเห็นที่ 7
แม้จะทำงานแบบ remote ก็ตามแต่เวลางานคือเวลางานค่ะ คุณไม่สามารถเลี้ยงลูกและทำงานพร้อมกันได้ คุณควรมีพี่เลี้ยงช่วยเหลือในตอนกลางวัน หากงานของคุณต้องมีการประชุมในระหว่างวัน

บริษัทจ่ายเงินเดือนเพื่อให้คุณทำงานตามเวลาที่บริษัทซื้ออย่างเต็มที่

เรามองว่าคุณไม่ควรทำงานไปเลี้ยงลูกไป แม้กระทั่งเวลาประชุม

ถ้ามันนิดหน่อยก็พอได้ แต่ถึงขั้นเอาลูกเข้าเต้าระหว่างประชุมมันไม่สมควร

เรื่องนม คุณเอาลูกเข้าเต้านอกเวลางาน หรือช่วงพัก ช่วงที่ไม่ได้ประชุมมันก็ได้ แต่ควรเว้นช่วงประชุม หรือจำเป็นต้องเอานมออกระหว่างประขุม คุณใช้เครื่องปั้มนม แล้วผ้าคลุม ใช้หูฟังแทนมันช่วยตัดเสียงได้อยู่ ไม่ได้ดังมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่